ราคาทองวันนี้ ข่าวทองคำ

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 19 เม.ย.64 MTS, SCT, Gcap, HGF, YLG, GT

690

- Advertisement -

โดย  : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)

ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในคืนวันศุกร์ ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีน เรื่องทะเลจีนทางตะวันออกและตอนใต้ รวมทั้งเรื่องไต้หวันและฮ่องกง ขณะที่กองทุนทองคำ SPDR ขายทองออกอีก 3.2 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,019.66 ตัน ถือเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ 14 เม.ย. ปี 2020 สำหรับภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดี ได้แก่ Building Permits และ Housing Starts ขณะที่ Prelim UoM Consumer Sentiment ออกมาแย่กว่าคาด ด้านดัชนีดอลลาร์ในวันศุกร์เคลื่อนไหวระหว่าง  91.65 – 91.70 และเช้านี้ยังทรงตัวบริเวณ  91.72 จุด ในส่วนของเงินบาทจากระดับ 31.27 บาท/ดอลลาร์ในคืนวันศุกร์ ก็มีการแข็งค่าต่อเช้านี้อยู่แถว 31.20 บาท/ดอลลาร์ ในส่วนสถานการณ์ภายในประเทศไทย พบว่า เศรษฐกิจดูจะไม่สู้ดีนักจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา โดยช่วง 3 วัน แต่ภาพรวมมาตรการต่างๆของรัฐบาลดูจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีมากขึ้น ในส่วนของการฉีดวัคซีนทั่วโลกมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ขณะที่การฉีดที่ส่งผลข้างเคียงยังน้อยมาก และการที่คนไทยจะเกิดภาวะลิ่มเลือดมีโอกาสน้อยกว่า เนื่องจากชาติพันธุ์ และลักษณะทางกายภาพ ทางด้าน Cryptocurrency ช่วงปลายสัปดาห์มีการปรับตัวลงค่อนข้างมากจากระดับ 63,000 เหรียญ โดยปรับลงมาทำต่ำสุดแถว 51,000 เหรียญ จึงต้องระมัดระวังความผันผวนที่มีค่อนข้างสูงของ Cryptocurrency

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำขึ้นมาทดสอบแนวต้านระยะกลาง โดยทะลุ 1,750 เหรียญได้ และเช้านี้ปรับขึ้นมาทดสอบบริเวณ 1,782 เหรียญ และถือเป็นการทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยของนักลงทุนรายวัน ซึ่งหากทองคำสามารถยืนเหนือ 1,785 เหรียญได้อย่างมั่นคง จะสนับสนุนให้ราคาทองคำกลับมาเป็นขาขึ้นในระยะยาวได้อีกครั้ง สรุปได้ว่า ภาพรวมของทองคำในระยะสั้นและระยะกลางเริ่มกลับมาเป็นขาขึ้น จึงแนะนำกลยุทธ์การลงทุนตามสภาพในทิศทางขาขึ้นระยะสั้นและระยะกลาง ดังนั้น วันนี้จึงคาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวที่แนวรับ 1,750 เหรียญ และแนวต้าน 1,790 เหรียญ ขณะที่แนวต้านทางจิตวิทยาอยู่ที่ 1,800 เหรียญ ด้าน Gold Online Futures จะมีแนวรับ 1,752 เหรียญ และแนวต้าน 1,792 เหรียญ ในส่วนของราคาทองคำไทยคาดจะปรับขึ้นได้ประมาณ 50 บาท/บาททองคำ

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
ลงซื้อขึ้นขาย ทำกำไรระยะสั้นๆในกรอบ เน้นเล่นสั้นตามการแกว่งตัวเท่านั้น

– นักลงทุนที่ถือ Long Position  
แนะนำทำกำไรขาขึ้นระยะสั้นๆในกรอบ โดยมี Stop Loss หากต่ำกว่า 1,750 เหรียญ

