บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 21 ก.ย.64 by HGF, GT, SCT, YLG, GCAP, TDC, MTS
โดย : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)
ทองคำขึ้นจากกังวลการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์
คืนนี้สหรัฐจะประกาศการอนุญาตก่อสร้างการเริ่มสร้างบ้าน
ราคาทองคำคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ1,750-1,770 ดอลลาร์
- ราคาทองคำSpot เมื่อวานในช่วงกลางวันปรับลดลงต่อเนื่องหลุดแนวรับสำคัญ 1,750 ดอลลาร์ แต่ในช่วงกลางคืนราคาทองคำปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องเนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยหลังตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างหนัก ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีนทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ถือครองทองคำเท่าเดิมเมื่อวานหลังจากสัปดาห์ก่อนขายทองคำ 3.49 ตัน
- การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มขึ้นในวันนี้และจะทราบผลการประชุมในคืนพรุ่งนี้ ส่วนคืนนี้สหรัฐจะประกาศการอนุญาตก่อสร้างเดือนส.ค.ตลาดคาดลดลงเหลือ1.6ล้านยูนิต จาก 1.63ล้านยูนิตในเดือนก.ค.การเริ่มสร้างบ้านเดือนส.ค. ตลาดคาดเพิ่มขึ้นเป็น 1.55ล้านยูนิต จาก 1.53ล้านยูนิตในเดือนก.ค.
- แนวโน้มราคาทองคำคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ1,750-1,770 ดอลลาร์ ทั้งนี้ยังต้องระวังแรงเทขายซึ่งอาจจะทำให้มีแนวโน้มปรับลดลงสู่แนวรับ 1,700 ดอลลาร์ได้ระยะสั้นทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,750 ดอลลาร์และ 1,730 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,770 ดอลลาร์และ 1,780 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,764.00 | +10.6 | 1,750/1,730 | 1,770/1,780 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
27,750 | -50 | 27,600/27,350 | 27,900/28,100 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
28,000 | +120 | 27,770/27,490 | 28,060/28,220 |
การเข้าซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวแนะนำที่ราคาทอง Spot1,750 ดอลลาร์ (GF 27,770 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,740 ดอลลาร์(GF 27,640 บาท) รวมทั้งแนะนำเปิดสถานะขายเมื่อราคาทอง Spot ปรับขึ้นมาที่บริเวณ 1,770 ดอลลาร์ (GF 28,060บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,780 ดอลลาร์ (GF 28,220บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,764.60 | +5.10 | 1,752/1,732 | 1,772/1,782 |
การเข้าซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวแนะนำที่ราคา GOU211,752 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,742 ดอลลาร์รวมทั้งแนะนำเปิดสถานะขายเมื่อราคา GOU21ปรับขึ้นมาที่บริเวณ 1,772 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,782ดอลลาร์
ค่าเงิน
ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดอ่อนค่าลงทั้งนี้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆโดยนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน และการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจส่งสัญญาณปรับลดวงเงินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมสัปดาห์นี้ซึ่งUSD Futures เดือนก.ย.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33.20บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 33.50 บาท/ดอลลาร์
