สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 6 เมื่อคืนนี้ (20 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการชะลอตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ อย่างไรก็ดี สัญญาทองคำขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 1,881.9 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. 2564
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 4.2 เซนต์ หรือ 0.15% ปิดที่ 28.067 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 3.4 ดอลลาร์ หรือ 0.28% ปิดที่ 1,205 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 14.60 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 2,870.20 ดอลลาร์/ออนซ์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 1.63% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ เนื่องจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดทองคำ เนื่องจากทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาถูกลงและมีความน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.48% สู่ระดับ 89.8104 เมื่อคืนนี้
อย่างไรก็ดี สัญญาทองคำขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายได้รับแรงกดดันจากรายงานการประชุมของเฟดซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดได้หารือกันเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันกรรมการเฟดส่วนหนึ่งได้เสนอให้มีการเปิดอภิปรายเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในโครงการ QE โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว, จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลงอย่างต่อเนื่อง และประชาชนในสหรัฐได้รับการฉีดวัคซีนมากขึ้น