ราคาทองวันนี้ ข่าวทองคำ

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 25 ต.ค.64 by HGF, SCT, GT, GCAP, MTS, YLG

685

- Advertisement -

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

วันศุกร์ทองคำปรับขึ้นแรง เนื่องจากความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อ

สัปดาห์นี้ติดตามจีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐและยุโรป

แนวโน้มราคาทองคำคาดจะเคลื่อนไหว Sideways up

  • สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำ Spot ฟื้นตัวขึ้น ทองคำมีปัจจัยบวกจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินปอนด์หลังจากธนาคารกลางอังกฤษส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายส่วนรายงาน Beige Book สะท้อนให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจสหรัฐเติบโตชะลอตัวลงในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาโดยได้รับผลกระทบจากภาวะติดขัดด้านห่วงโซ่อุปทานราคาพลังงานสูงขึ้น ส่วนวันศุกร์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับขึ้นแรง เนื่องจากความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อ หลังประธานเฟดแถลงว่าเงินเฟ้อของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นจนถึงปีหน้าและเฟดจะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ในเร็วๆนี้ แต่จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ขายทองคำ2.03 ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
  • สัปดาห์นี้ติดตามจีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐและยุโรป อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐการประชุมธนาคารกลางยุโรปและการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าจีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐจะเติบโต 2.6% ชะลอตัวลงหลังจากที่ไตรมาส 2เติบโต 6.7% จีดีพีไตรมาส 3 ของยุโรปจะเติบโต 2.1% หลังจากที่ไตรมาส 2เติบโต 2.2% ส่วนการประชุมธนาคารกลางยุโรปติดตามว่าจะส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินหรือไม่
  • แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดจะเคลื่อนไหว Sideways upถ้าผ่านแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์ขึ้นไปได้ ทองคำจะมีแนวต้านถัดไป 1,813 ดอลลาร์และ1,833 ดอลลาร์ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,780 ดอลลาร์และแนวรับ1,770 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

- Advertisement -

Closechg.SupportResistance
1,792.28+9.681,780/1,7701,800/1,813

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
28,300+5028,050/27,90028,350/28,500

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,270-7028,200/28,07028,470/28,670

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำถือต่อไป (Let Profit Run) เพื่อขายทำกำไรบางส่วนที่ราคาทอง Spot1,800ดอลลาร์(GF28,470 บาท) การเปิดสถานะซื้อรอบใหม่รอให้ราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,780ดอลลาร์ (GF28,200 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,770 ดอลลาร์ (GF28,070 บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,787.40-2.501,783/1,7731,803/1,816

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำถือต่อไป (Let Profit Run) เพื่อขายทำกำไรบางส่วนที่ราคา GOZ211,803ดอลลาร์การเปิดสถานะซื้อรอบใหม่แนะนำเข้าซื้อที่ราคา GOZ211,783ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,773ดอลลาร์

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดจะแข็งค่าขึ้น ทั้งนี้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาเนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยหลังจากการเปิดเผยดัชนี PMI ภาคบริการเดือนต.ค.ของสหรัฐที่ขยายตัวดีเกินคาดโดยUSD Futures เดือนธ.ค.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน33.30-33.40บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลลาร์อ่อนค่านลท.ขายหลังข้อมูลศก.แกร่ง

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (22 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยหลังจากการเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐที่ขยายตัวในเดือนต.ค.   ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินลดลง 0.13% แตะที่ 93.6449 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดบวก $14.4 วิตกเงินเฟ้อหนุนแรงซื้อ

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (22 ต.ค.) โดยนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 14.4 ดอลลาร์หรือ 0.81% ปิดที่ระดับ 1,796.3 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 27.9 เซนต์หรือ 1.15% ปิดที่ 24.449 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดบวก 1.26 ดอลล์ภาวะอุปทานตึงตัวหนุนตลาด

