โดย : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)
ทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ตลาดการเงินสหรัฐปิดทำการ
วันนี้ตลาดการเงินสหรัฐเปิดทำการครึ่งวันเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,800-1,820ดอลลาร์
- ราคาทองคำ Spotเมื่อวานเคลื่อนไหวในกรอบแคบ และปิดตลาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากตลาดการเงินสหรัฐปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า ทำให้สหรัฐไม่มีประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ และขาดปัจจัยชี้นำต่อราคาทองคำอย่างไรก็ดีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น ทำให้คาดว่าต้องมีมาตรการผ่อนคลายทางการคลังและการเงินทั่วโลกเพื่อเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจ ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อทองคำทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ถือครองทองคำเท่าเดิมเมื่อวาน และในสัปดาห์นี้ขายทองคำ 25.39ตัน
- วันนี้ตลาดการเงินสหรัฐเปิดทำการครึ่งวัน เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า ส่วนคืนนี้สหรัฐไม่มีประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์หน้า ได้แก่ สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 การจ้างงานของสหรัฐเดือนต.ค. และการประชุมกลุ่มโอเปค
- แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,800-1,820 ดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าราคาทองคำจะสร้างฐานที่แนวรับสำคัญ 1,800 ดอลลาร์ ทำให้คาดว่าจะมีการเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways ในช่วงนี้ แต่ถ้าหลุดแนวรับ 1,800 ดอลลาร์ ต้องระวังว่าจะมีแรงเทขายออกมาอีกรอบ ขณะที่มีแนวต้านที่ 1,820 ดอลลาร์ และ 1,850 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,808.12 | +1.52 | 1,800/1,780 | 1,820/1,850 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
26,050 | – | 25,850/25,600 | 26,100/26,450 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
26,110 | -10 | 26,000/25,730 | 26,250/26,620 |
สำหรับนักลงทุนที่เปิดสถานะขายไว้แนะนำปิดสถานะขายที่ราคาทอง Spot1,800 ดอลลาร์(GF 26,000 บาท) และแนะนำซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวที่ราคาทองคำ Spot 1,800ดอลลาร์(GF 26,000 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,790ดอลลาร์ (GF 25,850 บาท)
การลงทุนในทองแท่งแนะนำทยอยซื้อสะสมที่ราคาทองคำ Spot 1,800 ดอลลาร์ และ 1,750 ดอลลาร์
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
สำหรับนักลงทุนที่เปิดสถานะขายไว้แนะนำปิดสถานะขายที่ราคาGOZ20 1,803 ดอลลาร์ และแนะนำซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวที่ราคาGOZ201,803ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,793ดอลลาร์
เงินบาท
ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.25-30.40 บาท/ดอลลาร์ซึ่งเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักๆ สำหรับUSD Futures เดือนธ.ค.63 คาดจะมีแนวรับที่ 30.25 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่30.40บาท/ดอลลาร์
News
ตลาดการเงินต่างประเทศ:ปิดทำการวันพฤหัสบดีที่ 26 พ.ย. เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ:ปิดทำการวันพฤหัสบดีที่ 26 พ.ย. เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ:ปิดทำการวันพฤหัสบดีที่ 26 พ.ย. เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
ตลาดหุ้นต่างประเทศ: หุ้นยุโรปปิดลบนลท.วิตกขยายล็อกดาวน์กระทบศก.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเล็กน้อยเมื่อคืนที่ผ่านมา (26 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโรคโควิด-19 อีกครั้ง หลังจากที่เยอรมนีประกาศขยายเวลาบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ออกไปอีก และอังกฤษคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจที่ซบเซา ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.12% ปิดที่ 391.63 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,286.57 จุด ลดลง 3.23 จุด หรือ -0.02%, ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,362.93 จุด ลดลง 28.16 จุด หรือ -0.44% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,566.79 จุด ลดลง 4.50 จุด หรือ -0.08% ตลาดหุ้นยุโรปถูกกดดันจากการที่ยอดติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นทั่วยุโรป ทำให้เยอรมนี, ฝรั่งเศส และอังกฤษ ต้องกำหนดมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อกิจกรรมทางธุรกิจ โดยร้านอาหาร, โรงยิม และร้านค้าต่างๆ ยังคงต้องปิดให้บริการ นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีเปิดเผยในวันพุธว่า เยอรมนีจะขยายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดรอบสองของโรคโควิด-19 ไปจนถึงวันที่ 20 ธ.ค. บรรดานักลงทุนจะรอรัฐบาลอังกฤษเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการต่างๆ หลังจากยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศในสัปดาห์หน้า ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีในเดือนพ.ย. ด้านนายริชิ ซูแนค รมว.คลังของอังกฤษเตือนว่า เศรษฐกิจอังกฤษอาจหดตัวลง 11.3% ในปีนี้ การซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างเบาบาง ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า หุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มพลังงานนำตลาดปรับตัวลง ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและเฮลธ์แคร์ปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด หุ้นโฟล์คสวาเกน, หุ้นเดมเลอร์ และบีเอ็มดับบลิว ลบ 2.46%, 2.30% และ 1.68% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นเรโนลต์ ลบ 2.32% และหุ้นแอร์บ้ส ลดลง 1.86% ส่วนหุ้นเชลล์ ลดลง 0.50% และหุ้นบีพี ลบ 1.44%