- Advertisement -

 – นักลงทุนที่ถือ Short Position
แนะปรับพอร์ตสมดุล หาจังหวะปิดหรือทยอยลดสถานะเมื่อราคาอ่อนตัว ไม่แนะนำให้เปิดสถานะเพิ่มในเวลานี้

Gold Futures 10J21 จะมีแนวรับที่ระดับ 26,300 บาท และแนวต้านที่ระดับ 26,600  บาท

โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด

คำแนะนำ : ทองยังมีลุ้นไปต่อแต่เริ่มผันผวนเพราะใกล้ต้าน 1800 สัปดาห์นี้จับตานโยบาย EU และค่าเงินสหรัฐฯ

แนวรับ 1765/ 1750|1745   แนวต้าน 1780|1790|1800
              Gold/silver           USD           Baht        DOW (stock)
ระยะสั้น    SW /SW UP    SW             SW DOWN   SW UP
ระยะกลาง  SW UP         SW DOWN        SW         SW UP
ระยะยาว NEUTRAL  BULLISH  NEUTRAL BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS  1756-1788
จุดเข้า buy 1745-60
เป้าหมาย 1800
SL 1735
รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1675-1800
จุดเข้า BUY 1740 เป้าหมาย 1800
SL 1730

    ราคาทองได้รับแรงหนุนจากค่าเงินสหรัฐฯที่อ่อนค่าและข่าวรัสเซียเอาคืนขับนักการฑูตสหรัฐฯ โดยรวมทรงทองยังมีลุ้นไปทดสอบแนวต้าน $1800 เพียงแต่จะเริ่มผันผวนและมีแรงขายกดดันแถว $1780 UP สัปดาห์นี้จับตาการประชุม ECB และ BOND YIELD สหรัฐฯว่าจะยืนที่เรต 1.6% ได้ไหม ส่วนสัปดาห์จะสำคัญเพราะจะมีประชุม FOMC ซึ่งทุกคนรอดูท่าทีปธ.เฟด หลังจากที่ผ่านมาเฟดประกาศศึกเรื่องเงินเฟ้อกับนักลงทุนจนทำให้ BOND YIELD ระยะสั้นผิดเพี้ยน
    กลยุทธ์ : ตราบใดที่ราคาทองยังสามารถยืนเหนือระดับ $1750 ได้ เรายังให้น้ำหนักในทิศทางฝั่งซื้อ หรือย่อซื้อขึ้นขาย ภาพระยะกลางขาขึ้นของทองจะต้องทะลุ $ 1800-15 ให้ได้ในเดือนนี้เพื่อเป็นภาพขาขึ้น

โดย: บริษัท จีแคป จำกัด

แนะแนวทางการลงทุน
แนวรับ 1,765- 1,759- 1,750
แนวต้าน 1,788- 1,795 – 1,801
ทองคำขยับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในหลายสัปดาห์นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและรัสเซียยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
แนะนักลงทุนเก็งกำไรทิศทางขาขึ้น หากราคาย่อตัวยังสามารถเข้าซื้อสะสมได้

แนวโน้มช่วงเช้า
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่วันศุกร์นี้ (16เม.ย.) หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลง ซึ่งลดความน่าดึงดูดใจของดอลลาร์และได้บดบังปัจจัยบวกจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

มุมมองทองคำภาคเช้า ทองคำปรับตัวขึ้นในวันศุกร์เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน และบวกขึ้นในสัปดาห์นี้เป็นเปอร์เซนต์สูงที่สุดของปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ลดลงมาอยู่ที่ 1.56% ต่ำกว่าระดับในช่วงที่ผ่านมาระหว่าง 1.60-1.75% ซึ่งการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอาจหนุนความต้องการซื้อทองคำ นอกจากนี้ สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เลวร้ายลงในยุโรป และความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐและรัสเซียมีส่วนช่วยหนุนสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นด้วยอย่างไรก็ตามนักลงทุนยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน ดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเฟดชิคาโก ยอดขายบ้านมือสอง ดัชนีชี้วัดภาวะเศรษฐกิจ ดัชนีภาคการผลิต เฟด สาขาแคนซัสซิตี้ ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ ยอดขายบ้านใหม่ เป็นต้น

สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่วันศุกร์นี้ (16เม.ย.) หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลง ซึ่งลดความน่าดึงดูดใจของดอลลาร์และได้บดบังปัจจัยบวกจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

สัปดาห์ก่อนทองคำปรับขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์

สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป

ทองคำมีแนวต้าน 1,780 ดอลลาร์ และ 1,800 ดอลลาร์

  • สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำ Spot ปรับขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์โดยได้ปัจจัยหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ10 ปีที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ โดยลดลงสู่ระดับ 1.528% รวมทั้งสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐและรัสเซีย โดยสหรัฐประกาศคว่ำบาตรรัสเซียและขับไล่ทูตรัสเซีย 10 คนออกจากประเทศ เพื่อตอบโต้รัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งและแฮกข้อมูลของสหรัฐซึ่งรัสเซียได้ตอบโต้สหรัฐกลับด้วยการขับไล่ทูตสหรัฐ 10 คนออกจากประเทศราคาบิตคอยน์ที่ลดลงอย่างหนัก หลังจากธนาคารกลางตุรกีออกคำสั่งห้ามการใช้สกุลเงินดิจิทัลรวมทั้งบิตคอยน์ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ขายทองคำ 6.41ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
  • สัปดาห์นี้ติดตามประเด็นความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ หลังจากมีสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและรัสเซีย การประชุมธนาคารกลางยุโรปและการแถลงของธนาคารกลางยุโรป คาดการณ์ธนาคารกลางยุโรปจะผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะประกาศสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจเดือนมี.ค.ดัชนี PMI ภาคการผลิตและดัชนี PMI ภาคบริการเดือนเม.ย.
  • แนวโน้มราคาทองคำ Spot เป็นขาขึ้นโดยคาดปรับขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญ 1,800 ดอลลาร์ โดยมีแนวต้าน 1,780 ดอลลาร์ และแนวต้านสำคัญ 1,800 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวรับ 1,760 ดอลลาร์ และ 1,750 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,775.85+10.831,760/1,7501,780/1,800

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
26,200+5026,000/25,90026,250/26,500

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
26,370+4026,160/26,08026,420/26,670

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำถือต่อไป (Let Profit Run) เพื่อขายทำกำไรที่ราคาทอง Spot 1,800ดอลลาร์ (GF 26,670บาท) การเปิดสถานะซื้อรอบใหม่รอให้ราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,760 ดอลลาร์ (GF 26,160บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,750 ดอลลาร์(GF 26,080บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,779.20+5.701,762/1,7521,782/1,802

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำถือต่อไป (Let Profit Run) เพื่อขายทำกำไรที่ราคาGOM21 1,802ดอลลาร์การเปิดสถานะซื้อรอบใหม่รอให้ราคาGOM21 ปรับลงมาที่ 1,762 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,752 ดอลลาร์

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดทรงตัว โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐลดลง ถึงแม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง อย่างไรก็ดีเงินบาทมีปัจจัยลบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ในประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับ USD Futures เดือนมิ.ย.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 31.10 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 31.30 บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศดอลล์อ่อนค่าตามทิศทางบอนด์ยีลด์ชะลอตัวลง

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 เม.ย.) หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงซึ่งลดความน่าดึงดูดใจของดอลลาร์และได้บดบังปัจจัยบวกจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินลดลง 0.06% สู่ระดับ 91.5590 เมื่อคืนนี้

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ลดลงในสัปดาห์นี้นอกจากนี้การที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงและราคาบิตคอยน์ปรับตัวลงนั้นได้ช่วยหนุนแรงซื้อสัญญาทองคำด้วยสัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 13.4 ดอลลาร์หรือ 0.76% ปิดที่ 1,780.2 ดอลลาร์/ออนซ์และปรับตัวขึ้นราว 2% ในสัปดาห์นี้สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 14.1 เซนต์หรือ 0.54% ปิดที่ 26.105 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ:น้ำมันWTI ปิดลบ 33 เซนต์กังวลอุปทานเพิ่ม-อุปสงค์ลด

