ราคาทองวันนี้ ข่าวทองคำ

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 29 เม.ย.64 MTS, YLG, Gcap, HGF, SCT

764

- Advertisement -

โดย  : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำดีดตัวขึ้นจากถ้อยแถลงของประธานเฟดหลังเสร็จสิ้นการประชุมในช่วงเวลาประมาณตี 1 ครึ่ง (ตามเวลาไทย) และจะเห็นได้ว่าราคาทองคำมีการลงมาทำต่ำสุดบริเวณ 1,762 เหรียญ ก่อนจะรีบาวน์กลับมาทรงตัวแถว 1,770 เหรียญในช่วงตลาดยุโรป ภาพรวมทองคำดีดตัวจากถ้อยแถลงของประธานเฟดที่มองเศรษฐกิจฟื้นตัวแต่ยังไม่แข็งแรงโดยสมบูรณ์ และการปรับขึ้นของข้อมูลทางเศรษฐกิจมาจากการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้มาจากการเติบโตที่แท้จริง สำหรับสิ่งที่ต้องสำคัญต่อมาคือถ้อยแถลงของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯในเช้านี้ เกี่ยวกับแผนงบประมาณโครงสร้างพื้นฐานระยะยาว ด้านดัชนีดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าลงเล็กน้อยจาก 90.90 จุด และเช้านี้อ่อนค่าต่อ 90.42 จุด ในส่วนของกองทุน SPDR ถือครองทองคำเท่าเดิม ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดีขึ้นเล็กน้อย และคาดหวังว่าจะเห็นตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯในวันนี้ออกมาดีขึ้น ได้แก่ Advance GDP, Unemployment Claims และ Pending Home Sales

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นพ้นระดับแนวต้านที่เป็น Bandwidth ระหว่าง 1,770 – 1,780 เหรียญอีกครั้ง และกำลังพยายามขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยาบริเวณ 1,800 เหรียญ และดูเหมือนจะเห็นทิศทางทองคำสดใสอีกครั้งหลังฝ่า 1,780 เหรียญมาได้อีกครั้ง วันนี้คาดราคาทองคำตลาดโลกและ  Gold Comex จะมีแนวรับ 1,770 เหรียญ และแนวต้าน 1,800 เหรียญ สำหรับ  Gold Online Futures จะมีกรอบแนวรับ 1,773 เหรียญ และแนวต้าน 1,800 เหรียญ อย่างไรก็ดี วันนี้คาดอาจเห็นทองคำไทยปรับขึ้น 200 บาท/บาททองคำ

- Advertisement -

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

เก็งกำไรกรอบขาขึ้น ลงซื้อขึ้นขายระยะสั้นในกรอบขาขึ้น มี Stop Loss หากต่ำกว่า 1,770 เหรียญ

– นักลงทุนที่ถือ Long Position 

แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว และขายทำกำไรตามแนวต้าน มี Stop Loss หากต่ำกว่าแนวรับ

– นักลงทุนที่ถือ Short Position

แนะนำให้ลดหรือปิดสถานะลดความเสี่ยง จากสภาวะขาขึ้นในตลาดเวลานี้

Gold Futures 10J21 จะมีแนวรับที่ระดับ 26,450 บาท และแนวต้านที่ระดับ 26,700 บาท

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

การเข้าซื้อขายทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัวในกรอบ พิจารณาโซน 1,797 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในการเปิดสถานะขาย ขณะที่การเปิดสถานะซื้อจำเป็นต้องรอการอ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับซึ่งจะเป็นการเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น

แนวรับ : 1,759 1,743 1,730  แนวต้าน : 1,797 1,816 1,833

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวานนี้ปิดทะยานขึ้น 4.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์  แม้ว่าราคาทองจะปรับตัวลดลงไปแตะระดับต่ำสุดบริเวณ  1,762.50  ดอลาร์ต่อออนซ์ในช่วงก่อนที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะเสร็จสิ้น  อย่างไรก็ดี  ราคาทองคำเริ่มฟื้นตัวขึ้นจากแรงซื้อ Buy the dip ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นแรง  หลังจากเฟดมีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% และยังคงเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือนตามเดิม  อย่างไรก็ดี  ถ้อยแถลงของนายพาวเวลล์ประธานเฟดย้ำชัดอีกครั้งว่า  (1.) อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นชั่วคราวในปีนี้  จะไม่เป็นไปตามมาตรฐานสำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย  ดังนั้นอัตราดอกเบี้ยใกล้ศูนย์จึงมีความเหมาะสมจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย (2.) ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะหารือเกี่ยวกับการลด QE (QE tapering) สะท้อนว่าเฟดจะไม่เร่งรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยและลดการคาดการณ์เกี่ยวกับการลด QE สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงจาก 1.659% สู่ระดับ 1.618% ซึ่งช่วยหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย  พร้อมกับกดดันให้ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.32% สู่ระดับ 90.597  ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นเกือบ 20 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากระดับต่ำสุด  สู่ระดับสูงสุดเมื่อคืนนี้ที่ 1,782.49 ดอลลาร์ต่อออนซ์  และปรับตัวขึ้นต่อในช่วงเช้าวันนี้ในตลาดเอเชียจนส้รางระดับสูงสุดใหม่ในระหว่างวันที่ 1,789.84 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ติดตามการเป ดเผยประมาณการครั้งแรกจีดีพีช่วงไตรมาส 1/2021, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายของสหรัฐ

