วิเคราะห์ราคาทองคำ 15 ม.ค(ภาคเช้า) by HGF, SCT, GCAP, YLG, MTS,InterGold

วิเคราะห์ราคาทองคำ 15 ม.ค.64(ภาคเช้า) by HGF

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

กองทุน SPDR ขายทองคำต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ขายอีก 10.21 ตัน

คืนนี้สหรัฐจะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัว 

แนวโน้มราคาทองคำคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,835-1,860 ดอลลาร์

  • ราคาทองคำ Spot เมื่อวานปรับตัวขึ้น โดยมีปัจจัยบวกจากโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “American Rescue Plan” วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งสหรัฐประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์อยู่ที่ระดับ 965,000 ราย สูงกว่าตลาดคาดจะอยู่ที่ระดับ 785,000 ราย  แต่มีปัจจัยลบจากแรงเทขายทองคำของกองทุน SPDR ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยขายทองคำ 10.21 ตันเมื่อวาน
  • คืนนี้สหรัฐจะประกาศยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. ตลาดคาดจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์กเดือนม.ค. ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.7 จากระดับ 4.9 ในเดือนธ.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนธ.ค. ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.ของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ตลาดคาดจะลดลงเป็น 79.5 จากระดับ 80.7 ในเดือนธ.ค.
  • แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,835-1,860   ดอลลาร์ โดยมีแนวต้าน 1,860 ดอลลาร์ และ 1,880 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวรับที่ 1,835  ดอลลาร์ และ 1,820 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,845.90+1.601,835/1,8201,860/1,880

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
26,200-15026,100/25,95026,400/26,600

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
26,390+5026,250/26,04026,520/26,760

แนะนำเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวที่ราคาทอง Spot 1,835 ดอลลาร์ (GF 26,250 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,825 ดอลลาร์ (GF 26,120 บาท)

การลงทุนในทองแท่ง แนะนำทยอยสะสมเมื่อราคาทองคำ Spot ปรับลงมาที่ 1,820 ดอลลาร์ และ 1,800 ดอลลาร์

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,847.50+2.101,840/1,8251,865/1,885

แนะนำเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวที่ราคา GOH21 1,840 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,830 ดอลลาร์

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย  ซึ่งเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าอัตราเงินเฟ้อแตะระดับ 2% และสหรัฐประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์อยู่ที่ระดับ 965,000 ราย สูงกว่าตลาดคาด สำหรับ USD Futures เดือนมี.ค.64 คาดจะมีแนวรับที่ 29.90 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 30.10 บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์อ่อน หลังสหรัฐเผยข้อมูลแรงงานซบเซา

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (14 ม.ค.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอ่อนแอ  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.13% แตะที่ 90.2400 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดลบ 3.5 ดอลล์ เหตุบอนด์ยีลด์พุ่งกดดันตลาด

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ดีดตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้   สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 3.5 ดอลลาร์ หรือ 0.19% ปิดที่ 1,851.4 ดอลลาร์/ออนซ์     สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 25.802 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมัน WTI ปิดบวก 66 เซนต์ รับความหวังวัคซีนหนุนดีมานด์น้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (14 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า การที่หลายประเทศเริ่มฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ให้กับประชาชน และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ จะช่วยให้เศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา  สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 53.57 ดอลลาร์/บาร์เรล           สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 36 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 56.42 ดอลลาร์/บาร์เรล

ตลาดหุ้นต่างประเทศ ดาวโจนส์ปิดลบ 68.95 จุด วิตกข้อมูลแรงงานสหรัฐซบเซา

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (14 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอ่อนแอ โดยข้อมูลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19   ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,991.52 จุด ลดลง 68.95 จุด หรือ -0.22% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,795.54 จุด ลดลง 14.30 จุด หรือ -0.38% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,112.64 จุด ลดลง 16.31 จุด หรือ -0.12%