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 เม.ย.) โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้นอกจากนี้ตลาดยังถูกถ่วงลงจากความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันที่ลดลงซึ่งเป็นผลกระทบจากการที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดรอบใหม่สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 33 เซนต์หรือ 0.5% ปิดที่ 63.13 ดอลลาร์/บาร์เรลแต่พุ่งขึ้น 6.4% ในรอบสัปดาห์นี้สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 17 เซนต์หรือ 0.3% ปิดที่ 66.77 ดอลลาร์/บาร์เรลแต่พุ่งขึ้น 6.1% ในรอบสัปดาห์นี้

ตลาดหุ้นต่างประเทศ:ดาวโจนส์ปิดบวก 164.68 จุดขานรับข้อมูลศก.-ผลประกอบการแกร่ง

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกทำนิวไฮเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 เม.ย.) ขณะที่ดัชนีS&P500 ปิดทำนิวไฮด้วยเช่นกันเนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจและผลประกอบการธนาคารที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,200.67 จุดเพิ่มขึ้น 164.68 จุดหรือ +0.48%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,185.47 จุดเพิ่มขึ้น 15.05 จุดหรือ +0.36% และดัชนีNasdaq ปิดที่ 14,052.34 จุดเพิ่มขึ้น 13.58 จุดหรือ +0.10%   ในรอบสัปดาห์นี้ดัชนีดาวโจนส์บวก 1.2%, ดัชนีS&P500 เพิ่มขึ้น 1.4% และดัชนีNasdaq ปรับตัวขึ้น 1.1%

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

ซื้อขายด้วยความระมัดระวัง โดยอาจเสี่ยงซื้อหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ 1,761 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยหากราคาทองคำไม่หลุดแนวรับราคาทองคำจะพยายามปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน

แนวรับ : 1,761 1,748 1,734  แนวต้าน : 1,790 1,806 1,820

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดทะยานขึ้นอีก 12.35 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยราคาทองคำพุ่งขึ้นทดสอบระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์บริเวณ 1,783.67 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ทั้งนี้ ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากทั้งความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ  ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและรัสเซีย  ล่าสุดรัสเซียจะประกาศขับนักการทูตสหรัฐจำนวน 10 คนออกจากรัสเซียเพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ  ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐก็ตึงเครียดต่อเนื่องเช่นกัน  หลังจากผู้นำสหรัฐและญี่ปุ่นได้ออกแถลงการณ์ร่วมแสดงความวิตกกังวลในหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับจีน  อาทิ  เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ฮ่องกง ไต้หวัน และน่านน้ำในทะเลจีนใต้  สถานการณ์ดังกล่าวช่วยกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐาะสินทรัพย์ปลอดภัย  ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปียังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน  ซึ่งนอกจากจะช่วยหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ยแล้วนั้น  ยังกดดันดัชนีดอลลาร์ให้อ่อนค่าลง แตะระดับ 91.486 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค.อีกด้วย  สถานการณ์ดังกล่าวช่วยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น  จนปิดตลาดในรายสัปดาห์ที่ผ่านมาในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน  และเป็นสัปดาห์ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนธ.ค.  อย่างไรก็ดี  กองทุน SPDR ถือครองทองลดลง -3.2 ตัน  สู่ระดับ 1,019.66 ตัน  จึงยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สกัดช่วงบวกของราคาทองคำเอาไว้  สำหรับวันนี้ไม่มีกำหนดการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ   แต่แนะนำติดตามการเคลื่อนไหวของดัชนีดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีเพื่อใช้ชี้นำทิศทางราคาทองคำ

ปัจจัยทางเทคนิค :

หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือโซน 1,783 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อาจทำให้เกิดการอ่อนตัวลงของราคา แต่หากสามารถยืนเหนือโซนแนวรับ 1,761 ดอลลาร์ต่อได้ก็จะเห็นการดีดตัวขึ้น โดยยังมีโอกาสที่จะราคาทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,783-1,790 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