News
ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์แข็งค่าวิกฤตเอเวอร์แกรนด์หนุนแรงซื้อสกุลเงินปลอดภัย
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (20 ก.ย.) โดยนักลงทุนพากันเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่าเอเวอร์แกรนด์กรุ๊ปซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีนนอกจากนี้ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมสัปดาห์นี้ทั้งนี้ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.09% แตะที่ 93.2760 เมื่อคืนนี้
ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดบวก $12.4 นลท.ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหลังหุ้นร่วงหนัก
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (20 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังตลาดหุ้นสหรัฐและทั่วโลกร่วงลงอย่างหนักท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่าเอเวอร์แกรนด์กรุ๊ปบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีนทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 12.4 ดอลลาร์หรือ 0.71% ปิดที่ 1,763.8 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 13.3 เซนต์หรือ 0.6% ปิดที่ 22.204 ดอลลาร์/ออนซ์
ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดร่วง $1.68 เหตุวิตกปัญหาเอเวอร์แกรนด์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% เมื่อคืนที่ผ่านมา (20 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่าเอเวอร์แกรนด์กรุ๊ปซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีนนอกจากนี้การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดน้ำมันสัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.68 ดอลลาร์หรือ 2.3% ปิดที่ 70.29 ดอลลาร์/บาร์เรลสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1.42 ดอลลาร์หรือ 1.9% ปิดที่ 73.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดหุ้นต่างประเทศ : ดาวโจนส์ปิดร่วง 614.41 จุดกังวลวิกฤตเอเวอร์แกรนด์ฉุดศก.โลก
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 600 จุดเมื่อคืนที่ผ่านมา (20 ก.ย.) ขณะที่ดัชนีS&P500 และNasdaqปิดร่วงลงเป็นเปอร์เซ็นต์ในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีนี้เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่าเอเวอร์แกรนด์กรุ๊ปซึ่งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,970.47 จุดลดลง 614.41 จุดหรือ -1.78% ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,357.73 จุดลดลง 75.26 จุดหรือ -1.70% ดัชนีNasdaqปิดที่ 14,713.90 จุดลดลง 330.07 จุดหรือ -2.19%
นักวิเคราะห์ชี้วิกฤตเอเวอร์แกรนด์เสี่ยงกระทบตลาดอสังหาฯจีนแบบโดมิโน
นักวิเคราะห์จากบริษัทอัลไลแอนซ์เบิร์นสไตน์ (AllianceBernstein) เตือนว่าบริษัทในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ประสบปัญหาสภาพคล่องอย่างหนักมีความเสี่ยงสูงที่จะล้มละลายหลังจากที่บริษัทไชน่าเอเวอร์แกรนด์กรุ๊ป (China Evergrande Group) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดอันดับ2ของจีนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ “มีบริษัทอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากที่ส่งสัญญาณว่ากำลังประสบปัญหาอย่างหนักบริษัทเหล่านี้ไม่สามารถประคองธุรกิจต่อไปได้นานหากช่องทางในการรีไฟแนนซ์ยังคงถูกปิดกั้นต่อไป” นางเจนนีเจิงนักวิเคราะห์ของอัลไลแอนซ์เบิร์นสไตน์ให้สัมภาษณ์ในรายการStreet