บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 24 พ.ค.64 by MTS, Gcap, SCT, YLG, GT

โดย  : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำยังคงทรงตัวในช่วงคืนวันศุกร์ และยังปิดได้แถว 1,880 เหรียญ ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาทรงตัว ท่ามกลางตลาดที่ลดความกังวลเรื่องดอกเบี้ยและ QE สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯในคืนวันศุกร์ ได้แก่ Flash Manufacturing PMI ออกมาดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ด้าน Bitcoin ปิดตลาดบริเวณ 35,891.2 เหรียญ ท่ามกลางแรงกดดันจากสหรัฐฯและจีนที่ต้องการปราบปรามการทุจริตและการฟอกเงิน สำหรับกองทุน SPDR เมื่อวันศุกร์ทำการเข้าซื้อทองคำเพิ่มอีก 5.83 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ระดับ 1,042.92 ตันค่าเงินดอลลาร์ค่อนข้างทรงตัวจากที่เปิดตลาดบริเวณ 89.78 จุด ก่อนจะปิดตลาดบริเวณ 89.92 จุด เช้านี้เปิดมาที่ 90.03 จุด สำหรับเงินบาทยังค่อนข้างทรงตัวบริเวณ 31.32-31.40 บาท/ดอลลาร์ ภาพรวมคาดว่าอาจจะเห็นเงินบาทอ่อน และต้องติดตามสถานการณ์ส่งออกที่คาดว่าจะเปิดเผยในวันนี้ ท่ามกลางหลายๆฝ่ายที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยอาจจะแย่ต่อจากวิกฤต Covid-19 ที่ยังไม่สามารถควบคุมได้มีแนวโน้มกระทบเศรษฐกิจไทยต่อเนื่อง

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ทองคำทำสูงสุดใหม่แถว 1,890 เหรียญ ภาพรวมทองคำน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,870 เหรียญ และมีแนวต้าน 1,895 – 1,900 เหรียญ โดยระดับ 1,900 เหรียญ ถือเป็นระดับแนวต้านสำคัญต่อเนื่อง สำหรับ Gold Online Futures จะมีแนวรับที่ 1,872 เหรียญ และแนวต้าน 1,897 เหรียญ ซึ่งภาพรวมเฉลี่ย Gold Online Futures ในสัปดาห์ที่แล้วมี Volume การซื้อขายประมาณ 40,000 คู่สัญญา ทางด้าน Gold Comex จะมีแนวรับ 1,870 เหรียญ และแนวต้าน 1,895 เหรียญ อย่างไรก็ดี คาดว่าราคาทองคำไทยจะปรับขึ้นได้ราว 100 บาท/บาททองคำ

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

เก็งกำไรระยะสั้นๆในกรอบ แนะเป็นลักษณะลงซื้อขึ้นขาย เน้นทำกำไรขาขึ้นระยะสั้นๆ โดยมี Stop Loss หากต่ำกว่า 1,870 เหรียญลงไป

– นักลงทุนที่ถือ Long Position 

ลงซื้อขึ้นขาย เก็งกำไรระยะสั้นๆในกรอบ มี Stop Loss หากต่ำกว่าแนวรับ

 – นักลงทุนที่ถือ Short Position

ไม่แนะนำให้ถือครองสถานะเวลานี้

Gold Futures 10M21 จะมีแนวรับที่ระดับ 27,950 บาท และแนวต้านที่ระดับ 28,250  บาท

โดย : บริษัท จีแคป จำกัด

แนะแนวทางการลงทุน

แนวรับ 1,856-  1,850-  1,845

แนวต้าน  1,906 – 1,9111,917

                ทองคำอ่อนตัวเล็กน้อยโดยได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ  ที่แข็งค่าขึ้นหลังจากประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา  อย่างไรก็ตามการอ่อนตัวลงของทองคำก็ไม่ได้เสียการทรงตัวมากนัก ยังมองว่าเป็นการย่อตัวเพื่อสะสมกำลังเพื่อขึ้นต่อ นักลงทุนยังสามารถเก็งกำไรทิศทางขาขึ้นต่อไปได้

