โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด
คำแนะนำ : ทองยืน 1800 ได้ มีลุ้นค่อยๆไปต่อ แต่ระวังผันผวนเพราะสัปดาห์นี้ข่าวเยอะ
แนวรับ 1795 / 1785/ 1775 แนวต้าน 1814|1820|1834
Gold/silver USD Baht DOW (stock)
ระยะสั้น SW /SW UP SW DOWN SW SW
ระยะกลาง SW UP SW DOWN SW SW UP
ระยะยาว BULLISH Neutral NEUTRAL BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAY UP 1788-1820
จุดเข้า BUY 1795-1800
เป้าหมาย 1830-34
SL 1784รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1700-1850
จุดเข้า BUY 1780-90 เป้าหมาย 1850/1875
SL 1775
บทวิเคราะห์ : ค่าเงินสหรัฐฯร่วง ดันราคาน้ำมัน หุ้น บิทคอยส์ และทองดีดตัวอย่างพร้อมเพียงกัน โดยเมื่อคืนตัวเลขฝั่งสหรัฐฯออกมาไม่ค่อยดี ผลักราคาทองทะลุเหนือ $1800 / ตราบใดที่ราคาทองยืน $1800 ได้เราถือว่าเป็นบวกและมีสิทธิไปเทสต้านสำคัญ $1834 อย่างไรก็ตามสัปดาห์นี้มีตัวเลขสำคัญประกาศเกือบทุกวัน จึงมีสิทธิที่ราคาจะผันผวนแกว่งขึ้นๆลงๆแต่โดยรวมราคาทองน่าจะค่อยๆยกตัวไปทางขึ้นมากกว่าลง หลังราคาแกว่งออกข้างในสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงแนะการเทรดทางซื้อเว้นแต่ราคาทองปิดต่ำกว่า $1788 อาจทำให้ราคาทองต้องพักฐานออกข้างสะสมพลังใหม่อีกรอบ
กลยุทธ์ : ย่อซื้อขึ้นขายสำหรับ DAY TRADE ส่วนนักลงทุนระยะกลางซื้อสะสมถือยาวขึ้นรอ FOMC กลางเดือนหน้า / คืนนี้มีตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ คาดว่าราคาทองน่าจะ SIDEWAY UP ในสัปดาห์นี้ด้วยข่าวดีๆมาหนุน ส่วนค่าเงินบาทอาจแข็งค่าบ้างตามการอ่อนค่าของค่าเงินสหรัฐฯและตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวตามต่างประเทศ ทำให้ราคาทองไทยไม่พุ่งแรง
โดย : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)
ทองคำทะลุแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์เฟดอาจยังไม่ลดวงเงินQE
คืนนี้สหรัฐจะประกาศยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค.
ทองคำคาดเริ่มมีแรงเทขายทำกำไร
- ราคาทองคำ Spotเมื่อวานปรับขึ้นแรงทะลุแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์ เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ การคาดการณ์ว่าการแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตาอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอเวลาการปรับลดวงเงินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐเดือนส.ค.ลดลงสู่ระดับ 55.4 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ขายทองคำ 4.95 ตัน หลังจากขายทองคำ 10.18 ตันในสัปดาห์ผ่านมา
- คืนนี้สหรัฐจะประกาศยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค. ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 698,000ยูนิตจากที่เดือนมิ.ย.อยู่ที่ระดับ676,000ยูนิตซึ่งสัปดาห์นี้ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามคือการประชุมเฟดประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮลในวันที่ 26-28 ส.ค.ซึ่งจะมีการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในวันที่ 27 ส.ค.