Signs Asia ของสำนักข่าวซีเอ็นบีซีโดยเตือนถึงผลกระทบแบบโดมิโนจากความเสี่ยงที่เอเวอร์แกรนด์อาจล้มละลายนางเจิงยังเตือนด้วยว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆซึ่งมีขนาดเล็กกว่าเอเวอร์แกรนด์และประสบปัญหาเช่นกันนั้นคิดเป็น10-15%ของตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมหากมีการล้มละลายเกิดขึ้นก็อาจส่งผลกระทบ “ในเชิงระบบ” ไปสู่ภาคส่วนอื่นๆของเศรษฐกิจด้วย
“เยลเลน” เตือนเศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงถดถอยหากคองเกรสไม่เพิ่มเพดานหนี้รัฐบาล
นางเจเน็ตเยลเลนรัฐมนตรีคลังสหรัฐเตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะพลิกผันจากฟื้นตัวไปเป็นถดถอยหากสภาคองเกรสไม่รีบปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาล “สภาคองเกรสได้ปรับเพิ่มหรือยกเลิกเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐมาประมาณ80ครั้งนับตั้งแต่ปี2503และขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่สภาคองเกรสต้องดำเนินการดังกล่าวอีกครั้ง” นางเยลเลนเปิดเผย “มิฉะนั้นในเดือนตุลาคมกระทรวงการคลังจะขาดดุลเงินสดและรัฐบาลจะไม่สามารถชำระหนี้ได้” นางเยลเลนเตือนพร้อมย้ำว่าหากไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้จะทำให้เกิด “หายนะทางเศรษฐกิจในวงกว้าง” “ภายในไม่กี่วันชาวอเมริกันหลายล้านคนอาจขาดแคลนเงินสดเราจะได้เห็นการเลื่อนชำระเงินสำคัญๆออกไปอย่างไม่มีกำหนดผู้สูงอายุเกือบ50ล้านคนอาจไม่ได้เช็คประกันสังคมไปช่วงหนึ่งข้าราชการทหารก็อาจไม่ได้รับค่าจ้าง” นางเยลเลนกล่าวนอกจากนี้นางเยลเลนยังเตือนว่าหากสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ก็อาจผลักดันให้เกิดวิกฤตการเงินครั้งประวัติศาสตร์ซึ่งจะเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจจากเดิมที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักอยู่แล้วจากวิกฤตด้านสาธารณสุขนางเยลเลนกล่าวว่า “การผิดนัดชำระหนี้อาจกระตุ้นให้อัตราดอกเบี้ยพุ่งสูงขึ้น, ราคาหุ้นร่วงลงหนักและเกิดความปั่นป่วนทางการเงินเศรษฐกิจของเราในปัจจุบันจะพลิกผันจากการฟื้นตัวกลายเป็นถดถอยการเติบโตมูลค่านับพันล้านดอลลาร์และงานนับล้านตำแหน่งจะสูญสิ้นและจะทำให้สหรัฐกลายเป็นชาติที่อ่อนแอลงโดยถาวร” “จะเลื่อนนัดหรือผิดนัดชำระหนี้ก็ไม่อาจเป็นที่ยอมรับได้โดย17เดือนที่ผ่านมานี้ได้ทดสอบความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของชาติเราตอนนี้เราเพิ่งออกจากวิฤตมาได้เราต้องไม่กลับไปจมปลักในอีกวิกฤตที่สามารถหลีกเลี่ยงได้อีก” นางเยลเลนกล่าว
ผู้เชี่ยวชาญเผยโควิด-19คือสัญญาณเตือนให้รับมือวิกฤตขยะอาหารในเอเชียตอ.เฉียงใต้
บรรดาผู้เชี่ยวชาญและบริษัทรายใหญ่ในอุตสาหกรรมเปิดเผยกับCNBC ว่าไวรัสโควิด-19คือสัญญาณเตือนของการต่อสู้กับวิกฤตขยะอาหาร (food waste crisis) ของโลกโดยด่วนผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าโควิด-19ได้เผยให้เห็นถึงช่องโหว่ของเครือข่ายซัพพลายเชนในช่วงเวลาที่ทั่วโลกออกมาตรการล็อกดาวน์และห้ามการเดินทางโดยได้ส่งผลกระทบด้านแรงงานในภาคการเกษตรการขนส่งและโลจิสติกส์จนเกิดภาวะคอขวดเป็นเหตุให้อาหารขาดแคลนและราคาพุ่งสูงขึ้นทั่วโลก
โดย : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด
Fundamental
- วิลเลียม ดัดลีย์ อดีตประธาน Fed มั่นใจว่าFed จะส่งสัญญาณว่าจะลดวงเงินQE ในการประชุมเดือน พ.ย.