วิเคราะห์ราคาทองคำ 15 ม.ค.64(ภาคเช้า) by SCT

โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด

แนวรับ 1840/ 1830/1820 แนวต้าน 1865/1870/1882
                            Gold/silver       USD           Baht               DOW (stock)
ระยะสั้น                      SW              SW        SW DOWN               SW
ระยะกลาง            SW DOWN       SW UP    SW/WEAK               SW
ระยะยาว               NEUTRAL      NEUTRAL  NEUTRAL          BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS 1840-1860
จุดเข้า SELL 1860-80
เป้าหมาย 1800-1830
SL 1885
รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1800-1920
จุดเข้า BUY 1800-1820
เป้าหมาย 1880
SL 1795

ภาพรวม :ภาพรวมตลาดทองยังคง sideway ออกข้างในกรอบ 1840 – 1860 เมื่อคืนเฟตมีแถลงการณ์และยืนยันว่าจะยังคงตรึงดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมที่ 0-0.25% และจะยังไม่มีการปรับดอกเบี้ยขึ้นเร็วๆนี้ รวมถึงข่าวการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ American Rescue Plan แต่ดูเหมือนจะไม่มีผลกับราคาทองและดอลล่าร์เท่าไหร่ จับตาตัวเลขเศรษฐกิจคืนนี้อาจจะส่งผลให้ทองผันผวนได้

กลยุทธ์ : แผนการเทรดระยะสั้น ยังแนะนำปรับพอร์ตให้สมดุล เนื่องจากตลาดทองขาดแรงซื้อหนุนและไม่ผ่านแนวต้านเทคนิคแถว $ 1880 แนะนำซื้อขายในกรอบระยะสั้นก่อน รอท่าทีที่ชัดเจนอีกครั้ง

วิเคราะห์ราคาทองคำ 15 ม.ค.64(ภาคเช้า) by Gcap

โดย: บริษัท จีแคป จำกัด

แนะแนวทางการลงทุน
แนวรับ 1,832 – 1,827- 1,822
แนวต้าน 1,863 – 1,868 – 1,873
ทองคำขยับตัวเล็กน้อย นักลงทุนเพิ่มการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ประกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ นอกจากนี้ราคายังอยู่ในช่วงการปรับฐานทางเทคนิค ระหว่างวันอาจเห็นการเคลื่อนตัวในลักษณะ Sideway Up แนะขายเมื่อราคาเคลื่อนตัวเข้าหาแนวต้าน

แนวโน้มช่วงเช้า
มุมมองทองคำภาคเช้า ทองคำได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย โดยเมื่อคืนนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.09% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.834% นักลงทุนจับตาการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยล่าสุดนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชื่อว่า “American Rescue Plan” ซึ่งมีวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจให้สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 26-27 ม.ค. ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอ่อนแอ
ดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้นสู่ระดับ 965,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ส.ค.2563 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 795,000 ราย
ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกมีสาเหตุจากการแพร่ระบาดครั้งใหม่ของไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ทำให้ภาคธุรกิจปิดกิจการและมีการปลดพนักงานจำนวนมาก

วิเคราะห์ราคาทองคำ 15 ม.ค.64(ภาคเช้า) by YLG

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

ยังมีลุ้นที่ราคาอาจไปทดสอบแนวต้านโซนที่ 1,864-1,874 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคายืนไม่ได้อาจเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมา เมื่อราคาทองคำอ่อนตัวลงจะมีแนวรับบริเวณ 1,833-1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,833 1,818 1,800  แนวต้าน : 1,874 1,889 1,898

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ทั้งนี้  ราคาทองคำฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดที่ลงไปทดสอบในระหว่างวันบริเวณ 1,831.16 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยได้รับแรงหนุนจาก 2 ประเด็น  ได้แก่  (1.) การเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่พุ่งขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 965,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ส.ค. สะท้อนว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงเปราะบาง  (2.) ถ้อยแถลงของนายเจอโรม  พาวเวลล์ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่ระบุชัดว่า  เฟดจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้(no time soon) และย้ำว่ายังเร็วเกินไปที่จะหารือเกี่ยวกับการลดวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตร(QE tapering) ในระยะเวลาอันใกล้นี้  สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงจนเป็นปัจจัยหนุนทองคำ  อย่างไรก็ดี  การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำยังอยู่ในกรอบจำกัด  เพราะอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปียังคงเคลื่อนไหวเหนือ 1.10% ต่อเนื่องขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชื่อว่า “American Rescue Plan”ซึ่งนายโจ ไบเดนว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐเปิดเผยวานนี้  โดยมาตรการดังกล่าวมีวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์   ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย  นอกจากนี้  การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากกองทุน SPDR ที่ถือครองทองคำลดลง -10.21 ตันอีกด้วย  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ  อาทิ  ยอดค้าปลีก, ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม(Empire State Index), ดัชนีราคาผู้บริโภค (PPI), อัตราการใช้กำลังการผลิต, การผลิตภาคอุตสาหกรรม, สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจและคาดการณ์ความเชื่อมั่นผู้บริโภค จาก UoM

