สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากแนว 1,900 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (27 พ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 1.6% และจากการที่นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
- ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 5.3 ดอลลาร์ หรือ 0.28% ปิดที่ 1,898.5 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 6.3 เซนต์ หรือ 0.23% ปิดที่ 27.94 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 21.1 ดอลลาร์ หรือ 1.76% ปิดที่ 1,179.1 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 57.8 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 2,810.50 ดอลลาร์/ออนซ์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวสู่ระดับ 1.61% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยฉุดราคาทองคำ เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) ในการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 38,000 ราย สู่ระดับ 406,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐเมื่อเดือนมี.ค.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 425,000 ราย
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2564 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 6.4% ในไตรมาส 1 ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งแรก และเป็นการขยายตัวสูงเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ไตรมาส 3/2546
นักวิเคราะห์จากบริษัท Insignia Consultants กล่าวว่า อีกหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดราคาทองคำคือการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรในช่วงปลายเดือน ก่อนที่จะถึงวันหยุดยาวในช่วงสุดสัปดาห์นี้
* ตลาดทองคำนิวยอร์กจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 31 พ.ค.นี้ เนื่องในวัน Memorial Day *