- แนวโน้มราคาทองคำคาดเริ่มลดลงจากแรงเทขายทำกำไร แต่มีแนวโน้มปรับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,810 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน ถ้าผ่านขึ้นไปได้จะมีแนวโน้มสดใสและจะมีแนวต้านถัดไปที่1,820 ดอลลาร์และแนวต้านสำคัญ1,833 ดอลลาร์ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,790 ดอลลาร์และ 1,780 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,805.00 | +24.34 | 1,790/1,780 | 1,810/1,820 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
28,250 | +100 | 28,200/28,050 | 28,500/28,650 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
28,470 | +130 | 28,320/28,170 | 28,640/28,770 |
การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำที่ราคาทองคำ Spot1,780ดอลลาร์ (GF28,170บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,770 ดอลลาร์(GF28,030บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,804.00 | +15.40 | 1,792/1,782 | 1,812/1,822 |
การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำที่ราคา GOU211,782ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,772 ดอลลาร์
ค่าเงิน
ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 33.20-33.40บาท/ดอลลาร์ทั้งนี้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐเดือนส.ค.ลดลงสู่ระดับ 55.4 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้มีผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง และอาจมีวัคซีนส่งมอบได้ตามกำหนดในปีนี้สำหรับ USD Futures เดือนก.ย.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33.20บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 33.40บาท/ดอลลาร์
News
ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์อ่อนค่าหลังภาคการผลิต-บริการสหรัฐชะลอตัว
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (23 ส.ค.) หลังมีรายงานว่าดัชนีภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐชะลอลงในเดือนส.ค. ซึ่งทำให้นักลงทุนลดการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินลดลง 0.58% แตะที่ 92.9582 เมื่อคืนนี้
ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดพุ่ง $22.3 ดอลล์อ่อนหนุนตลาด-คาดเฟดไม่เร่งลดQE
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา (23 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าการแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอเวลาการปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 22.3 ดอลลาร์หรือ 1.25% ปิดที่ 1,806.3 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 54.4 เซนต์หรือ 2.35% ปิดที่ 23.656 ดอลลาร์/ออนซ์
ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดพุ่ง $3.5 ขานรับดอลล์อ่อน-หุ้นสหรัฐดีดแรง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 5% เมื่อคืนที่ผ่านมา (23 ส.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีนี้โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์นอกจากนี้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันยังได้รับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งขานรับข่าวสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคอย่างเต็มรูปแบบ (full approval) สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 3.50 ดอลลาร์หรือ 5.6% ปิดที่ 65.64 ดอลลาร์/บาร์เรลสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 3.57 ดอลลาร์หรือ 5.5% ปิดที่ 68.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 215.63 จุดขานรับFDA ไฟเขียวใช้วัคซีนไฟเซอร์เต็มรูปแบบ
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนที่ผ่านมา (23 ส.ค.) ขณะที่ดัชนีNasdaqปิดทำนิวไฮหลังจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคอย่างเต็มรูปแบบ (full approval) ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้อัตราการฉีดวัคซีนในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสันโฮลในสัปดาห์นี้รวมทั้งการแสดงมุมมองเศรษฐกิจของนายเจอโรมพาวเวลประธานเฟดดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,335.71 จุดเพิ่มขึ้น 215.63 จุดหรือ +0.61% ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,479.53 จุดเพิ่มขึ้น 37.86 จุดหรือ +0.85% ดัชนีNasdaqปิดที่ 14,942.65 จุดเพิ่มขึ้น 227.99 จุดหรือ +1.55%