จจัยทางเทคนิค :

หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,864-1,874 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถ้ายังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน อย่างไรก็ตามหากการอ่อนลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,833-1,818 ประเมินว่าเป็นการอ่อนตัวลงเพื่อสะสมแรงซื้ออีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน :

เปิดสถานะซื้อในบริเวณ 1,833-1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ลดพอร์ตการลงทุนหากราคาหลุด 1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์) หากราคาดีดตัวขึ้นให้พิจารณาโซน 1,864-1,874 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นจุดปิดสถานะทำกำไร

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ดาวโจนส์ปิดลบ 68.95 จุด วิตกข้อมูลแรงงานสหรัฐซบเซา  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอ่อนแอ โดยข้อมูลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,991.52 จุด ลดลง 68.95 จุด หรือ -0.22% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,795.54 จุด ลดลง 14.30 จุด หรือ -0.38% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,112.64 จุด ลดลง 16.31 จุด หรือ -0.12%
  • (+) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานพุ่งเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้นสู่ระดับ 965,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ส.ค.2563 จากระดับ 784,000 รายที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ หลังจากปรับตัวลง 3 สัปดาห์ติดต่อกัน  นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 795,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
  • (+) ซีอีโอ “โมเดอร์นา” เตือนโควิด-19 จะอยู่กับโลก “ตลอดไป”  นายสเตเฟน แบนเซล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทโมเดอร์นา อิงค์ กล่าวเตือนว่า ไวรัสโควิด-19 จะอยู่กับโลก “ตลอดไป”  “โควิด-19 จะไม่หายไปไหน และเราจะต้องอยู่กับไวรัสนี้ตลอดไป” นายแบนเซลกล่าวในการประชุมว่าด้วยสุขภาพซึ่งจัดขึ้นโดยเจพีมอร์แกน  นายแบนเซลเห็นพ้องกับเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขที่ระบุว่า โควิด-19 จะกลายเป็นโรคเฉพาะถิ่น ซึ่งหมายความว่า โควิด-19 จะอยู่ในแหล่งชุมชนต่างๆตลอดเวลา แม้ว่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ปรากฎในขณะนี้  นายแบนเซลยังระบุว่า เจ้าหน้าที่จะต้องจับตาการกลายพันธุ์ของโควิด-19 เพื่อทำการผลิตวัคซีนในการต่อสู้กับไวรัสดังกล่าว
  • (+) ดอลล์อ่อน หลังสหรัฐเผยข้อมูลแรงงานซบเซา  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอ่อนแอ  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.13% แตะที่ 90.2400 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 103.79 เยน จากระดับ 103.88 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8877 ฟรังก์ จากระดับ 0.8879 ฟรังก์ นอกจากนี้ยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2637 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2697 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2155 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2154 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3681 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3630 ดอลลาร์
  • (-) สหรัฐเผยดัชนีราคานำเข้าพุ่งขึ้นมากกว่าคาดในเดือนธ.ค.  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าดีดตัวขึ้นมากกว่าคาดในเดือนธ.ค. โดยพุ่งขึ้น 0.9% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย.  นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีราคานำเข้าเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนธ.ค.
  • (-) โควิด-19 คร่าชีวิตชาวเยอรมันวันเดียวมากกว่า 1,200 ราย สูงเป็นประวัติการณ์  สถาบันโรเบิร์ต คอช (RKI) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลเยอรมนีในการควบคุมโรคติดเชื้อ เปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเยอรมนีจำนวน 1,244 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาด
  • (+/-) ไบเดนประกาศมาตรการกระตุ้นศก.วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลล์ ช่วยครัวเรือน-ภาคธุรกิจรับมือโควิด  นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชื่อว่า “American Rescue Plan” ในวันพฤหัสบดี (14 ม.ค.) ตามเวลาสหรัฐ โดยมาตรการดังกล่าวมีวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจให้สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  นายไบเดนได้ประกาศมาตรการ American Rescue Plan ในระหว่างการประชุมร่วมกับทีมเศรษฐกิจที่เมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ โดยมาตรการดังกล่าวประกอบไปด้วย  ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากระดับ 7.25 ดอลลาร์/ชั่วโมงในปัจจุบัน สู่ระดับ 15 ดอลลาร์, เพิ่มวงเงินในการส่งเช็คเงินสดให้แก่ชาวอเมริกันเป็นคนละ 2,000 ดอลลาร์ จากเดิมที่ได้คนละ 600 ดอลลาร์, เพิ่มวงเงินช่วยเหลือคนตกงานเป็น 400 ดอลลาร์/สัปดาห์ และให้ขยายโครงการช่วยเหลือไปจนถึงสิ้นเดือนก.ย., ให้เงินช่วยเหลือรัฐต่างๆ และรัฐบาลท้องถิ่น จำนวน 3.50 แสนล้านดอลลาร์, ให้เงินช่วยเหลือโรงเรียนและสถาบันการศึกษา จำนวน 1.70 แสนล้านดอลลาร์, ให้เงินสนับสนุนการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 5 หมื่นล้านดอลลาร์, ให้เงินช่วยเหลือในโครงการวัคซีนแห่งชาติภายใต้ความร่วมมือกับรัฐและองค์กรต่างๆ วงเงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ 

