บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 30 มิ.ย.64 by Gcap, YLG, SCT, HGF

โดย : บริษัท จีแคป จำกัด

แนะแนวทางการลงทุน
แนวรับ 1,752- 1,748- 1,743
แนวต้าน 1,770 – 1,775– 1,779
ราคาทองคำปรับตัวลง โดนแรงกดดันจากสกุลงินดอลลาร์ที่แข็งค่า หลังจากประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ แรงขายจากปัจจัยทางเทคนิคก็กดราคาทองคำทำจุดต่ำสุดรอบใหม่ จากแรงขายในครั้งนี้ ทำให้ราคาเกิดสัญญาณ Bullish Divergence เหมาะกับการเก็บสะสมทองคำเข้าพอร์ต แนะเก็งกำไรขาขึ้น

แนวโน้มราคาทองคำช่วงเช้า
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 มิ.ย.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดทั่วโลกได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย และเทขายสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งรวมถึงดอลลาร์ออสเตรเลียและยูโร

มุมมองทองคำภาคเช้า นักลงทุนยังเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 127.3 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเดือนก.พ.2563 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 119.0 ขณะที่ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 14.6% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 30 ปี และเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของผู้ซื้อบ้าน และสต็อกบ้านที่ตึงตัว ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย.จาก
ADP, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์,
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ดุลการค้าเดือนพ.ค. และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ค. เป็นต้น

สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 มิ.ย.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดทั่วโลกได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย และเทขายสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งรวมถึงดอลลาร์ออสเตรเลียและยูโร

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

ราคาอยู่ในช่วงการพักฐาน โดยเน้นการเก็งกำไรระยะสั้น หากราคายืนเหนือโซนแนวรับแรกบริเวณ 1,751 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ ทำให้ราคายังคงมีโอกาสขยับขึ้นเพื่อทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,772-1,778 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,751 1,733 1,717  แนวต้าน : 1,778 1,705 1,812

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 17.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากหลายปัจจัย  ได้แก่ (1.)ความวิตกว่าการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ในหลายประเทศอาจคุกคามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก  สถานการณ์ดังกล่าวกระตุ้นแรงขายสกุลเงินเสี่ยง อาทิ  ดอลลาร์ออสเตรเลียและเงินปอนด์อังกฤษ แล้วเข้าซื้อสกุลเงินปลอดภัยอย่างดอลลาร์(2.) การเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐจาก Conference Boardที่พุ่งขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 127.3 ในเดือนมิ.ย. แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเดือนก.พ.2020 ซึ่งช่วยหนุนดอลลาร์เพิ่ม  (3.)ถ้อยแถลงของนายคริสโตเฟอร์วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่กล่าวเมื่อวันอังคารว่าเขา “มีมุมมองเชิงบวกอย่างมาก” เกี่ยวกับเศรษฐกิจ พร้อมเสริมว่าเฟดอาจต้องเริ่มลดวงเงิน QE อย่างเร็วสุดภายในปีนี้เพื่อให้มีตัวเลือกในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปีหน้านั่นทำให้นักลงทุนวิตกว่าหากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่กำลังจะถูกเปิดเผยในวันศุกร์นี้แข็งแกร่งเกินคาด  อาจยิ่งสนับสนุนให้เฟดเร่งถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงิน  ปัจจัยที่กล่าวมาหนุนให้ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.21% แตะระดับสูงสุดบริเวณ92.194  และเป็นการแข็งค่าขึ้นในวันเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือน 18 มิ.ย. จนเป็นปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการดิ่งลงของทองคำจนหลุดระดับต่ำสุดเดิมและสร้างระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือนที่ 1751.01 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือทองไม่เปลี่ยนแปลงสำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย. จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโก และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย

ปัจจัยทางเทคนิค :

ราคาทองคำพยายามสร้างฐานและพยายามทรงตัว ทั้งนี้ หากราคายืนเหนือโซน 1,751 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ระดับต่ำสุดวานนี้)ได้อาจทำให้เห็นการดีดตัวขึ้นเพื่อพยายามทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,772-1,778 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากยังไม่สามารถขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านได้ อาจเห็นการย่อตัวของราคาลงเพื่อสร้างฐานราคาอีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน :

ดูบริเวณ 1,772-1,778 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่ผ่านได้แนะนำเปิดสถานะขายทำกำไรระยะสั้น เพื่อรอเข้าซื้อทำกำไรเมื่อราคาอ่อนลงหรือไม่หลุดบริเวณแนวรับ 1,751 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากผ่านแนวต้านแรกได้ให้รอดูบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (สถานะขายตัดขาดทุนหากราคาผ่านได้)

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ‘สหรัฐฯ – ไต้หวัน’ เตรียมเจรจาการค้ารอบใหม่สัปดาห์นี้ท่ามกลางเสียงค้านจากจีน  สหรัฐฯ เตรียมพบเจรจากับผู้แทนการค้าของไต้หวันในสัปดาห์นี้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าท่ามกลางความขัดแย้งกับจีนแผ่นดินใหญ่  การประชุมคณะกรรมการข้อตกลงโครงร่างทางการค้าและการลงทุน (Trade and Investment Framework Agreement (TIFA) council meeting) จะมีขึ้นอีกครั้งในวันพุธนี้ หลังจากถูกระงับไปตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว  โฆษกทำเนียบขาว เจน ซากี แถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ว่า ไต้หวันคือประเทศผู้นำทางประชาธิปไตย เป็นประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ และเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ซึ่งทั้งสองประเทศจะร่วมกระชับความสัมพันธ์ในทุกด้านต่อไป รวมทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน  ด้านกระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน กล่าวว่า ไต้หวันจะสานสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดกับสหรัฐฯ ต่อไป รวมทั้งสำรวจความร่วมมือในด้านอื่น ๆ ผ่านการประชุม TIFA ครั้งนี้  ขณะที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน จ้าว หลี่เจียน แถลงข่าวตอบโต้ว่า ที่ผ่านมาจีนคัดค้านการยกระดับความสัมพันธ์ทุกรูปแบบระหว่างสหรัฐฯ กับไต้หวันมาโดยตลอด
  • (-) ผลวิจัยใหม่ชี้วัคซีนไฟเซอร์-โมเดอร์นา ก่อภูมิคุ้มกันสู้โควิดยาวนาน  คณะวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตันของสหรัฐ พบหลักฐานระบุว่า การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ได้จากการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นานั้น มีความแข็งแกร่งและอาจคงอยู่ได้เป็นระยะเวลานาน  คณะวิจัยได้รวบรวมตัวอย่างเซลล์จากผู้รับวัคซีนไฟเซอร์ 14 คน ในช่วงสัปดาห์ที่ 3, 4, 5 และ 7 หลังฉีดวัคซีนโดสแรก โดยผู้เข้าร่วมทดลอง 10 คนยังได้ให้ตัวอย่างเซลล์เพิ่มเติมในช่วงสัปดาห์ที่ 15 อีกด้วย อย่างไรก็ดีผู้เข้าร่วมทดลองทั้งหมดไม่เคยติดเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 มาก่อน  คณะวิจัยพบว่าในสัปดาห์ที่ 3 หลังฉีดวัคซีนโดสแรก ร่างกายของผู้เข้าร่วมทั้ง 14 คนได้สร้างศูนย์กลางเจอร์มินอล (Germinal Center) ที่มีเซลล์บี (B Cells) ซึ่งจะผลิตแอนติบอดีเพื่อดักจับโปรตีนของไวรัสโควิด-19 โดยกลไกดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นมากหลังได้รับการฉีดวัคซีนกระตุ้นและจะยังคงอยู่ในระดับสูงเรื่อยมา แม้กระทั่งในสัปดาห์ที่ 15 หลังฉีดวัคซีนโดสแรก ผู้เข้าร่วม 8 ใน 10 คน ยังคงมีศูนย์กลางเจอร์มินอลและเซลล์บีก็ยังคงอยู่
  • (-) Conference Board เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐพุ่งนิวไฮกว่า 1 ปี  ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 127.3 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเดือนก.พ.2563 จากระดับ 120.0 ในเดือนพ.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 119.0
  • (-) “เอสแอนด์พี” เผยราคาบ้านสหรัฐพุ่ง 14.6% ในเดือนเม.ย. สูงสุดรอบกว่า 30 ปี  ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 14.6% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 30 ปี จากระดับ 13.3% ในเดือนมี.ค. และเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11
  • (-) ดอลล์แข็งค่า เหตุวิตกโควิดหนุนแรงซื้อสกุลเงินปลอดภัย  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 มิ.ย.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดทั่วโลกได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย และเทขายสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งรวมถึงดอลลาร์ออสเตรเลียและยูโร  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.18% แตะที่ 92.0547 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9210 ฟรังก์ จากระดับ 0.9197 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2392 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2342 ดอลลาร์แคนาดา แต่เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 110.51 เยน จากระดับ 110.53 เยน  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1901 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1923 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3849 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3877 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7514 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7565 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 9.02 จุด,Nasdaq ทำนิวไฮ รับข้อมูลศก.สดใส-หุ้นเทคโนฯพุ่ง ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 มิ.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ยังคงปิดทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งได้แก่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี และดัชนีราคาบ้านพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบกว่า 30 ปี  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,292.29 จุด เพิ่มขึ้น 9.02 จุด หรือ +0.03% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,291.80 จุด เพิ่มขึ้น 1.19 จุด หรือ +0.03% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,528.34 จุด เพิ่มขึ้น 27.83 จุด หรือ + 0.19%

โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด

คำแนะนำ   :   ทองร่วงแต่ฟื้นกลับยังพอมีลุ้น คืนนี้จับตาตัวเลขสำคัญต่อ อาจพาทองผันผวน

แนวรับ 1755/ 1750| 1740   แนวต้าน 1780|1790|1795
              Gold/silver           USD                       Baht        DOW (stock)
ระยะสั้น   SW                         SW                      SW           SW  
ระยะกลาง  SW                         SW                      SW         SW UP
ระยะยาว NEUTRAL  BULLISH  NEUTRAL BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS  1745-85
จุดเข้า BUY 1745-55
เป้าหมาย 1800-20
SL 1730
รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1700-1900
จุดเข้า BUY 1730-55 เป้าหมาย 1850-1900
SL 1700
บทวิเคราะห์
เมื่อวานตัวเลขราคาบ้านและดัชนีความเชื่อมั่นสหรัฐฯดีพาทองร่วงทำ NEW LOW แต่ดีที่ราคาฟื้นกลับมาได้บ้าง ภาพรวมราคาทองเริ่มดูดีแต่ยังต้องลุ้นต่อให้ข้าม$1795 ให้ได้เพื่อเป็นขาขึ้น โดยราคาทองยังต้องผ่านด่านการประกาศตัวเลขสำคัญสหรัฐฯอีกสามวัน ซึ่งมีทั้งบวกและลบ จึงมีความเป็นไปได้ที่ราคาทองโลกยังผันผวนเช่นเดียวกับค่าเงินบาท โดยเมื่อวานบาทไทยอ่อนค่ามากที่สุดในรอบปีที่ 32 บาทเศษ จากความกังวลโควิดจะทำให้ต้อง LOCK DOWN
คืนนี้จับตาตัวเลขจ้างงาน ADP และยอดขายบ้านเก่าสหรัฐฯ หากราคาทองในวันนี้ยืนระดับ $1750 ได้ก็น่าจะรีบาวด์สั้นๆได้ จึงแนะนำฝั่งซื้อเมื่อย่อตัวเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น ก่อนตัวเลขจ้างงานที่สำคัญอย่าง NFP ประกาศในคืนวันศุกร์

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

ราคาทองคำลงแรงจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

คืนนี้สหรัฐจะประกาศการจ้างงานภาคเอกชน ADPเดือนมิ.ย.

