บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 17 ส.ค.64 by GT ,HGF, YLG
โดย : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด
Fundamental
- จีนเริ่มควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลต้าได้ แต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจ ทั้งในประเทศและต่อห่วงโซ่อุปทานของโลก ยังน่าเป็นห่วง
- ดัชนีวัดการผลิตนิวยอร์กร่วงหนักกว่าที่คาดไว้มาก
- ตาลีบันเข้ายึดอัฟกานิสถานเบ็ดเสร็จทันทีที่สหรัฐฯถอนทหารและเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ส่งผลทำให้ภาพรวมยุทธศาสตร์ในภูมิภาครวมถึงพื้นที่ใกล้เคียงเปลี่ยนไป และเป็นการเปิดโอกาสให้จีนเข้ามาแทนที่
Technical
- ราคาปรับขึ้นทะลุเส้น MA ขณะที่ RSIแค่แตะเขต overbought ทำให้ 1,780 กลายเป็นแนวยืนระยะ
- RSI เตือนด้วยสัญญาณ bearish divergence วันนี้จึงมีแนวโน้มที่ราคาจะแกว่งแคบและพยายามยืนบนแนวเส้นMA ที่1,780
- ทิศทางวันนี้1,780-1,790
- จับจังหวะเล่นยังไง?wait & see ถ้าขึ้นเกิน 1,790 น่าเสี่ยงเล่น short สั้น ๆแต่ถ้าย่อ ควรลงสัก 1,775-1,780 จึงน่าซื้อเล่นสั้น
Attention
- คืนนี้ ตลาดรอฟังประธาน Fed อัพเดตภาพเศรษฐกิจ เผื่อมีหลุดสิ่งที่จะพิจารณาในการประชุมเดือนหน้า
- บาทอ่อนพยุงราคาทอง
- เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้ากำลังแพร่กระจายทั่วโลก และยังไม่มีวิธีหรือวัคซีนใดที่ป้องกันได้ผลชัดเจน
โดย : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)
ทองคำปรับขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4
คืนนี้ติดตามการแถลงของประธานเฟด
ทองคำมีแนวต้านสำคัญ1,790 ดอลลาร์
- ราคาทองคำ Spot เมื่อวานปรับลดลงในการซื้อขายช่วงกลางวัน เนื่องจากแรงเทขายทำกำไรออกมา หลังจากที่เมื่อวันศุกร์ราคาทองคำปรับขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ แต่ในช่วงกลางคืนมีแรงซื้อทองคำเนื่องจากสหรัฐประกาศดัชนีภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กเดือนส.ค.ลดลงสู่ระดับ 18.3 และต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 29.0 หลังจากเพิ่มขึ้นแตะระดับ 43.0 ในเดือนก.ค.ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ขายทองคำ 1.16 ตันเมื่อวาน หลังจากขายทองคำ 3.5 ตันในสัปดาห์ผ่านมา
- คืนนี้ติดตามการแถลงของเจอโรม พาวเวลประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) คาดว่าจะได้รับความน่าสนใจจากนักลงทุนถึงแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด ส่วนคืนนี้สหรัฐจะประกาศยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ตลาดคาดลดลง 0.2% จากที่เดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 0.6% การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค.ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 0.5%% จากที่เดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 0.4%
- แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวSideways up โดยทองคำมีแนวต้านสำคัญ1,790 ดอลลาร์ถ้าผ่านขึ้นไปได้จะมีแนวต้านถัดไปที่1,800 ดอลลาร์ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,770 ดอลลาร์และ 1,760 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,785.06 | +5.84 | 1,770/1,760 | 1,790/1,800 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
28,100 | +350 | 28,000/27,850 | 28,300/28,450 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
28,340 | +130 | 28,120/28,000 | 28,430/28,560 |
สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำขายทำกำไรบางส่วนที่ราคาทอง Spot1,790 ดอลลาร์ (GF28,430 บาท) และ 1,800 ดอลลาร์ (GF28,560 บาท)การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำที่ราคาทองคำ Spot1,770ดอลลาร์ (GF28,120บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,760 ดอลลาร์(GF28,000บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,788.90 | +11.90 | 1,772/1,762 | 1,792/1,802 |
สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำขายทำกำไรที่ราคา GOU211,792ดอลลาร์และ 1,802ดอลลาร์การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำที่ราคา GOU211,772ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,762 ดอลลาร์
ค่าเงิน
ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดอ่อนค่าลงเล็กน้อยโดยเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์เนื่องจากนักลงทุนซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังจีนเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจต่ำกว่าตลาดคาดทั้งยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งสถานการณ์ตึงเครียดในอัฟกานิสถาน
สำหรับทิศทางเงินบาทยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้ป่วยหายกลับบ้านสำหรับ USD Futures เดือนก.ย.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33.30บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 33.50บาท/ดอลลาร์
News
ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์แข็งเทียบยูโรนลท.ซื้อสกุลเงินปลอดภัยเหตุวิตกศก.จีน