- รัฐบาลสหรัฐฯยืนยันหนักแน่น หากเอเวอร์แกรนด์ล้มและทำให้เกิดวิกฤตจริง คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯมากนักและสามารถรับมือได้
- เงินดอลลาร์แข็งค่าที่สุดในรอบ 1 เดือน
- ราคาโลหะเงินร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน
- ราคาทองคำยังคงถูกกดดันต่อไป แม้มีเงินบางส่วนที่หนีจากเงินคริปโตเข้ามาพักในทองคำก็ตาม
Technical
- ราคาทำรูป W-shape แต่RSI ปรับขึ้นแบบอ่อนแรงจึงยังคงให้น้ำหนักทางลงที่มีโอกาสจะหลุด 1,750 ไปถึงช่วง 1,677-1,717 ที่เป็นจุดต่ำสุดเดิม
- ราคารีบาวด์ขึ้นมาทดสอบ 1,765 และยืนบนเส้น MA แต่ไม่มีสัญญาณที่บอกว่าจะขึ้นได้ต่อ
- ทิศทางวันนี้ยืนลุ้น1,750 สถานีถัดไป 1,720
- จับจังหวะเล่นยังไง?trading ในกรอบ 1,745-1,765 ถ้าราคามาอยู่ในช่วง 1,740-1,745 หรือ 1,765-1,770 ให้เตรียมตัว stop loss แล้วเล่น breakout follow
Attention
- คืนวันพุธ คาดที่ประชุม Fed จะเผยแผนการปรับลดวงเงิน QE แบบคร่าว ๆ รวมถึงย้ำว่าจะยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย
- ทั่วโลกกำลังจับตาเอเวอร์แกรนด์ว่าจะจ่ายดอกเบี้ย ชำระคืนหุ้นกู้ และหนี้สินอื่นที่ครบกำหนดได้หรือไม่
- เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้ากำลังแพร่กระจายทั่วโลก และยังไม่มีวิธีหรือวัคซีนใดที่ป้องกันได้ผลชัดเจน
- เชื้อโควิดสายพันธุ์มิวกำลังแพร่กระจายทั่วสหรัฐฯ
โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด
คำแนะนำ : ทองรีบาวด์จากข่าวเอเวอร์แกรนด์ฉุดหุ้นร่วง คาดทองรอ FED ชี้ชะตา
แนวรับ 1750/ 1740/ 1725 แนวต้าน 1770|1780|1790
Gold/silver USD Baht DOW (stock)
ระยะสั้น SW /SW UP SW SW SW
ระยะกลาง SW/SW UP SW SW SW UP
ระยะยาว BULLISH Neutral NEUTRAL BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS 1751-74
จุดเข้า BUY 1750-55
เป้าหมาย 1770-1800
SL 1720รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1720-1835
จุดเข้า BUY 1725-50 เป้าหมาย 1830/ 1850
SL 1700
บทวิเคราะห์ : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นร่วงหนักทั่วโลกจากความกังวลว่าบริษัทเอเวอร์แกรนด์ของจีนจะล้มและเบี้ยวจ่ายหนี้วันที่ 23 นี้ ทำให้เงินบางส่วนหนีมาพักที่ทองคำ ทำให้ราคารีบาวด์เบาๆออกข้าง รอดึกคืนพรุ่งนี้ที่เฟดจะแถลงท่าทีการลดวงเงิน QE ในการประชุม FOMC ที่จะชี้ชะตาแนวโน้มราคาทองและเม็ดเงินที่จะเข้ามาลงทุน แม้การคาดการณ์จะมองว่าเฟดยังคงนโยบายผ่อนคลายเพราะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นและปัญหาหุ้นจะตกหนัก ทำให้เฟดน่าจะแตะเบรกการลด QE ในเดือนนี้ ซึ่งน่าจะดีกับทอง
คืนนี้มีประกาศตัวเลขไม่มาก โดยมีทั้งบวกและลบกับทองจึงให้น้ำหนักราคาทองแกว่งตัวออกข้าง แนะนำเทรดสั้น ยิ่งได้บาทอ่อนตามภูมิภาคยิ่งหนุนราคาทองไทยรีบาวด์สั้นๆ การย่อซื้อขึ้นขายจึงเหมาะในกลยุทธ์เทรดรายวัน คาดว่าบาทไทยจะเริ่มผันผวนตามค่าเงินเอเชียและตลาดหุ้น
โดย : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)
คำแนะนำ :
เข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะด้วยความระมัดระวังเนื่องจากราคาขยับขึ้นค่อนข้างน้อย โดยเข้าซื้อเมื่อราคายืนเหนือบริเวณ 1,754-1,739 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ และทยอยปิดสถานะทำกำไรหากไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,767-1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ : 1,739 1,713 1,697 แนวต้าน : 1,767 1,779 1,802
ปัจจัยพื้นฐาน :
