โดย : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)
คำแนะนำ :
เปิดสถานะซื้อ หากราคาทองคำอ่อนตัวลงไม่หลุดโซนแนวรับ 1,866-1,853 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อรอขายทำกำไรหากราคาดีดตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านบริเวณ 1,887-1,899 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ : 1,866 1,853 1,839 แนวต้าน : 1,887 1,899 1,911
ปัจจัยพื้นฐาน :
ราคาทองคำวานนี้ปิดทะยานขึ้นอีก 20.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำยังคงได้รับแรงหนุนสำคัญจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ร่วงลงหลุด 90 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เม.ย.ปี 2018 โดยดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้ (1.) ความคืบหน้าเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ ล่าสุดนายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ ออกมากล่าวว่า “ข้อตกลงดูเหมือนว่าจะอยู่ใกล้แค่เอื้อม” แม้ว่าสภาคองเกรส “มีแนวโน้มสูง” ที่จะต้องดำเนินการต่อเนื่องในช่วงสุดสัปดาห์ และกล่าวว่าฝ่ายนิติบัญญัติอาจผ่านกฏหมายงบประมาณชั่วคราว(stopgap funding bill) เพื่อให้มีเวลาเพียงพอในการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ (2.) การเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ “แย่” เกินคาด อาทิ ดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก และตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงาน (3.) การที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ให้คำมั่นในการประชุมนโยบายการเงินนัดสุดท้ายของปีนี้ ว่าจะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน และการอัดฉีดเม็ดเงินQEต่อไป และ (4.)การแข็งค่าของเงินปอนด์ ขานรับความหวังว่าสหภาพยุโรป (EU) และสหราชอาณาจักร(UK)จะบรรลุข้อตกลงการค้าในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเพื่อเลี่ยง No-deal Brexit ปัจจัยที่กล่าวมากดดันให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างมาก จนหนุนให้ราคาทองคำทะยานขึ้นทำระดับสูงสุดบริเวณ 1,896.21 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่เช้าวันนี้จะมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาบ้าง ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -2.33 ตัน สำหรับวันนี้ ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ) คาดคงนโยบายการเงินตามเดิม รวมถึงการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก CB ของสหรัฐ
ปัจจัยทางเทคนิค :
หากราคาทองคำยังไม่สามารถยืนเหนือโซนแนวต้าน 1,899 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ (ระดับสูงสุดของสัปดาห์กลางเดือนพ.ย.) อาจทำให้เกิดแรงขายเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ หากราคาอ่อนตัวลงสามารถยืนเหนือโซนแนวรับ1,866-1,853 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ประเมินว่าเป็นการแกว่งตัวในระดับสูงเพื่อสะสมแรงซื้อและอาจจะเห็นการดีดตัวขึ้นอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน :
เน้นการซื้อขายทำกำไรระยะสั้น รอดูบริเวณ 1,866-1,853 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่หลุดสามารถเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น เพื่อทยอยขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวหรือบริเวณแนวต้าน 1,887-1,899 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาหลุดแนวรับ 1,853 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ตัดขาดทุนเพื่อควบคุมความเสี่ยง
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 885,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนก.ย. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 800,000 ราย จากระดับ 862,000 รายที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
- (+) เฟดฟิลาเดลเฟียเผยดัชนีภาวะธุรกิจมิด-แอตแลนติกร่วงลงในเดือนธ.ค. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ร่วงลงสู่ระดับ 11.1 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 26.3 ในเดือนพ.ย.
- (+) ดอลล์อ่อน นลท.ขายสกุลเงินปลอดภัยหลังสหรัฐคืบหน้าแผนกระตุ้นศก. ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย และเข้าซื้อสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยง หลังมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งการที่อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) มีแนวโน้มบรรลุข้อตกลงการค้า ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.7% แตะที่ 89.8200 เมื่อคืนนี้ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 103.10 เยน จากระดับ 103.61 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8849 ฟรังก์ จากระดับ 0.8871 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2727 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2754 ดอลลาร์แคนาดา ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ 1.2264 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2164 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3574 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3478 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7622 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7563 ดอลลาร์สหรัฐ
- (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 148.83 จุด รับความหวังมาตรการกระตุ้นศก. ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดทำนิวไฮ ขานรับความหวังที่ว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในเร็วๆนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 โดยนักลงทุนคาดว่า สำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) จะอนุมัติใช้วัคซีนของบริษัทโมเดอร์นา หลังจากให้การอนุมัติวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 30,303.37 จุด เพิ่มขึ้น 148.83 จุด หรือ +0.49% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,722.48 จุด เพิ่มขึ้น 21.31 จุด หรือ +0.58% ส่วน Nasdaq ปิดที่ 12,764.75 จุด เพิ่มขึ้น 106.56 จุด หรือ +0.84%
- (-) สหรัฐเผยตัวเลขเริ่มต้นสร้างบ้านสูงกว่าคาดในเดือนพ.ย. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนพ.ย. สู่ระดับ 1.547 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.535 ล้านยูนิต จากระดับ 1.528 ล้านยูนิตในเดือนต.ค.
- (-) EU คาดยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับอังกฤษพรุ่งนี้ นักการทูตและเจ้าหน้าที่จากสหภาพยุโรป (EU) กล่าวว่า พวกเขาไม่คาดว่าอังกฤษและ EU จะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าภายในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังคงมีความขัดแย้งในด้านการประมง ก่อนหน้านี้ นายมิเชล บาร์นิเยร์ ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้แทนการเจรจาฝ่าย EU กล่าวว่า เขาคาดว่าทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงในอีกไม่กี่วัน แต่ขณะนี้อุปสรรคอยู่ที่การเจรจาด้านการประมง
- (-) คณะกรรมการที่ปรึกษาของ FDA มีมติเอกฉันท์อนุมัติใช้วัคซีนโมเดอร์นา คณะกรรมการที่ปรึกษาของสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) มีมติอนุมัติให้ใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทโมเดอร์นา อิงค์เป็นกรณีฉุกเฉิน ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนที่ FDA จะให้การอนุมัติอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ คณะกรรมการที่ปรึกษาของ FDA ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก มีมติเป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนนเสียง 20 ต่อ 0 อนุมัติให้ใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทโมเดอร์นาเป็นกรณีฉุกเฉิน ซึ่งถือเป็นการอนุมัติใช้วัคซีนครั้งที่สองในสหรัฐ
- (+/-) แบงก์ชาติอังกฤษประกาศคงดอกเบี้ย,วงเงิน QE ตามคาด ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันนี้ โดย BoE มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.10% นอกจากนี้ BoE ยังประกาศคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 8.95 แสนล้านปอนด์ เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
- (+/-) บิตคอยน์พุ่งไม่หยุด ทำนิวไฮทะลุ 23,000 ดอลลาร์บิตคอยน์พุ่งทะลุระดับ 23,000 ดอลลาร์ หรือเกือบ 700,000 บาทในวันนี้ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้ บิตคอยน์ทะยานขึ้น 12% สู่ระดับ 23,421 ดอลลาร์ ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์มของ Coin Metrics หลังจากที่เพิ่งทำสถิติดีดตัวเหนือ 20,000 ดอลลาร์วานนี้ บิตคอยน์นับเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ทำราคาดีที่สุดในปีนี้ โดยทะยานขึ้นมากกว่า 200% นับตั้งแต่ต้นปีนี้