แนวโน้มราคาทองคำช่วงเช้า

                ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ 

                ยอดขายบ้านใหม่  ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค  ดัชนีภาคการผลิตสาขาริชมอนด์  คำสั่งซื้อสินค้าคงทน  GDP  จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน  ยอดขายบ้านที่รอปิดการขาย  ดัชนีภาคการผลิตเฟด แคนซัสซิตี้  ดุลการค้า  รายได้ส่วนบุคคล  รายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล  ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล  สินค้าคงคลังภาคค้าส่ง  ดัชนีฝ่ายจัดซื้อ ชิคาโก  ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริภค  เป็นต้น          

สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ  โดยการเปิดเผยข้อมูลจากไอเอชเอสมาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงินเปิดเผยว่า ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 68.1 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 63.5 ในเดือนเม.ย. โดยดัชนี PMI ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงมีการขยายตัวทั้งภาคการผลิตและบริการ

โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด

คำแนะนำ : ทองปิดแดนบวกดูมีลุ้น
สัปดาห์นี้ตัวเลขไม่เยอะแต่เทรนทองยังบวก กลยุทธ์เล่นทางซื้อ SL 1852

แนวรับ 1870|1865|1853   แนวต้าน 1890|1900|1920
                   Gold/silver           USD           Baht        DOW (stock)
ระยะสั้น       SW/SW UP    SW DOWN       SW                SW  
ระยะกลาง        SW UP              SW            SW             SW UP
ระยะยาว        NEUTRAL       BULLISH    NEUTRAL   BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAY UP    1860-1900
จุดเข้า BUY 1860-71
เป้าหมาย 1890-1920
SL 1850
รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1820-1990
จุดเข้า BUY 1855-70
เป้าหมาย 1920/1950
SL 1820
บทวิเคราะห์ : ราคาทองปิดตลาดแดนบวกแม้จะมีแรงขายกดลงมาแต่แรงซื้อที่มาจากการหนีตลาดบิตคอยส์และความกังวลเงินเฟ้อที่สูงขึ้นยังเป็นปัจจัยบวกกับราคาทองในช่วงนี้จนกว่าเฟดจะมีการประชุม FOMC กลางเดือนหน้าที่คาดกันว่าเฟดอาจจะเริ่มเปลี่ยนท่าทีเตรียมจะลด( TAPERING )วงเงิน QE หลังเงินเฟ้อและ BOND YIELD ที่สูงขึ้น ภาพรวมทองจึงดูได้เปรียบเพียงแค่ราคาทองขึ้นมาแรงแต่การพักฐานยังเป็นเพียงแค่ออกข้าง ประกอบกับราคาใกล้ $1900-20 ซึ่งเป็นแนวต้านเก่าจะมีแรงขายมากพิเศษ สัปดาห์นี้ตัวเลขมีประกาศไม่มากที่น่าจับตาคือ GDP ของไตรมาส1 สหรัฐฯ นอกจากนี้ยังต้องจับตาค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าเพราะเฟดยังไม่มีท่าทีจะ TAPERING เหมือนประเทศอื่นๆ
กลยุทธ์ : ทองยืนระดับ $1853-60 ได้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาจึงยังแนะทางซื้อเช่นเดิมและขายแถว $1890-1920   โดยมีจุดหนีที่ $1850 คาดว่าหลังพักฐานนี้เสร็จทองจะขึ้นต่อตามอารมณ์ตลาดทองที่เป็นบวก

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

ราคาอาจขึ้นไปทดสอบแนวต้านโซนที่ 1,900-1,906 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคายืนไม่ได้อาจเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมา เมื่อราคาทองคำอ่อนตัวลงจะมีแนวรับบริเวณ 1,870-1,859 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,870 1,859 1,845  แนวต้าน : 1,906 1,918 1,934