โดย : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด
Fundamental
- นักลงทุนมีมุมมองว่าFed อาจจะไม่สามารถประกาศเริ่มต้นการปรับลดวงเงิน QE ได้ทันภายในปีนี้ เพราะยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้าได้ในหลายพื้นที่ของสหรัฐฯ จึงทำให้น่าจะต้องพิจารณาสถานการณ์และกรอบระยะเวลาเพื่อกำหนดนโยบายกันใหม่
- ทำให้ราคาหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ต่างพากันพุ่งสูงขึ้น สร้างความคึกคักให้กับการเก็งกำไรในตลาดวานนี้
Technical
- ทองคำได้ข่าวบวกเรื่อง Fed ไม่น่ารีบลด QE ดันราคาขึ้นไปยืนเหนือ 1,800แต่ว่าRSIกำลังเตือนให้ระวังการอ่อนตัวด้วยสัญญาณ bearish divergence
- RSI ทิ้งตัวลงแรงกว่าการย่อของราคา เตือนถึงภาวะความอ่อนแอของแรงซื้อ แต่ระยะสั้นมีโอกาสจะปรับขึ้นได้อีกสักรอบ ก่อนเข้าสู่ช่วงปรับฐาน
- ทิศทางวันนี้วันนี้ยืน 1,800 แต่คืนนี้กับพรุ่งนี้ไม่แน่
- จับจังหวะเล่นยังไง?คนที่ถือ follow buy มาให้ทยอยขายทำกำไรเมื่อราคาขึ้นเกิน 1,805 แล้วรอซื้อกลับเมื่อราคาปรับฐานลงต่ำกว่าระดับ 1,800
Attention
- 26-28 ส.ค.Fed ประชุมประจำปีที่ Jackson Hole
- ได้รับการคาดหมายว่า จะมีการเปิดอภิปรายกันอย่างกว้างขวางถึงแนวทางการปรับลดวงเงิน QE และการประเมินถึงช่วงเวลาที่ควรปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้น27 ส.ค. ประธาน Fed พูดในJackson Hole(online)
- บาทอ่อนพยุงราคาทอง
- เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้ากำลังแพร่กระจายทั่วโลก และยังไม่มีวิธีหรือวัคซีนใดที่ป้องกันได้ผลชัดเจน
โดย : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำ Breakout เหนือระดับ 1,800 เหรียญ และทำ High ใหม่ที่ระดับ 1,806 เหรียญ ก่อนการประชุม Jackson Hole รัฐไวโอมิง จึงทำให้ภาพระยะสั้นของทองคำเปลี่ยนกลับมาเป็น Sideway Up และหากทองคำยืนได้เหนือระดับ 1,800 เหรียญหลังจบการประชุม จะทำให้ทองคำสามารถยืนยันการผ่านแนวต้านสำคัญ 1,800 เหรียญ และมีโอกาสเห็นทองคำทดสอบแนวต้านถัดไป 1,833 เหรียญ แต่หากทองคำไม่สามารถยืนได้เหนือระดับ 1,800 เหรียญได้ ก็มีโอกาสเห็นทองคำปรับลงจากแนวโน้มที่เฟดจะทำ Tapering QE ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯไม่ค่อยดีนัก และทำให้สัญญาณทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างผสมผสาน จึงส่งผลให้ตลาดรอดูว่าเฟดจะสามารถทำ Tapering QE ได้หรือไม่ จากสัญญาณตัวเลขเศรษฐกิจและสถานการณ์ Covid-19 ดังนั้น ประเด็นสำคัญ คือ สัญญาณจากเฟดในการประชุมช่วงปลายสัปดาห์นี้ ว่าจะยังยืนยันทำ Tapering ในปีนี้ต่อไปเหมือนเดิมหรือไม่ หรือจะเลื่อนเป็นปีหน้า ทำให้เราคาดว่าทองคำน่าจะยังผันผวนในกรอบใหญ่ ที่แนวับ 1,785 เหรียญ และแนวต้านแรก 1,810 เหรียญ
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำระยะสั้นๆกลับมาเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway Up แต่ภาพรวมแนะนำรอความชัดเจนว่าทองคำจะสามารถยืนได้เหนือ 1,800 เหรียญหรือไม่ เพราะถ้าหากทองคำสามารถยืนได้ จะเริ่มมีสัญญาณขาขึ้นอีกครั้ง แต่หากไม่ผ่านก็มีโอกาสปรับลงอีกครั้ง ดังนั้น จึงขอแนะนำให้รอติดตามท่าทีเฟดในการประชุม Jackson Hole เป็นสำคัญ เนื่องจากหากเฟดไม่ส่งสัญญาณที่ชัดเจนหรือไม่มีการกล่าวถึงการทำ Tapering QE จะเป็น “ผลบวก” ต่อราคาทองคำในระยะสั้นได้ แต่หากมีโอกาสเรื่องลด QE จะเป็นลบต่อทองคำ สำหรับ Gold Spot คาดทองคำจะแกว่งตัวในกรอบ 1,785 – 1,810 เหรียญ ด้าน Gold Online Futures และ Comex จะมีแนวรับ 1,786 เหรียญ และแนวต้าน 1,811 เหรียญ โดยทองคำไทยวันนี้มีโอกาสปรับขึ้นราว 100 บาท/บาททองคำ
SIDEWAY UP ระยะสั้นๆ เข้าออกเร็วในวัน เน้นบริหารพอร์ตสมดุลรอผลประชุมปลายสัปดาห์
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
– นักลงทุนที่ถือ Long Position
ลงซื้อขึ้นขาย หาจังหวะปิดสถานะตามการรีบาวน์ และมี Stop Loss หากต่ำกว่า 1,785 เหรียญ
– นักลงทุนที่ถือ Short Position
แนะนำให้ลดสถานะ และรอจังหวะหากทองคำไม่สามารถยืนได้เหนือ 1,800 เหรียญมีโอกาสลงต่อ โดยแนะซื้อปิดทำกำไรตามแนวรับ
Gold Futures 10Q21 จะมีแนวรับที่ระดับ 28,300 บาท และแนวต้านที่ระดับ 28,600 บาท
โดย : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)
คำแนะนำ :
เปิดสถานะขายเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือบริเวณ 1,814ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ และทยอยปิดสถานะขายเพื่อทำกำไรบางส่วนหากราคาไม่หลุดบริเวณแนวรับ 1,790-1,784 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ : 1,784 1,768 1,751 แนวต้าน : 1,814 1,833 1,849
ปัจจัยพื้นฐาน :
ราคาทองคำวานนี้ปิดทะยานขึ้น 23.43 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนหลักมาจากดัชนีดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง 0.56% ท่ามกลางแรงขายทำกำไรหลังจากปิดสัปดาห์ที่แล้วด้วยการพุ่งขึ้นมากสุดในรอบกว่า2เดือน นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากการที่นักลงทุนลดการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เนื่องจากปัจจุบันสหรัฐกำลังเผชิญกับการระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์เดลต้าซึ่งอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ การวิเคราะห์ของCNBC จากข้อมูลของม. Johns Hopkins พบว่า ค่าเฉลี่ย 7 วันของยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่ของสหรัฐอยู่ที่ประมาณ 147,300 รายซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. และเพิ่มขึ้น 13% จากสัปดาห์ที่แล้ว ประกอบกับวานนี้ มาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีPMI ภาคการผลิตขั้นต้นของสหรัฐ ลดลงสู่ระดับ 61.2 ในเดือนส.ค. และต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ 62.5ส่วนดัชนีPMI ภาคบริการขั้นต้นของสหรัฐ ลดลงสู่ระดับ 55.2 ในเดือนส.ค. และต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ 59.5เช่นกัน ปัจจัยที่กล่าวมาหนุนให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นผ่านระดับสูงสุดของสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จนกระตุ้นแรงซื้อตามทางเทคนิคเพิ่ม นั่นทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,806.38 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ยังคงถือครองทองลดลงอีก -4.95 ตัน สู่ระดับ 1,006.66 ตันซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เม.ย.ปี2020ซึ่งเป็นหนึ่งปัจจัยที่สกัดช่วงบวกราคาทองคำ สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่ และดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค.จากเฟดสาขาริชมอนด์
ปัจจัยทางเทคนิค :
ราคาทองคำยังคงพยายามยืนเหนือ 1,790-1,784ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้มีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,814 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าไม่สามารถปรับขึ้นไปยืนได้ จะเกิดแรงขายออกมาเพิ่มขึ้น โดยแนวรับระหว่างวันจะอยู่บริเวณ 1,784-1,768ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน :
เน้นการลงทุนระยะสั้นโดยเปิดสถานะขายหากราคาดีดตัวขึ้นทดสอบโซน 1,814 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากผ่าน 1,814ดอลลาร์ต่อออนซ์) ทั้งนี้อาจทยอยซื้อคืนเพื่อปิดสถานะขายทำกำไรหากราคาทองคำอ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับ 1,784-1,768 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) ดอลล์อ่อนค่า หลังภาคการผลิต-บริการสหรัฐชะลอตัวดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) หลังมีรายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐชะลอลงในเดือนส.ค. ซึ่งทำให้นักลงทุนลดการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.58% แตะที่ 92.9582 เมื่อคืนนี้ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.68 เยน จากระดับ 109.80 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9124 ฟรังก์ จากระดับ 0.9176 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2645 ดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2844 ดอลลาร์แคนาดา ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1748 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1695 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3729 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3622 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7216 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7136 ดอลลาร์
