สมาคมค้าทองคำ รายงานว่า ราคาขายปลีกทองคำ (96.5%) ในประเทศเปิดตลาดเช้านี้เมื่อเวลา 09.25 น. ปรับตัวลดลงจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาบาทละ 300 บาท ตามสถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก โดยทองคำแท่ง ราคารับซื้อเข้าบาทละ 26,050.00 บาท ราคาขายออกบาทละ 26,150.00 บาท ส่วนทองรูปพรรณ ราคารับซื้อเข้าบาทละ 25,574.92 บาท ราคาขายออกบาทละ 26,650.00 บาท
บทวิเคราะห์จากบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ระบุว่า ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาดิ่งลงอย่างหนัก โดยปิดปรับตัวลดลง -4% หรือ 65.7 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และปรับตัวลดลงในรายสัปดาห์ที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.ปีที่แล้ว พร้อมกับปรับตัวลดลงมากถึง 130 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากระดับสูงสุดในระหว่างสัปดาห์บริเวณ 1,959 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สู่ระดับต่ำสุดในวันศุกร์
ทั้งนี้ ทองคำได้รับแรงกดดันจากปัจจัยต่างๆอาทิ
- แรงขายทางเทคนิค หลังจากราคาหลุดบริเวณ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซึ่งเป็นแนวรับทางจิตวิทยา หลุดเส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน หลุดกรอบแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น และหลุดลงมาเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway Down ในระยะกลางอีกครั้งนั้น ส่งผลให้เกิดแรงขายทางเทคนิค (Sell Stop) เพิ่มเติม
- การแข็งค่าของดอลลาร์ หลังการเปิดเผยว่าอัตราการว่างงานสหรัฐทรงตัวที่ระดับ 6.7% ในเดือน ธ.ค. ส่วนตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานเพิ่มขึ้นเกินคาด แม้การจ้างงานนอกภาคเกษตรจะลดลง 140,000 ตำแหน่งในเดือน ธ.ค.ก็ตาม
- แรงขายพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 1.1% ในวันศุกร์ จนกดดันทองคำ ในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ย และ 4. การทะยานขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐ จากการคาดการณ์ว่ารัฐบาลของนายไบเดน จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังและการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น
“ปัจจัยที่กล่าวมา กดดันให้ราคาทองคำดิ่งลงแตะระดับต่ำสุด บริเวณ 1,828.69 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่เช้านี้ราคาทองปรับตัวต่อ ทำระดับต่ำสุดใหม่ บริเวณ 1,817 ดอลลาร์ต่อออนซ์” บทวิเคราะห์ระบุ
คำแนะนำวันนี้ หากราคาทดสอบแนวต้าน 1,838-1,847 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านได้ ให้แบ่งขายทำกำไร แต่ถ้าผ่านได้ให้รอขายบริเวณ 1,866 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไป อย่างไรก็ตาม หากไม่ผ่านแนวต้านแรก ประเมินแนวรับโซน 1,806-1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์