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.50  ดอลลาร์ต่อออนซ์  แม้ในระหว่างวันราคาทองคำจะทะยานขึ้นไปทำระดับสูงสุดบริเวณ  1,889.35 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์  ท่ามกลางการแข็งค่าของยูโรและปอนด์  หลังจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งยุโรปที่ออกมาดีเกินคาด  อาทิ  ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของสหราชอาณาจักร ที่ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 62.0 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์  ส่วนดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซน ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 56.9 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี  สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 4 เดือนบริเวณ 89.65 จนเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ราคาทองคำดีดตัวขึ้นแรง  อย่างไรก็ดี  ราคาทองคำปรับตัวลงแรงในทันทีที่มาร์กิตเปิดเผยว่าดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ดีดตัวเกินคาดสู่ระดับ 68.1 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์  สะท้อนการขยายตัวควบคู่กันทั้งภาคการผลิตและบริการ  ส่งผลให้ดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในระหว่างวัน  ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นขานรับตัวเลขดังกล่าวเช่นกัน  จนเป็นปัจจัยกดดันให้ราคาทองคำร่วงลงแรงสู่ระดับต่ำสุดบริเวณ 1,870.07 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ก่อนจะมีแรงซื้อในช่วงปลายตลาดหนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นมาปิดตลาดบริเวณ 1,880.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่มอีก +5.83 ตันโดยเกิดกระแสเงินทุนไหลเข้าต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ติดต่อกัน  สำหรับวันนี้ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ  แต่แนะนำติดตามถ้อยแถลงของนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดแอตแลนตา และนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด

ปัจจัยทางเทคนิค :

ระหว่างวันหากราคาทองคำไม่หลุด 1,875-1,870 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนวโน้มราคาทองคำในระยะสั้นราคายังคงมีรูปแบบแกว่งตัวในลักษณะค่อยปรับตัวขึ้น ซึ่งมีโอกาสดีดตัวขึ้นทดสอบบริเวณ 1,900-1,906 ดอลลาร์ต่อออนซ์  แต่หากราคาทองคำหลุดแนวรับดังกล่าว มีโอกาสปรับตัวลงไปหาแนวรับถัดไปที่ 1,859 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

แนะนำเปิดสถานะซื้อ โดยอาจใช้บริเวณ 1,870-1,859 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากหลุดแนวรับโซน 1,859ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ตัดขาดทุน ขณะที่หากราคาดีดตัวขึ้นแนะนำทยอยแบ่งปิดสถานะทำกำไรโซน 1,900-1,906 ดอลลาร์ต่อออนซ์แต่ถ้าผ่านได้สามารถถือต่อ

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองลดลงในเดือนเม.ย. สวนทางคาดการณ์  -สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 โดยลดลง 2.7% สู่ระดับ 5.85 ล้านยูนิตในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6.09 ล้านยูนิต 
  • (+) ดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการสหราชอาณาจักรพุ่งเป็นประวัติการณ์ในเดือนพ.ค.  ไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอส เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของสหราชอาณาจักร ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 62.0 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในเดือนม.ค.2541 จากระดับ 60.7 ในเดือนเม.ย.
  • (+) ดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการยูโรโซนพุ่งสูงสุดรอบกว่า 3 ปี  ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซน ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 56.9 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2561 จากระดับ 53.8 ในเดือนเม.ย.
  • (-) ดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการสหรัฐพุ่งเป็นประวัติการณ์ในเดือนพ.ค.  ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 68.1 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 63.5 ในเดือนเม.ย.  ดัชนี PMI ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว ทั้งภาคการผลิตและบริการ ทั้งนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 61.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 60.5 ในเดือนเม.ย.  สำหรับดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 70.1 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 64.7 ในเดือนเม.ย.
  • (-) ดอลล์แข็งค่า ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรั  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.23% สู่ระดับ 90.0185 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.91 เยน จากระดับ 108.79 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2062 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2059 ดอลลาร์แคนาดา แต่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8979 ฟรังก์ จากระดับ 0.8982 ฟรังก์  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2180 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2218 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.4154 ดอลลาร์ จากระดับ  1.4185 ดอลลาร์
  • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 123.69 จุด ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ขณะที่การปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มธนาคารช่วยหนุนตลาด แม้นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อก็ตาม  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,207.84 จุด เพิ่มขึ้น 123.69 จุด หรือ +0.36% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,155.86 จุด ลดลง 3.26 จุด หรือ -0.08% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,470.99 จุด ลดลง 64.75 จุด หรือ -0.48%
  • (-) อังกฤษเผยฉีดวัคซีนครบโดสป้องกันโควิดสายพันธุ์อินเดียได้เกือบเท่าสายพันธุ์อังกฤษ กระทรวงสาธารณสุขของอังกฤษ (PHE) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของไฟเซอร์-บิออนเทคและของแอสตร้าเซนเนก้าเมื่อฉีดครบทั้ง 2 โดส จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียได้เกือบเทียบเท่ากับสายพันธุ์อังกฤษ  ข้อมูลวิจัยของ PHE ระบุว่า วัคซีนของไฟเซอร์-บิออนเทคมีประสิทธิภาพ 88% ในการป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการจากเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ B.1.617.2 หรือสายพันธุ์ที่พบในอินเดีย ภายในเวลา 2 สัปดาห์หลังจากได้รับวัคซีนโดสที่ 2 โดยนำไปเปรียบเทียบกับประสิทธิภาพ 93% ของวัคซีนดังกล่าวในการป้องกันเชื้อสายพันธุ์ B.1.1.7 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีการแพร่ระบาดมากที่สุดในอังกฤษ  สำหรับวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้านั้น เมื่อฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว จะมีประสิทธิภาพ 60% ในการป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการจากสายพันธุ์อินเดีย เทียบกับประสิทธิภาพ 66% ในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษ
  • (+/-) ทำเนียบขาวปรับลดวงเงินลงทุนด้านสาธารณูปโภค หวังสภาสหรัฐไฟเขียว ทำเนียบขาวเปิดเผยในวันศุกร์ (21 พ.ค.) ว่า ได้ปรับลดวงเงินลงทุนด้านสาธารณูปโภคลงจาก 2.25 ล้านล้านดอลลาร์ เหลือ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ โดยจะลดการลงทุนในด้านบรอดแบนด์ รวมถึงในการสร้างถนนและสะพาน แต่พรรครีพับลิกันยังคงปฏิเสธการปรับลดวงเงินดังกล่าวโดยระบุว่ายังลดลงไม่เพียงพอที่จะทำข้อตกลงระหว่างกัน