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (22 ต.ค.) และปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกันโดยได้แรงหนุนจากภาวะปริมาณน้ำมันที่ตึงตัวอย่างต่อเนื่อง, การผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการเดินทาง, การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐที่ฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าและการคาดการณ์อุปสงค์พลังงานที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุดทั้งนี้สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.26 ดอลลาร์หรือ 1.5% ปิดที่ 83.76 ดอลลาร์/บาร์เรลและปรับตัวขึ้น 2.5% ในรอบสัปดาห์นี้สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 92 เซนต์หรือ 1.1% ปิดที่ 85.53 ดอลลาร์/บาร์เรลและปรับตัวขึ้น 0.8% ในรอบสัปดาห์นี้

ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดบวก 73.94 จุดสวนทางS&P500-Nasdaq ปิดลบ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (22 ต.ค.) และปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค. หลังจากที่การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนขณะที่ดัชนีS&P500 และดัชนีNasdaq ปิดลดลงโดยถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทสแนปและบริษัทอินเทลกรุ๊ปซึ่งกดดันหุ้นกลุ่มสื่อสารและกลุ่มเทคโนโลยีนอกจากนี้นักลงทุนได้เริ่มวิตกกังวลอีกครั้งหลังจากที่นายเจอโรมพาวเวลประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าเฟดได้หารือที่จะเริ่มปรับลดการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,677.02 จุดเพิ่มขึ้น 73.94 จุดหรือ +0.21%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,544.90 จุดลดลง 4.88 จุดหรือ -0.11% และดัชนีNasdaq ปิดที่ 15,090.20 จุดลดลง 125.50 หรือ -0.82%

เฟดชี้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวเหตุปัญหาห่วงโซ่อุปทาน-ขาดแคลนแรงงาน

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจใน12เขตของสหรัฐหรือBeige Book โดยระบุว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงตั้งแต่ช่วงกลางเดือนส.ค.จนถึงเดือนก.ย. เนื่องจากภาวะติดขัดของห่วงโซ่อุปทาน, ปัญหาขาดแคลนแรงงานและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เป็นมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19สายพันธ์เดลตา   “ในภาพรวมนั้นแนวโน้มในระยะใกล้ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงเป็นบวกแต่มีบางเขตที่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนมากขึ้น” รายงานBeige Book ระบุรายงานยังระบุด้วยว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงานขยายตัวเล็กน้อยจนถึงปานกลางในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาส่วนความต้องการแรงงานอยู่ในระดับที่สูงมากในขณะที่จำนวนแรงงานในตลาดยังคงอยู่ในระดับต่ำนอกจากนี้รายงานของเฟดยังระบุว่าเขตส่วนใหญ่ในสหรัฐเผชิญกับราคาสินค้าที่พุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอันเนื่องมาจากความต้องการสินค้าและวัตถุดิบที่สูงขึ้น

“ไบเดน” แสดงความกังวลกรณีจีนทดสอบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง

ประธานาธิบดีโจไบเดนแห่งสหรัฐได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงที่สามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ (Nuclear-Capable Hypersonic Missile) ของจีนหลังจากสื่อรายงานในช่วงสุดสัปดาห์ว่าจีนได้ทดสอบขีปนาวุธดังกล่าวเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์รายงานเมื่อวันเสาร์ว่ากองทัพจีนได้ยิงขีปนาวุธประเภทดังกล่าวซึ่งขีปนาวุธได้โคจรรอบโลกก่อนที่จะเร่งความเร็วไปยังเป้าหมายขณะที่จีนปฏิเสธรายงานดังกล่าวโดยระบุว่าเป็นการทดสอบตามปกติเพื่อตรวจสอบเทคโนโลยีในการนำยานอวกาศกลับมาใช้ใหม่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีความกังวลเกี่ยวกับขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงของจีนหรือไม่ปธน.ไบเดนตอบว่า “ผมรู้สึกกังวล”   ทางด้านเจนซากีโฆษกทำเนียบขาวแถลงต่อสื่อมวลชนว่า “ดิฉันจะไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานใดอย่างเจาะจงแต่ถ้าพูดโดยรวมแล้วเรามีความกังวล” พร้อมกับเปิดเผยว่าสหรัฐได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับขีดความสามารถทางทหารของจีนผ่านช่องทางการทูตสำนักข่าวเกียวโดรายงานว่าหน่วยงานโครงการวิจัยขั้นสูงด้านกลาโหมของสหรัฐเปิดเผยในเดือนก.ย.ว่าทางหน่วยงานได้ทำการทดสอบอาวุธความเร็วเหนือเสียงซึ่งมีความเร็วมากกว่าเสียงถึง5เท่าและถือเป็นความสำเร็จในการทดสอบอาวุธดังกล่าวเป็นครั้งแรกของสหรัฐนับตั้งแต่ปี2556