ดูบริเวณ 1,761 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่หลุดเสี่ยงเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น เพื่อขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวหรือบริเวณแนวต้าน 1,783-1,790 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาหลุดแนวรับแรกให้รอดูบริเวณแนวรับถัดไปที่ 1,748 ดอลลาร์ต่อออนซ์พร้อมลดสถานะซื้อลงหากราคาหลุดแนวรับดังกล่าว

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) จีนเตือนสหรัฐ-ญี่ปุ่นหยุดก้าวก่ายกิจการภายในของจีน  จีนออกโรงเตือนสหรัฐและญี่ปุ่นให้หยุดก้าวก่ายกิจการภายในของจีนและหยุดทำลายผลประโยชน์ของจีนในทันที “เราขอเตือนสหรัฐและญี่ปุ่นให้ตระหนักถึงความกังวลของจีนอย่างจริงจัง ปฏิบัติตามหลักการจีนเดียว รวมทั้งหยุดก้าวก่ายกิจการภายในของจีนและหยุดทำลายผลประโยชน์ของจีนในทันที” โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนระบุในแถลงการณ์ “จีนจะใช้ทุกมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์ด้านการพัฒนาของชาติ”  ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ผู้นำสหรัฐและญี่ปุ่นได้ออกแถลงการณ์ร่วมกัน โดยแสดงความวิตกกังวลในหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับจีน เช่น เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ฮ่องกง ไต้หวัน และน่านน้ำในทะเลจีนใต้
  • (+) รัสเซียเตรียมขับนักการทูตสหรัฐ ตอบโต้มาตรการคว่ำบาตร  นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า รัสเซียจะประกาศขับนักการทูตสหรัฐจำนวน 10 คนออกจากรัสเซียเพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ  “เราจะทำการตอบโต้ในลักษณะเดียวกัน โดยจะให้นักการทูตสหรัฐ 10 คนเดินทางออกจากประเทศ” นายลาฟรอฟกล่าว  นายลาฟรอฟยังระบุว่า รัสเซียสามารถรับมือกับการคว่ำบาตรของสหรัฐ ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
  • (+) ดอลล์อ่อนค่าตามทิศทางบอนด์ยีลด์ชะลอตัวลง   ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 เม.ย.) หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลง ซึ่งลดความน่าดึงดูดใจของดอลลาร์ และได้บดบังปัจจัยบวกจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.06% สู่ระดับ 91.5590 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 108.79 เยน จากระดับ 108.65 เยน, อ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9198 ฟรังก์ จากระดับ 0.9217 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2501 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2536 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1978 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1975 ดอลลาร์ และเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3833 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3791 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7732 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (+) เฟดเผยธุรกิจราว 2 แสนแห่งในสหรัฐปิดกิจการถาวรเซ่นพิษโควิด-19  ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยผลวิจัยบ่งชี้ว่า ธุรกิจราว 200,000 แห่งในสหรัฐปิดกิจการลงอย่างถาวรในปีแรกของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  เฟดระบุว่า ร้านทำผม, ร้านทำเล็บ และธุรกิจให้บริการส่วนบุคคลอื่นๆ ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยกิจการดังกล่าวจำนวนมากกว่า 100,000 แห่งได้ปิดกิจการลงอย่างถาวรในช่วงเดือนมี.ค. 2563 ถึงเดือนก.พ. 2564
  • (+) ผลสำรวจม.มิชิแกนชี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐพุ่งนิวไฮรอบ 1 ปี  ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 86.5 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี จากระดับ 84.9 ในเดือนมี.ค. แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 89.6
  • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 164.68 จุด ขานรับข้อมูลศก.-ผลประกอบการแกร่ง  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (16 เม.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดทำนิวไฮด้วยเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจและผลประกอบการธนาคารที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,200.67 จุด เพิ่มขึ้น 164.68 จุด หรือ +0.48%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,185.47 จุด เพิ่มขึ้น 15.05 จุด หรือ +0.36% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,052.34 จุด เพิ่มขึ้น 13.58 จุด หรือ +0.10%
  • (-) สหรัฐเผยตัวเลขเริ่มต้นสร้างบ้านสูงกว่าคาดในเดือนมี.ค.  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้น 19.4% ในเดือนมี.ค. สู่ระดับ 1.739 ล้านยูนิต โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.613 ล้านยูนิต 
  • (+/-) เศรษฐกิจเอเชียมีแนวโน้มโต 6.5% ปีนี้  โป๋อ่าว ฟอรั่ม ฟอร์ เอเชีย (Boao Forum for Asia: BFA) รายงานในวันนี้ว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจเอเชียจะแตะระดับ 6.5% เป็นอย่างน้อยในปี 2564 หลังจากที่หดตัว 1.7% ในปี 2563  รายงานหัวข้อ “Asian Economic Outlook and Integration Progress” ของ BFA ซึ่งอ้างอิงข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า เศรษฐกิจเอเชียใต้จะขยายตัว 9.7% ในปีนี้ ซึ่งนับว่าเติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาค ขณะที่เศรษฐกิจเอเชียตะวันออกจะขยายตัว 6.5%  รายงานระบุว่ามีหลายปัจจัยที่ผลักดันให้เศรษฐกิจเอเชียเติบโตค่อนข้างสูง ซึ่งรวมถึงการควบคุมโรคระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการกลับมาทำงานและเดินสายการผลิตอย่างราบรื่นของจีนและเกาหลีใต้