โดย  : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

Fundamental

  • ตลาดเงินคริปโตยังพังไม่จบ หลังรัฐบาลจีนออกคำสั่งแบนเพิ่มอีกทั้งห้ามขุด ห้ามเทรดทุบบิตคอยน์จมลงหนักกว่า 50% จากจุดสูงสุด และยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น
  • Fed เตรียมออกใช้สกุลเงินดิจิตอลของตัวเองเร็ว ๆ นี้
  • รัฐบาลสหรัฐฯลดงบสาธารณูปโภคลงจาก 2.25 เหลือ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อเพิ่มโอกาสผ่านความเห็นชอบจากสภา แต่พรรครีพับลิกันยังคงไม่เห็นด้วย
  • คลังสหรัฐฯยังคงเดินหน้าเจรจาบีบให้ประเทศทั่วโลกออกกฎหมายบังคับเก็บภาษีนิติบุคคลอย่างน้อย 15%

Technical

  • รูปซ้ายราคาสามารถยืนระยะปรับฐานได้ในสัปดาห์ที่แล้ว และค่อย ๆ ยกตัวสูงขึ้น ในขณะที่ RSI สร้างฐานใต้ระดับ overbought จึงคาดว่าราคามีโอกาสทะลุ 1,900 ได้ในสัปดาห์นี้
  • รูปขวาราคาแกว่ง sideway up โดยใช้เส้น MA เป็นแนวดีดตัว ถือเป็นภาพเชิงบวกต่อการจะผ่านขึ้นเหนือกรอบแนวต้าน1,890
  • ทิศทางวันนี้ลุ้นทะลุ 1,890
  • จับจังหวะเล่นยังไง?ซื้อเก็งกำไร ถ้าผ่าน 1,900 ไปได้ ให้ถือต่อ แต่ถ้ายืนเหนือ 1,900 ไม่ได้ ให้ขายทิ้ง

Attention

  • ไบเดนอนุมัติให้สหรัฐฯทำการส่งออกวัคซีนโควิดแล้ว เนื่องจากเกินความต้องการใช้ในประเทศ
  • รอผล  ไบเดนเรียกคุยแกนนำในสภาคองเกรสทั้งจากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน คาดหาจุดร่วมเรื่องวงเงินอัดฉีดและมาตรการ เพื่อเบิกจ่ายโดยเร็ว

ที่มา : gold.in.th(24 พ.ค. 64)

Comments (0)
Add Comment