คำแนะนำ :
หากราคาทองคำยังไม่สามารถฝ่าแนวต้านบริเวณ 1,829-1,843 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ทำให้เป็นเพียงการฟื้นตัวขึ้นระยะสั้น และโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับย่อลงมาบริเวณแนวรับ 1,804-1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ : 1,795 1,781 1,767 แนวต้าน : 1,829 1,843 1,857
สรุป
ราคาทองคำวานนี้ปิดดิ่งลง 45.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่ส่งสัญญาณในเชิงสายเหยี่ยว(Hawkish)หรือสนับสนุนการคุมเข้มนโยบายการเงินมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า ทั้งนี้ เฟดมีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ย และคงวงเงิน QE ที่ 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือนตามเดิม แต่ใน Economic Projections บ่งชี้ว่าเฟดได้ปรับ “เพิ่ม” ตัวเลขคาดการณ์ GDP ในปี 2021 พร้อมปรับ “ลด” คาดการณ์อัตราการว่างงานในปี 2022 รวมถึงปรับ “เพิ่ม” คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปี 2021, 2022 และ 2023 สะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ นอกจากนี้ Dot plot ประจำเดือนมิ.ย.บ่งชี้ว่า มีกรรมการเฟด 13 รายจากทั้งหมด 18 คน คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งในปี 2023 ขณะที่ Median ของการคาดการณ์สะท้อนว่าเฟดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปีดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าการคาดการณ์ในเดือนมี.ค. ขณะที่นายพาวเวล ประธานเฟดระบุว่า กรรมการเฟดได้เริ่มหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดวงเงิน QE และการหารืออาจจะแล้วเสร็จในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าในขณะที่เศรษฐกิจยังคงฟื้นตัว โดยรวมจะเห็นได้ว่าผลการประชุมเฟดรอบนี้เป็น Hawkish Surprise ที่ตอกย้ำแนวโน้มว่าเฟดจะเริ่มชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงินในไม่ช้านี้ ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนุนดัชนีดอลลาร์ให้แข็งกว่าเกือบ 1% จนกดดันราคาทองคำให้ดิ่งลงอย่างหนักจนทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,804.27 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อคืนนี้ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -1.17 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจจากเฟดฟิลาเดลเฟีย,จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจจาก Conference Board
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) สหรัฐเผยตัวเลขเริ่มต้นสร้างบ้านต่ำกว่าคาดในเดือนพ.ค. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 3.6% ในเดือนพ.ค. สู่ระดับ 1.572 ล้านยูนิต แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.630 ล้านยูนิต จากระดับ 1.517 ล้านยูนิตในเดือนเม.ย. อย่างไรก็ดี ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านยังคงได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาไม้ และวัสดุอื่นๆในการสร้างบ้าน ส่วนการอนุญาตก่อสร้างบ้านลดลง 3.0% สู่ระดับ 1.681 ล้านยูนิตในเดือนพ.ค.
- (-) “พาวเวล” เผยกรรมการเฟดหารือลดวงเงิน QE เล็งประเมินสถานการณ์ต่อเนื่องก่อนดำเนินการ นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมเมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.) โดยระบุว่า กรรมการเฟดได้เริ่มหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน และกรรมการเฟดจะยังคงหารือกันในเรื่องนี้ต่อไปจนกว่าจะเห็น “ความคืบหน้าที่ยั่งยืน” ซึ่งหมายถึงตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐที่ขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพ และอัตราเงินเฟ้อดีดตัวขึ้นสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% “ในการประชุมอีกหลายครั้งข้างหน้านี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) จะยังคงประเมินความคืบหน้าทางเศรษฐกิจว่ามีแนวโน้มที่จะปรับตัวสู่เป้าหมายของเฟดหรือไม่” นายพาวเวลกล่าว นายพาวเวลได้แถลงกับผู้สื่อข่าวอย่างชัดเจนว่า เฟดจะสื่อสารกับตลาดและสาธารณชนให้รับรู้ก่อนที่เฟดจะดำเนินการปรับเปลี่ยนนโยบายในวันข้างหน้า “เราจะส่งสัญญาณให้ตลาดได้รับรู้ล่วงหน้า ก่อนที่จะประกาศการตัดสินใจปรับเปลี่ยนโครงการซื้อสินทรัพย์ของเรา” นายพาวเวลกล่าว
- (-) เฟดคงดบ.ตามคาด แต่ส่งสัญญาณเร่งขึ้นดบ. ขณะเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมวันนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ เฟดระบุว่าจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 8 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี FOMC ส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าเดิมที่ได้ส่งสัญญาณในเดือนมี.ค.ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2567 ขณะเดียวกัน FOMC ยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้สู่ระดับ 3.4% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมี.ค.ที่ระดับ 2.4% และเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อสู่ระดับ 2.1% และ 2.2% ในปี 2565 และ 2566 ตามลำดับ ทั้งนี้ ในรายงาน dot-plot ระบุว่า กรรมการเฟด 13 รายคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ขณะที่กรรมการเฟดส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปีดังกล่าว และมีเพียง 5 รายคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยตลอดปี 2566 ขณะที่ 7 รายคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในปี 2565 ขณะเดียวกัน เฟดได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ โดยคาดว่าจะมีการขยายตัว 7% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมี.ค.ที่ระดับ 6.5% และคงตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวที่ 3.3% ในปี 2565 ขณะที่ปรับเพิ่มตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2566 สู่ระดับ 2.4% จากเดิมที่ระดับ 2.2% นอกจากนี้ เฟดได้คงคาดการณ์อัตราว่างงานที่ระดับ 4.5% ในปีนี้ และคาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 3.8% และ 3.5% ในปี 2565 และ 2566 ตามลำดับ
- (-) ดอลล์แข็งค่า รับเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 มิ.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ 1 ปี ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดเปิดเผยว่า กรรมการเฟดได้เริ่มหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.68% แตะที่ 91.1540 เมื่อคืนนี้ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.49 เยน จากระดับ 110.09 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9061 ฟรังก์ จากระดับ 0.8984 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2266 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2191 ดอลลาร์แคนาดา ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2018 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2124 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.4003 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4083 ดอลลาร์
- (-) ไบเดนเผยเจรจากับปูตินเป็นไปด้วยดี คาดช่วยฟื้นฟูความสัมพันธ์ทวิภาคี ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ได้ทำการแถลงข่าวในวันนี้ หลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่กรุงเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนกล่าวว่า การเจรจากับปธน.ปูตินเป็นไปด้วยดี และในเชิงสร้างสรรค์ และมีแนวโน้มว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและรัสเซียจะมีการพัฒนาขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และไม่มีการพูดจาข่มขู่กันในการประชุม ขณะที่สหรัฐและรัสเซียควรร่วมมือกันในสิ่งที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน
ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)