ปัจจัยทางเทคนิค :

หลังจากราคาอ่อนตัวลงสร้างระดับต่ำสุดใหม่จากสัปดาห์ก่อนหน้าโซน  1,762 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำเกิดแรงซื้อให้ฟื้นตัวขึ้นช่วงสั้น  เบื้องต้นมีแนวต้านระยะสั้นที่ 1,797-1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านไปได้ ประเมินว่าจะเกิดแรงขายกดดันมาเข้าใกล้ 1,762-1,759 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน :

การเข้าซื้อขายทำกำไรระยะสั้น ราคาทองคำมีจุดเสี่ยงเปิดสถานะขายระยะสั้นในบริเวณ 1,797-1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์  (ตัดขาดทุนหากยืน1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้) แต่หากราคาอ่อนตัวลงไปก่อนให้พิจารณาบริเวณ 1,762-1,759 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นจุดเปิดสถานะซื้อ แต่หากหลุดโซนดังกล่าวแนะนำให้ชะลอการเข้าซื้อเพื่อรอดูการตั้งฐานของราคา

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอสินเชื่อจำนองลดลงสัปดาห์ที่แล้ว แม้ดอกเบี้ยปรับตัวลง  สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองลดลง 2.5% ในสัปดาห์ที่แล้ว แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวลง  ทั้งนี้ จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง 5% ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว  ส่วนจำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์ลดลง 1% ในสัปดาห์ที่แล้ว และลดลง 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
  • (+) ดอลล์อ่อน หลังเฟดคงดอกเบี้ย-เดินหน้าทำ QE  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 เม.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยและคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามคาด นอกจากนี้ เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจ แม้ระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้นก็ตาม  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.31% สู่ระดับ 90.6220 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.68 เยน จากระดับ 108.73 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9100 ฟรังก์ จากระดับ0.9142 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2316 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2407 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2123 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2089 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3944 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3901 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7793 ดอลลาร์ สหรัฐ จากระดับ 0.7765 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (+) ดาวโจนส์ปิดลบ 164.55 จุด หลังเฟดตรึงดอกเบี้ย-คงวงเงิน QE  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 เม.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยและคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามคาด นอกจากนี้ เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจ แม้ระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้นก็ตาม  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,820.38 จุด ลดลง 164.55 จุด หรือ -0.48% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,183.18 จุด ลดลง 3.54 จุด หรือ -0.08% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,051.03 จุด ลดลง 39.19 จุด หรือ -0.28%
  • (+) “พาวเวล” เผยเฟดยังไม่ถึงเวลาหารือลดวงเงิน QE แม้เศรษฐกิจฟื้นตัวแข็งแกร่ง  นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ว่า นายพาวเวลยังระบุด้วยว่า การฟื้นตัวของภาคส่วนต่างๆ ในระบบเศรษฐกิจยังคงไม่สอดคล้องกันและยังอยู่ห่างไกลจากการฟื้นตัวอย่างเต็มศักยภาพ โดยหากมองถึงภาพรวมเศรษฐกิจแล้ว ตัวเลขการจ้างงานที่ระดับ 8.4 ล้านตำแหน่งนั้น ยังคงอยู่ต่ำกว่าในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่อัตราว่างงานดีดตัวขึ้นแตะระดับ 6% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขที่ตอกย้ำว่า การจ้างงานในสหรัฐยังคงอยู่ในระดับต่ำ”  ในการแถลงข่าวครั้งนี้ นายพาวเวลเน้นย้ำว่า หากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐดีดตัวขึ้นในทิศทางที่มีความยั่งยืนมากขึ้น เฟดก็พร้อมที่จะใช้เครื่องมือต่างๆ ในการรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว
  • (+) เฟดคงดอกเบี้ยตามคาด ยันเดินหน้าทำ QE  คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมวันนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้  นอกจากนี้ เฟดระบุว่าจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 8 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์  แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงานได้แข็งแกร่งขึ้น โดยได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนโควิด-19 และการสนับสนุนด้านนโยบาย  อย่างไรก็ดี เฟดเตือนว่าแนวโน้มเศรษฐกิจยังคงเผชิญความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเฟดจะใช้เครื่องมือทุกอย่างในการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเพื่อให้มีการจ้างงานเต็มศักยภาพ และรักษาเสถียรภาพของราคา
  • (-) “เทสลา” เพิ่มการลงทุนบิตคอยน์เป็น 2,500 ล้านดอลลาร์  เทสลา อิงค์ บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของนายอีลอน มัสก์ ส่งหนังสือแจ้งต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) หรือก.ล.ต.ว่า ทางบริษัทได้ลงทุนในบิตคอยน์คิดเป็นมูลค่า 2,500 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนมี.ค.  วงเงินดังกล่าวสูงกว่าระดับ 1,500 ล้านดอลลาร์ที่เทสลาแจ้งต่อก.ล.ต.สหรัฐเมื่อวันที่ 8 ก.พ.  ก่อนหน้านี้ เทสลาเปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไรสุทธิ 101 ล้านดอลลาร์จากการขายบิตคอยน์ในไตรมาส 1 ซึ่งได้ช่วยให้กำไรของบริษัทพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสดังกล่าว