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยในช่วงต้นของการซื้อขายในตลาดเอเชีย ราคาทองคำร่วงลงไปทดสอบระดับต่ำสุดในรอบมากกว่า 1 เดือนบริเวณ 1,742.71 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากการแข็งค่าของดัชนีดอลลาร์ อย่างไรก็ดี นักลงทุนบางส่วนเริ่มเข้ามาช้อนซื้อเพื่อทำกำไรจากการปรับตัวลงของราคา ประกอบกับเกิดแรงซื้อทางเทคนิคหลังจากเกิดสัญญาณที่สะท้อนว่าแรงขายชะลอตัวลง นั่นทำให้ราคาทองคำค่อยๆฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจัยพื้นฐานที่อยู่เบื้องหลังการทะยานขึ้นของราคาทองคำเมื่อวานนี้ มาจากความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน ที่ทำให้นักวิเคราะห์บางรายออกมาเตือนว่าอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ความวิตกดังกล่าวกดดันตลาดหุ้นเอเชีย ตลาดหุ้นยุโรป และตลาดหุ้นสหรัฐให้ดิ่งลงอย่างหนัก ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดร่วงลงเป็นเปอร์เซ็นต์ในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีนี้ ซึ่งการดิ่งลงของสินทรัพย์เสี่ยงได้กระตุ้นแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยในวงกว้าง ทั้งทองคำ ดัชนีดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย รวมไปถึงพันธบัตรส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ10ปีปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดที่1.2972% จนเป็นปัจจัยหนุนทองคำเพิ่ม ปัจจัยที่กล่าวมาช่วยหนุนให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นกว่า 20 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากระดับต่ำสุดในระหว่างวันสู่ระดับสูงสุดบริเวณ 1,767.01 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับวันนี้ยังคงต้องติดตามการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงติดตามการเปิดเผยการอนุญาตก่อสร้างและข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านของสหรัฐ
ปัจจัยทางเทคนิค :
หากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,767 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไปได้ อาจมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นให้กลับลงมาตั้งฐานราคาด้านล่างบริเวณ 1,754-1,739 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง เบื้องต้นประเมินว่าราคายังคงเคลื่อนไหวในกรอบและพยายามทรงตัว หากยืนราคาระดับนี้ได้ จะมีแรงดีดกลับไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,767-1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน :
เปิดสถานะซื้อลงทุนระยะสั้น หากราคาทองคำยืนเหนือบริเวณ 1,754-1,739 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาทุนหากราคาหลุด 1,739 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ราคาทองคำมีโอกาสที่จะดีดตัวขึ้นไปได้ โดยหากราคาทองคำดีดตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,767-1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือไม่สามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวแนะนำให้ปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไร
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) จับตาระเบิดเวลา “เอเวอร์แกรนด์” 23 ก.ย. ครบกำหนดจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน ซึ่งกำลังเผชิญปัญหาวิกฤตสภาพคล่อง มีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ของบริษัท 2 งวดในเดือนนี้ ทั้งนี้ เอเวอร์แกรนด์มีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยวงเงิน 83.5 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2,780 ล้านบาท ในวันที่ 23 ก.ย.ของหุ้นกู้ที่มีกำหนดครบอายุเดือนมี.ค.2565 และมีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยวงเงิน 47.5 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,580 ล้านบาท ในวันที่ 29 ก.ย.ของหุ้นกู้ที่ครบอายุเดือนมี.ค.2567 หากเอเวอร์แกรนด์ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยเมื่อถึงวันกำหนดชำระดังกล่าว ทางบริษัทจะมีเวลาอีก 30 วันในการชำระดอกเบี้ย มิฉะนั้นจะถือว่าบริษัทผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ หากเอเวอร์แกรนด์ตกอยู่ในสภาพผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ทางบริษัทจะต้องทำการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งคาดว่านักลงทุนที่เข้าซื้อหุ้นกู้ของเอเวอร์แกรนด์จะได้รับส่วนแบ่งการชำระคืนในสัดส่วนต่ำ