- ไอเอชเอส มาร์กิตซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงินเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 55.4 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว จากระดับ 59.9 ในเดือนก.ค. โดยดัชนี PMI ที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคเอกชนของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว
- สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองฟื้นตัวขึ้นในเดือนก.ค. หรือปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน โดยเพิ่มขึ้น 2% สู่ระดับ 5.99 ล้านยูนิต ซึ่งอยู่เหนือระดับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 5.83 ล้านยูนิต
- . ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนี Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 0.53 ในเดือนก.ค. จากระดับ -0.01 ในเดือนมิ.ย. และอยู่เหนือระดับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 0.15 ดัชนี CFNAI เดือนก.ค.บ่งชี้ถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นในเดือนดังกล่าว ขณะนักวิเคราะห์ระบุว่า จุดสูงสุดของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากโควิด-19 ของสหรัฐอยู่ที่ไตรมาส 2 ของปีนี้
- สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐ ได้อนุมัติการใช้งานวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์-ไบออนเทคสำหรับผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปอย่างเต็มรูปแบบแล้วในวันนี้ วัคซีนดังกล่าวได้รับอนุญาตให้ใช้งานในกรณีฉุกเฉินตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา และมีประชาชนมากกว่า 204 ล้านคนในสหรัฐได้รับวัคซีนของไฟเซอร์แล้วขณะที่วัคซีนป้องกันโควิดอีก 2 ยี่ห้อที่ใช้งานในสหรัฐอย่างโมเดอร์นา และ จอห์นสันแอนด์จอห์นสันนั้น ยังไม่ได้รับการอนุมัติอย่างเต็มรูปแบบจาก FDA
- กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลเปิดเผยรายงานวิจัยที่พบว่า ผู้สูงอายุที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่สามของบริษัทไฟเซอร์ มีภูมิคุ้มกันโคโรนาไวรัสเพิ่มขึ้นมาก และลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยรุนแรงจากโควิด-19 ลงได้มากผลการวิจัยดังกล่าวถูกนำเสนอในการประชุมของบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนในวันพฤหัสบดีที่แล้ว และเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลในวันอาทิตย์ โดยที่ยังไม่มีการเปิดเผยรายงานการศึกษาฉบับเต็ม รายงานของกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลซึ่งวิเคราะห์ข้อมูลจากสถาบันเกิร์ทเนอร์ (Gertner Institute) และสถานบันเคไอ (KI Institute) พบว่า ภูมิคุ้มกันของผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีซึ่งได้รับวัคซีนโควิดเข็มที่สามของไฟเซอร์ เพิ่มขึ้นมากกว่าผู้สูงอายุที่ได้รับวัคซีนแล้วสองเข็มถึง 4 เท่า หลังจากได้รับวัคซีนเข็มที่สามไปแล้ว 10 วันนอกจากนี้ วัคซีนโควิดเข็มที่สามยังช่วยลดความเสี่ยงของการป่วยหนักหรือการเข้าโรงพยาบาลเพราะโควิด-19 ลงได้ถึง 5-6 เท่า หลังจากได้รับวัคซีนเข็มที่สามไปแล้ว 10 วันเช่นกัน
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮ หลังจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคอย่างเต็มรูปแบบ (full approval) ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้อัตราการฉีดวัคซีนในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮลในสัปดาห์นี้ รวมทั้งการแสดงมุมมองเศรษฐกิจของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,335.71 จุด เพิ่มขึ้น 215.63 จุด หรือ +0.61% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,479.53 จุด เพิ่มขึ้น 37.86 จุด หรือ +0.85% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,942.65 จุด เพิ่มขึ้น 227.99 จุด หรือ +1.55%
โดย : บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน คลาสสิก ออสสิริส จำกัด (CAF)
Reasons ทองคำมีโอกาสปรับลง
- PMI ของยุโรปและสหรัฐฯเดือนสิงหาคมขยายตัวลดลงจากเดือนกรกฎาคม คาดว่า
เกิดจากแนวโน้มการระบาดโควิด-19 ในยุโรปและสหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้น
Day Trade
GOU21 Long 1,790-1795 เป้า 1,810-1,820 จุด Stop สิ้นวัน 1,780
GF10V21 Long 28,400-28,450 เป้า 28,550-28,650 จุด Stop สิ้นวัน 28,330
Trend Trade ใช้ราคาปิดสิ้นวัน
GOU21 Open Long 1,795-1,800 จุด Stop 1,780
GF10V21 Open Long จุด Stop 28,330
ที่มา : gold.in.th ( 24 ส.ค. 64 )