โดย: บริษัท จีแคป จำกัด

แนวโน้มช่วงเช้า
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 เม.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยและคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามคาด นอกจากนี้เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจ แม้ระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้นก็ตาม

มุมมองทองคำภาคเช้า ทองคำตลาดนิวยอร์กขยับตัวขึ้น หลังจากที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้แถลงในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินโดยกล่าวว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงเวลาที่กำลังเผชิญกับความท้าทายในขณะนี้ คณะกรรมการ FOMC ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% โดยคณะกรรมการคาดว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวไปจนกว่าภาวะตลาดแรงงานจะบรรลุเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มศัยภาพตามที่เฟดประเมินไว้ ส่งผลให้ตลาดคลายความกังวลและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ร่วงลงอย่างไรก็ตามนักลงทุนยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ได้แก่ GDP จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน ยอดขายบ้านที่รอปิดการขาย ต้นทุนค่าจ้างแรงงาน ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐาน ดัชนีจัดซื้อจัดจ้างชิคาโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.มิชิแกน เป็นต้น

สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 เม.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยและคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามคาด นอกจากนี้เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจ แม้ระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้นก็ตาม

แนะแนวทางการลงทุน
แนวรับ 1,770- 1,765- 1,760
แนวต้าน 1,789- 1,794 – 1,799
ทองคำปิดตลาดขยับตัวขึ้น หลังจากเฟดคงอัตราดอกเบี้ย และยังไม่ปรับลดวงเงินการทำ QE และจะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐตลาดได้คลายความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่จะเกิดขึ้นและส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ลดลงกระตุ้นให้มีแรงซื้อในฝั่งทองคำเข้ามา แนะปิดกำไรที่แนวต้าน

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

ประธานเฟดแถลงว่ายังไม่มีแผนลดวงเงิน QE

คืนนี้สหรัฐจะประกาศจีดีพีไตรมาส 1

ราคาทองคำคาดปรับขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญ 1,800 ดอลลาร์

  • ราคาทองคำ Spot เมื่อวานปิดตลาดเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าได้รับปัจจัยลบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้น โดยเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.659%แต่ราคาทองคำเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป ทั้งตรึงอัตราดอกเบี้ยต่ำ 0-0.25% และมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)  โดยซื้อพันธบัตรวงเงิน1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือนนอกจากนี้ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงว่าขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่คณะกรรมการเฟดจะหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินสำหรับมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)  แม้ว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวแข็งแกร่งมากขึ้นก็ตามทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ถือครองทองคำเท่าเดิมติดต่อกันมา 7วัน
  • คืนนี้สหรัฐจะประกาศจีดีพีไตรมาส 1 ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น6.8% จากไตรมาส 4 ของปี 2563 เพิ่มขึ้น4.3%จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตลาดคาดจะอยู่ที่ระดับ545,000 ราย ยอดทำสัญญาขายบ้านรอปิดการขายเดือนมี.ค. ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น4.2% หลังจากที่ลดลง10.6% ในเดือนก.พ.
  • แนวโน้มราคาทองคำ Spotคาดปรับขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญ 1,800 ดอลลาร์โดยมีแนวต้านสำคัญ 1,800 ดอลลาร์ และแนวต้านถัดไป 1,815ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวรับ 1,770 ดอลลาร์ และ 1,760 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,781.20+4.71,770/1,7601,780/1,800