- (+) พิษ “เอเวอร์แกรนด์” ฉุดตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งหนักวันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงอย่างหนักในวันนี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน ซึ่งนักวิเคราะห์เตือนว่าอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ดัชนี MSCI All Country World Index ลบ 0.6% ในวันนี้ ใกล้แตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน หลังพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงต้นเดือนก.ย. ส่วนดัชนี MSCI Asia-Pacific ex-Japan ร่วงลง 1.7% แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. ตลาดหุ้นยุโรปดิ่งลง 2.3% ในวันนี้ และมีแนวโน้มปรับตัวย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2563
- (+) ดาวโจนส์ปิดร่วง 614.41 จุด กังวลวิกฤตเอเวอร์แกรนด์ฉุดศก.โลก ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดร่วงลงเป็นเปอร์เซ็นต์ในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,970.47 จุด ลดลง 614.41 จุด หรือ -1.78% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,357.73 จุด ลดลง 75.26 จุด หรือ -1.70% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,713.90 จุด ลดลง 330.07 จุด หรือ -2.19%
- (-) ดอลล์แข็งค่า วิกฤตเอเวอร์แกรนด์หนุนแรงซื้อสกุลเงินปลอดภัย ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) โดยนักลงทุนพากันเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.09% แตะที่ 93.2760 เมื่อคืนนี้ ยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1723 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1729 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3644 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3738 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7237 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7273 ดอลลาร์ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.36 เยน จากระดับ 109.91 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9277 ฟรังก์ จากระดับ 0.9322 ฟรังก์ แต่เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2827 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2745 ดอลลาร์แคนาดา
- (-) อดีตปธ.เฟดนิวยอร์กฟันธงเฟดเดินหน้าหั่น QE ไม่สนหุ้นร่วงวันนี้นายวิลเลียม ดัดลีย์ อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ระบุในวันนี้ว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกที่ทรุดตัวลงในวันนี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน จะไม่ส่งผลให้เฟดเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) “เฟดจะไม่มีปฏิกริยาต่อความเคลื่อนไหวในตลาดเพียงเล็กน้อย โดยเลื่อนแผนการปรับลด QE” นายดัดลีย์กล่าว นอกจากนี้ นายดัดลีย์ยังเปิดเผยว่า “ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงตามตลาดหุ้นแห่งอื่น ขณะที่นักลงทุนกังวลว่าวิกฤตการณ์จากการผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์จะลุกลามออกไป และกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีน รวมทั้งเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลก” อย่างไรก็ดี นายดัดลีย์คาดว่า เฟดจะส่งสัญญาณในการประชุมสัปดาห์นี้ว่า เฟดจะทำการปรับลด QE ในการประชุมเดือนพ.ย.
- (-) สหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านฟื้นตัวในเดือนก.ย.สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านบวก 1 จุด สู่ระดับ 76 ในเดือนก.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากราคาไม้ที่ปรับตัวลง ดัชนีความเชื่อมั่นอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงมุมมองโดยทั่วไปที่เป็นบวก
โดย : บริษัท จีแคป จำกัด
แนวโน้มราคาทองคำช่วงเช้า
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในวันนี้เทียบสกุลเงินหลัก โดยนักลงทุนพากันเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีนทั้งนี้ เอเวอร์แกรนด์ออกแถลงการณ์ยอมรับว่าบริษัทกำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่อง และอาจไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมสัปดาห์นี้
มุมมองทองคำภาคเช้า
ทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังตลาดหุ้นสหรัฐและทั่วโลกร่วงลงอย่างหนัก หลังจากบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน ออกแถลงการณ์ยอมรับว่าบริษัทกำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่อง และอาจไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด
ขณะที่นายแลร์รี เบรนนาร์ด นักวิเคราะห์จากบริษัททีเอส ลอมบาร์ด เตือนว่า การผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์จะทำให้วิกฤตการณ์ทางการเงินลุกลามออกไปจนอาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ รวมทั้งถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในวันนี้เทียบสกุลเงินหลัก โดยนักลงทุนพากันเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีนทั้งนี้ เอเวอร์แกรนด์ออกแถลงการณ์ยอมรับว่าบริษัทกำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่อง และอาจไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมสัปดาห์นี้
แนะแนวทางการลงทุน
แนวรับ 1,751- 1,746- 1,741
แนวต้าน 1,773–1,778– 1,783
ทองคำปิดบวกนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังตลาดหุ้นสหรัฐและทั่วโลกร่วงลงอย่างหนัก หลังจากบริษัทเอเวอร์แกรนด์ ยักใหญ่อสังหาริม-ทรัพย์เบอร์สองของจีนออกแถลงการณ์ว่าบริษัทอาจจะผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แนะเก็งกำไรทิศทางขาขึ้น
โดย : บริษัท ที.ดี.ซี. โกลด์ จำกัด
ดัชนีหุ้นปรับตัวลดลงแรงทุกตลาดจากความกังวลเรื่องปัญหาหนี้ของ Evergrandeและการประชุมโ FOMC ในคืนนี้และคืนพรุ่งนี้ นักลงทุนกำลังเข้าสู่สภาวะ Risk-offค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ดัชนี VIX index ปรับตัวสูงขึ้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลง ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้จสวนกลับมาในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง ทั้งนี้การขึ้นของทองคำมองว่าเป็นไปอย่างจำกัดหากมองดูที่ผลการประชุม FOMC แล้วนั้นยังแนะนำ wait and see ไปสักระยะหนึ่ง
โดย : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่ราคาปรับตัวลดลงในช่วงเช้าไปทำต่ำสุดบริเวณ 1,745 เหรียญ ก่อนที่จะดีดกลับมาที่ 1,763 เหรียญ ตลาดให้ความสำคัญกับประเด็นความกังวลเรื่อง China Evergrande ที่มีขนาดใหญ่ ที่กำลังเผชิญวิกฤตสภาพคล่องและอาจผิดนัดชำระหนี้ได้ จึงส่งผลให้ตลาดกังวลและส่งผลให้ดอลลาร์เป็น Safe-Haven ขณะที่มีกระแสว่าจีนอาจปล่อยให้บริษัทนี้ล้ม จึงทำให้เกิดมุมมองว่าเป็นลักษณะ Too Big – Too Fail นอกจากนี้ตลาดให้ความสำคัญกับการขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ท่ามกลางรีพับลิกันที่ค้านไม่ให้รัฐบาลก่อหนี้เพิ่ม นอกจากนี้ตลาดยังมีปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเงียบเหงา ด้านดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อยเช้านี่อยู่ที่ 93.16 จุด ในขณะที่เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องเช้านี้ทดสอบ 33.40 บาท/ดอลลาร์อีกครั้ง ในส่วนของ SPDR ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำมี Technical Rebound ขึ้นมา และเริ่มทดสอบแนวต้านแรกแถว 1,766 เหรียญ และวันนี้คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,740 – 1,770 เหรียญ สำหรับ Gold Online Futures และ Gold Comex คาดจะมีแนวรับ 1,745 เหรียญ และแนวต้าน 1,780 เหรียญ ขณะที่ทองคำไทยคาดว่าจะเปิดปรับขึ้นราว 150 – 200 บาท/บาททองค
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
เก็งกำไรในกรอบ หากรีบาวน์ไม่ผ่านแนะนำถือ Short เพื่อรอทำกำไรตามการอ่อนตัว
– นักลงทุนที่ถือ Long Position
เน้นบริหารพอร์ตสมดุลกับการแกว่ง ไม่แนะนำให้ถือครองเวลานี้
– นักลงทุนที่ถือ Short Position
แนะนำรอจังหวะรีบาวน์ไม่ผ่านแนวต้าน โดยรอซื้อปิดทำกำไรตามแนวรับและมี Stop Loss หากสูงกว่าแนวต้านเสมอ
Gold Futures 10V21 จะมีแนวรับที่ระดับ 27,850 บาท และแนวต้านที่ระดับ 28,150 บาท
ที่มา : gold.in.th ( 21 ก.ย. 64 )
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.