ทองคำมีแนวรับสำคัญที่ 1,750 ดอลลาร์

  • ราคาทองคำเมื่อวานSpot ปรับลงแรงในการซื้อขายช่วงกลางคืนทำจุดต่ำสุดในรอบ 2 เดือน เนื่องจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์จากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยสหรัฐประกาศดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 127.3ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 14.6% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 30 ปี  และเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ถือครองทองคำเท่าเดิมเมื่อวาน
  • คืนนี้สหรัฐจะประกาศการจ้างงานภาคเอกชน ADP เดือนมิ.ย.ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 555,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 978,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ดัชนี PMI เขตชิคาโกเดือนมิ.ย.ตลาดคาดจะลดลงเหลือ  70.2 จาก 75.2 ในเดือนพ.ค. ยอดทำสัญญาขายบ้านรอปิดการขายเดือนพ.ค. ตลาดคาดจะลดลง 1.1% หลังจากที่เดือนเม.ย.ลดลง 4.4%
  • แนวโน้มราคาทองคำคาดผันผวนตามการจ้างงานภาคเอกชน ADP ของสหรัฐในกรณีที่ออกมาดีกว่าหรือแย่กว่าที่ตลาดคาดไว้โดยทองคำมีแนวรับสำคัญที่ 1,750 ดอลลาร์ ส่วนมีแนวต้านที่ 1,770 ดอลลาร์ และ 1,790 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,760.70-17.31,750/1,7301,770/1,790

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
26,850-5026,550/26,25026,750/27,000

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
26,960-8026,700/26,44026,910/27,180

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
26,960-8026,700/26,44026,910/27,180

แนะนำเปิดสถานะขายถ้าราคาทองคำ Spotหลุดแนวรับ1,750ดอลลาร์ (GF 26,700บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,760ดอลลาร์ (GF 26,820บาท)ส่วนการเข้าซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวแนะนำเมื่อราคาทองคำ Spot ปรับลงมาที่ 1,750 ดอลลาร์ (GF26,700บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,740ดอลลาร์ (GF 26,580บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,766.40-8.801,753/1,7331,773/1,793

แนะนำเปิดสถานะขายถ้าราคาGOU21หลุดแนวรับ1,753ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,763ดอลลาร์ ส่วนการเข้าซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวแนะนำเมื่อราคาGOU21ปรับลงมาที่ 1,753ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,743ดอลลาร์

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดอ่อนค่าลง ซึ่งเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักโดยสหรัฐประกาศดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 127.3ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 14.6% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 30 ปี เงินบาทยังได้รับปัจจัยกดดันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในประเทศที่ยังมีผู้ติดเชื้อสูงโดยเฉพาะในกทม.

สำหรับ USD Futures เดือนก.ย.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 31.90 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 32.10บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์แข็งค่าเหตุวิตกโควิดหนุนแรงซื้อสกุลเงินปลอดภัย

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (29 มิ.ย.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดทั่วโลกได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัยและเทขายสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งรวมถึงดอลลาร์ออสเตรเลียและยูโร ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.18% แตะที่ 92.0547 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดร่วง $17.1 เหตุดอลล์แข็ง-นลท.ขายสินทรัพย์ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 1% เมื่อคืนที่ผ่านมา (29 มิ.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาดนอกจากนี้ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 17.1 ดอลลาร์หรือ 0.96% ปิดที่ 1,763.6 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 35.3 เซนต์หรือ 1.34% ปิดที่ 25.901 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดบวก 7 เซนต์รับความหวังดีมานด์ฟื้นตัว-จับตาประชุมโอเปกพลัส

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (29 มิ.ย.) ขานรับความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมันขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรหรือโอเปกพลัสรวมทั้งรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์นี้สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 7 เซนต์หรือ 0.1% ปิดที่ 72.98 ดอลลาร์/บาร์เรลสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 8 เซนต์หรือ 0.1% ปิดที่ 74.76 ดอลลาร์/บาร์เรล

ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดบวก 9.02 จุด,Nasdaqทำนิวไฮรับข้อมูลศก.สดใส-หุ้นเทคโนฯพุ่ง

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (29 มิ.ย.) ขณะที่ดัชนีS&P500 และNasdaqยังคงปิดทำนิวไฮโดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐซึ่งได้แก่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีและดัชนีราคาบ้านพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบกว่า 30 ปี ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,292.29 จุดเพิ่มขึ้น 9.02 จุดหรือ +0.03% ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,291.80 จุดเพิ่มขึ้น 1.19 จุดหรือ +0.03% ดัชนีNasdaqปิดที่ 14,528.34 จุดเพิ่มขึ้น 27.83 จุดหรือ + 0.19%

ที่มา : gold.in.th(30 มิ.ย. 64)

Comments (0)
Add Comment