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
26,250-20026,300/26,15026,550/26,750

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
26,520+17026,440/26,30026,710/26,930

แนะนำเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,770 ดอลลาร์ (GF 26,440บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,760 ดอลลาร์(GF 26,300บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,784.20+14.901,772/1,7621,782/1,802

แนะนำเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรเมื่อราคาGOM21 ปรับลงมาที่ 1,772ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,762 ดอลลาร์

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดแข็งค่าขึ้นเงินบาทมีปัจจัยลบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ในประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในระดับที่สูงเกิน 2 พันรายมาติดต่อกันหลายวัน ส่วนเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยและคงวงเงินมาตรการซื้อพันธบัตรตามคาด นอกจากนี้เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจ แม้ระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้นก็ตาม

สำหรับ USD Futures เดือนมิ.ย.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 31.30 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 31.50บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์อ่อนหลังเฟดคงดอกเบี้ย-เดินหน้าทำQE

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ:น้ำมันWTI ปิดบวก 92 เซนต์ขานรับแนวโน้มดีมานด์สดใส

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (28 เม.ย.) หลังสหรัฐเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันกลั่นลดลงอย่างมากในสัปดาห์ที่แล้วซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐยังคงแข็งแกร่งนอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่โกลด์แมนแซคส์คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวสูงขึ้นสัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 92 เซนต์หรือ 1.5% ปิดที่ 63.86 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.2564   สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 85 เซนต์หรือ 1.3% ปิดที่ 67.27 ดอลลาร์/บาร์เรล

ตลาดหุ้นต่างประเทศ:ดาวโจนส์ปิดลบ 164.55 จุดหลังเฟดตรึงดอกเบี้ย-คงวงเงินQE

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (28 เม.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยและคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามคาดนอกจากนี้เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจแม้ระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้นก็ตาม ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,820.38 จุดลดลง 164.55 จุดหรือ -0.48% ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,183.18 จุดลดลง 3.54 จุดหรือ -0.08% ดัชนีNasdaqปิดที่ 14,051.03 จุดลดลง 39.19 จุดหรือ -0.28%

โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด

คำแนะนำ : FED คงนโยบายตามเดิมยังไม่ลด QE ทำให้ทองเป็นบวก คืนนี้ต้องเฝ้า GDP สหรัฐฯมีผลต่อแนวโน้ม

แนวรับ 1770/ 1763|1753   แนวต้าน 1795|1800|1810
                  Gold/silver           USD           Baht        DOW (stock)
ระยะสั้น          SW                    SW             SW              SW
ระยะกลาง     SW UP            SW DOWN     SW         SW UP
ระยะยาว      NEUTRAL         BULLISH    NEUTRAL   BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS  1760-1795
จุดเข้า buy 1760-70
เป้าหมาย 1800-1815
SL 1759
รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1675-1800
จุดเข้า BUY 1755-65
เป้าหมาย 1815
SL 1749

บทวิเคราะห์

เมื่อคืนนี้เฟดคงดอกเบี้ยและนโยบายตามเดิม ชัดเจนว่ายังไม่รีบ TAPERING หรือลดวงเงิน QE นั่นเอง และมองเศรษฐกิจค่อยๆดีขึ้น ทำให้ราคาทองเป็นบวกเล็กๆ ประกอบกับเมื่อวานราคาทองย่อแต่ไม่หลุด $1760 และมีแรงซื้อปิดแดนบวกต่อ ต้องมาลุ้นตัวเลข GDP และอื่นๆของสหรัฐฯคืนนี้ที่คาดว่าจะออกมาดีกว่าคาด ดังนั้นจึงสำคัญต่อแนวโน้มราคาทองที่ยังพักฐานออกข้างอยู่ว่าจะอย่างไร ในทางเทคนิคราคาทองยังแกว่งในกรอบ $1760-95 ยังไม่ทะลุเลือกด้านคาดว่าจะเร็วๆนี้น่าจะทราบ กลยุทธ์ยังแนะทางย่อซื้อขึ้นขายตราบใดที่ยังไม่หลุด $1760 คาดว่าถ้าราคายืนเหนือ $1785 ได้ก็อาจจะเปลี่ยนแนวโน้มไปต่อได้  

ที่มา : gold.in.th(29 เม.ย.64)

- Advertisement -

Leave a Reply