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (16 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนพากันซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยหลังจีนเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังรวมทั้งสถานการณ์ตึงเครียดในอัฟกานิสถานดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.11% แตะที่ 92.6235 เมื่อคืนนี้
ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดบวก $11.6 รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย-บอนด์ยีลด์ร่วงหนุน
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (16 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์นอกจากนี้สัญญาทองคำยังได้ปัจจัยบวกจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 11.6 ดอลลาร์หรือ 0.65% ปิดที่ 1,789.8 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.2 เซนต์หรือ 0.05% ปิดที่ 23.791 ดอลลาร์/ออนซ์
ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดลบ $1.15 เหตุวิตกดีมานด์น้ำมันจีนชะลอตัว
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (16 ส.ค.) หลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนเกินคาดอันเนื่องมาจากผลกระทบของภาวะน้ำท่วมและการแพร่ระบาดรอบใหม่ของไวรัสโควิด-19 ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 1.15 ดอลลาร์หรือ 1.7% ปิดที่ 67.29 ดอลลาร์/บาร์เรลสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.08 ดอลลาร์หรือ 1.5% ปิดที่ 69.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดบวก 110.02 จุดรับแรงซื้อหุ้นกลุ่มปลอดภัย
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (16 ส.ค.) โดยดาวโจนส์และS&P500 ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่ปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฎจักรทางเศรษฐกิจได้ดี (defensive stocks) เช่นหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคและกลุ่มสาธารณูปโภคขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ซึ่งรวมถึงบริษัทวอลมาร์ทและโฮมดีโปท์ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,625.40 จุดเพิ่มขึ้น 110.02 จุดหรือ+ 0.31% ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,479.71 จุดเพิ่มขึ้น 11.71 จุดหรือ +0.26% ดัชนีNasdaqปิดที่ 14,793.76 จุดลดลง 29.14 จุดหรือ -0.20%
โดย : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)
คำแนะนำ :
เน้นการซื้อขายทำกำไรระยะสั้น โดยเสี่ยงเปิดสถานะขายในโซน 1,792-1,814 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หวังเข้าซื้อคืนหากราคาไม่หลุดแนวรับโซน 1,770-1,768 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาหลุดแนวรับดังกล่าวให้ชะลอการปิดสถานะขายไปที่แนวรับถัดไป
แนวรับ : 1,768 1,751 1,734 แนวต้าน : 1,792 1,814 1,833
ปัจจัยพื้นฐาน :
ราคาทองคำวานนี้ปิดปครับตัวเพิ่มขึ้น5.84 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยในวงกว้างท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับหลากหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่สะท้อนถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ความวิตกว่าการล่มสลายอย่างรวดเร็วของรัฐบาลอัฟกานิสถาน หลังกลุ่มตาลิบันสามารถยึดครองกรุงคาบูลได้อาจกระทบกับเสถียรภาพทางการเมืองในภูมิภาคตะวันออกกลางในอนาคตขณะที่การระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์เดลต้าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ก่อให้เกิดความกังวลเช่นกัน เห็นได้จากล่าสุดรัฐฟลอริดา หลุยเซียน่า ฮาวาย โอเรกอน และมิสซิสซิปปี้รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่โดยเฉลี่ยต่อวันในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้สถิติสูงสุดครั้งใหม่อีกด้วย ประกอบกับดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ของสหรัฐปรับตัวลดลงเกินคาดสู่ระดับ 18.3 ในเดือนส.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 29.0 ปัจจัยที่กล่าวมากระตุ้นแรงซื้อทองคำ รวมไปถึงพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย นั่นทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดที่ 1.2283% เมื่อคืนนี้จนเป็นปัจจัยหนุนทองคำให้ทะยานขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,789.12 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกทางหนึ่ง แม้ราคาทองคำจะถูกสกัดช่วงบวกจากดัชนีดอลลาร์ที่แข็งค่าจากแรงซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยก็ตาม ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -1.16 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ อาทิ ยอดค้าปลีก, การผลิตภาคอุตสาหกรรม, อัตราการใช้กำลังผลิต และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนส.ค. โดย NAHB และจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดในการประชุม Town Hall meeting
ปัจจัยทางเทคนิค :