โดย  : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

Fundamental

  • เงินคริปโตสกุลหลักร่วงลงอย่างรุนแรงเกือบทั้งหมด เป็นผลจากข่าวลือรัฐบาลสหรัฐฯเตรียมจับฟอกเงินในการซื้อขายเงินสกุลคริปโต ซึ่งทำให้เกิด panic sell และความผันผวนที่ผิดปกติของราคาเงินบางสกุลในหลายแพลตฟอร์มการซื้อขายจากอุปสงค์กับอุปทานที่ไม่สมดุลกันตามมา
  • ในขณะที่ราคาทองคำได้รับผลบวกจากเรื่องดังกล่าว เนื่องจากสามารถเป็นแหล่งพักเงินทางเลือกที่มีความผันผวนต่ำกว่า รวมถึงการรายงาน GDP ไตรมาสแรกของจีน +18.3% ก็ช่วยเพิ่มแรงซื้ออีกทางหนึ่งด้วย

Technical

  • รูปซ้ายราคากำลังไต่ระดับขึ้นไปสู่เป้าหมายของรูป W-shapeที่ระดับ 1,715-1,725
  • รูปขวาราคาเปิดตลาดเช้านี้วิ่งขึ้นหนีเส้นแนวโน้ม แต่ RSI ปรับขึ้นแบบอ่อนแรงและมีโอกาสที่จะเกิดสัญญาณ bearish divergence ตามมา จึงควรระวังแรงขายเมื่อราคาทะยานเข้าใกล้ระดับ 1,800
  • ทิศทางวันนี้ขึ้นต่อต้องระวัง
  • จับจังหวะเล่นยังไง?หาจังหวะขายเมื่อราคาพุ่งขึ้นไป

Attention

  • แนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปจะฟื้นจากโควิดได้ช้ากว่าคาด เพราะวัคซีนขาดแคลน จึงยังเลิก lockdown ไม่ได้
  • แนวโน้มเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดรอบ 3 ซึ่งคาดว่าจะประกาศให้ lockdown บางส่วน เพื่อพยุงให้เศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวต่อไปได้ แต่ยังส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าอยู่ดี
  • อย่างไรก็ตาม เงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าอย่างหนักในเดือนนี้ได้กดดันให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าสวนทาง และกลายเป็นลบกับราคาทองคำในประเทศ

ที่มา : gold.in.th (19 เม.ย.64 )

- Advertisement -

Leave a Reply