วิเคราะห์ราคาทองคำ 15 ม.ค.64(ภาคเช้า) by MTS

โดย  : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำเคลื่อนตัวกรอบแคบระหว่าง 1,835 – 1,840 เหรียญ โดยบางช่วงทะลุแรงขายลงมาบ้าง และตลาดรอคอยการแถลงของนายโจ ไบเดน ในการจะกระตุ้นเศรษฐกิจ และการเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. นี้ ขณะที่ถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด บ่งชี้ถึงท่าที Dovish ด้วยการไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ภาพรวมดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย และเช้านี้อยู่ที่ 90.25 จุด ค่อนข้างทรงตัวเหนือ 90 จุด ด้าน SPDR เทขายทองคำออก 10.21 ตัน ปัจจุบันถือครองทองที่ระดับ 1,161 ตัน สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อวานนี้  Jobless Claims สหรัฐฯออกมาแย่กว่าคาด ขณะที่ PPI คืนนี้จะขยายตัวได้บ้างเล็กน้อยหลังจากติดลบวานนี้

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำเริ่มเคลื่อนตัว Sideways ในกรอบ 1,835 – 1,855 เหรียญ และตลาดรอคอยข่าวใหม่ๆที่จะเข้ามา และทองคำ Gold Spot และ  Gold Comex คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบโดยมีแนวรับ 1,835 เหรียญ และแนวต้าน 1,855 เหรียญ ในส่วนของ Gold Online Futures คาดจะมีแนวรับที่ 1,840 เหรียญ และแนวต้าน 1,860 เหรียญ สำหรับราคาทองคำไทยคาดว่าจะขึ้นได้ประมาณ 100 บาท/บาททองคำในเช้าวันนี้

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

SIDEWAYS เก็งกำไรระยะสั้นๆในกรอบ เน้นเล่นสั้นตามการแกว่ง และปรับพอร์ตสมดุลเสมอ

– นักลงทุนที่ถือ Long Position 

ลงซื้อขึ้นขาย เก็งกำไรระยะสั้นๆในกรอบ มี Stop Loss  เสมอหากต่ำกว่าแนวรับ

– นักลงทุนที่ถือ Short Position

แนะนำเล่นสั้นๆ หาจังหวะขายก่อนตามแนวต้าน และรอซื้อปิดทำกำไรตามแนวรับ มี Stop Loss หากสูงกว่าแนวต้าน

Gold Futures 10G21 จะมีแนวรับที่ระดับ 26,200 บาท และแนวต้านที่ระดับ 26,500 บาท

ที่มา : gold.in.th( 15 ม.ค. 64 )

Comments (0)
Add Comment