หากราคาทองคำไม่สามารถกลับขึ้นยืนเหนือ 1,792-1,814 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้มีแนวโน้มอ่อนตัวลงสู่บริเวณ 1,770-1,668 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามในโซนแนวรับ ต้องจับตาแรงซื้อเก็งกำไรที่อาจเพิ่มสูงขึ้น แต่หากไม่สามารถยืนได้ราคาอาจอ่อนตัวลงทดสอบโซน แนวรับสำคัญโซนที่1,751ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน :
เน้นการลงทุนระยะสั้นเสี่ยง โดยเปิดสถานะขายบริเวณ 1,792-1,814 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และตัดขาดทุนหากผ่าน 1,814 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และทยอยแบ่งปิดสถานะทำกำไรหากราคาไม่หลุดโซนแนวรับ 1,770-1,768 ดอลลาร์ต่อออนซ์แต่หากราคาหลุดแนวรับดังกล่าวให้ชะลอการปิดสถานะขายไปที่แนวรับถัดไปโซน 1,751 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) เฟดนิวยอร์คเผยดัชนีภาคการผลิตต่ำกว่าคาดในเดือนส.ค.ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ลดลง 24.7 จุด สู่ระดับ 18.3 ในเดือนส.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 29.0 หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับ 43.0 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้ การที่ดัชนีดิ่งลง 24.7 จุดในเดือนส.ค. ถือเป็นการทรุดตัวลงหนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2563 โดยได้รับผลกระทบจากภาวะตึงตัวของอุปทาน อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวของคำสั่งซื้อใหม่ และความเชื่อมั่นของบริษัทในภาคการผลิต
- (-) ดอลล์แข็งเทียบยูโร นลท.ซื้อสกุลเงินปลอดภัยเหตุวิตกศก.จีนดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนพากันซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังจีนเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าผิดหวัง รวมทั้งสถานการณ์ตึงเครียดในอัฟกานิสถาน ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.11% แตะที่ 92.6235 เมื่อคืนนี้ ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1775 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1794 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3838 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3868 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7335 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7373 ดอลลาร์ ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.22 เยน จากระดับ 109.58 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9122 ฟรังก์ จากระดับ 0.9152 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2571 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2517 ดอลลาร์แคนาดา
- (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 110.02 จุด รับแรงซื้อหุ้นกลุ่มปลอดภัย ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ส.ค.) โดยดาวโจนส์ และ S&P500 ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่ปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฎจักรทางเศรษฐกิจได้ดี (defensive stocks) เช่นหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคและกลุ่มสาธารณูปโภค ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทวอลมาร์ท และโฮม ดีโปท์
- (+/-) กองทัพสหรัฐฯ เร่งเข้าช่วยอพยพประชาชนออกจากอัฟกานิสถาน เพียง 1 วันหลังการล่มสลายของกรุงคาบูลเมืองหลวงของอัฟกานิสถาน ที่เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุการณ์สู้รบใดๆ กองกำลังต่างชาติซึ่งรวมถึง สมาชิกกองทัพสหรัฐฯ เร่งเข้าปกป้องสนามบินนานาชาติของประเทศตะวันออกกลางนี้ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกการอพยพของประชาชนแล้วเจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ รายหนึ่งบอกกับ วีโอเอ ในวันจันทร์ว่า พลเอก เคนเนธ แฟรงค์ แมคเคนซี ผู้บัญชาการกองบัญชาการภูมิภาคเอเชียกลางและตะวันออกกลาง (CENTCOM) ได้พบกับกลุ่มตาลิบันที่กาตาร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และได้เตือนกลุ่มกบฏนี้แล้วว่า กองทัพสหรัฐฯ จะใช้มาตรการป้องกันตนเองทุกรูปแบบ หากตาลิบันพยายามแทรกแซงภารกิจอพยพผู้คนออกจากอัฟกานิสถาน
- (+/-) ปธน.ไบเดน ประกาศยืนยันการตัดสินใจถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานประธานาธิบดี โจ ไบเดน ยืนยันจุดยืนการเดินหน้าถอนกำลังทหารสหรัฐฯ ออกจากอัฟกานิสถาน ในระหว่างการแถลงความเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กลุ่มตาลิบันเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลกรุงคาบูลเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในการแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ทั่วประเทศในวันจันทร์ ปธน.ไบเดน กล่าวว่า ภารกิจของกองทัพสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถานนั้น “ไม่เคยเป็นเรื่องของการช่วยสร้างชาติ” และกล่าวว่า ภัยคุกคามจากการก่อการร้ายที่นำพาให้ทหารสหรัฐฯ ต้องเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในประเทศนี้ กลับขยายผลเป็นวงกว้างออกไปยังประเทศอื่นๆ ที่อยู่ข้างเคียงด้วย
ที่มา : gold.in.th ( 17 ส.ค. 64 )
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.