สหรัฐจับตาไวรัสโควิดสายพันธุ์ “เดลตาพลัส” เชื่อแพร่ระบาดได้เร็วขึ้น

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐกำลังจับตาอย่างใกล้ชิดกับไวรัสโควิด-19สายพันธุ์ “เดลตาพลัส” ซึ่งนักวิทยาศาสตร์บางรายระบุว่าอาจแพร่ระบาดได้มากกว่าไวรัสสายพันธุ์เดลตาเดิมที่สามารถแพร่กระจายได้ในระดับสูงอยู่แล้วไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาพลัสซึ่งเรียกอย่างเป็นทางการว่าAY.4.2นั้นเป็นการกลายพันธุ์ใหม่ของสไปค์โปรตีนA222V และY145H ฟรังซัวส์แบลูซ์ผู้อำนวยการสถาบันพันธุศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอนระบุว่าไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาพลัสอาจแพร่เชื้อได้มากกว่าสายพันธุ์เดลตาเดิมราว10-15%กระทรวงสาธารณสุขของอินเดียเปิดเผยในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาว่าไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาพลัสสามารถแพร่เชื้อได้มากกว่าสายพันธุ์เดลตาเดิมโดยเดลตาพลัสสามารถจับกับเซลล์ปอดได้อย่างแน่นหนามากกว่าและอาจลดประสิทธิภาพของการรักษาด้วยโมโนโคลนอลแอนติบอดีดร.โรเชลวาเลนสกีผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐเปิดเผยในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่าการกลายพันธุ์ดังกล่าวถูกตรวจพบในสหรัฐแต่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาพลัสเพิ่มขึ้นอย่างมากทั่วประเทศ

โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด

คำแนะนำ : ทองผันผวนหลังเฟดแถลง
สัปดาห์นี้ยังลุ้นไปต่อ จับตาตัวเลขเยอะ
 
แนวรับ 1788/ 1778 / 1760  แนวต้าน 1800|1810|1820
              Gold/silver           USD                       Baht        DOW (stock)
ระยะสั้น    SW UP/SW     SW  DOWN/SW    SW             SW 
ระยะกลาง  SW UP                 SW                     SW              SW UP
ระยะยาว BULLISH              Neutral            NEUTRAL         BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS  1775-1810
จุดเข้า BUY 1777-85
เป้าหมาย 1800-30
SL 1750รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1750-1835
จุดเข้า BUY 1750-80 เป้าหมาย 1830/ 1850
SL 1739   

บทวิเคราะห์ : เมื่อคืนวันศุกร์ราคาทองพุ่งไปถึง $1810 แต่โดนตบลงมาที่เดิมหลังเฟดแถลงว่าแผนการลด QE และขึ้นดอกเบี้ยกำลังจะเกิดขึ้นแล้วตามแผน ภาพรวมเป็นการต่อสู้กันระหว่างความกังวลเงินเฟ้อ vs ความกลัวเฟดจะลด QE เดือนหน้า แต่จากสถานะการณ์โดยรวมเราคาดว่าระยะยาวเฟดจะไม่มีทางคุมเงินเฟ้อได้อย่างที่คุย เพราะปัญหา SUPPLY CHAIN และผลจากโควิดเรื้อรัง มีมิติที่ซับซ้อนและเป็นปัญหาใหญ่ การที่เฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ยไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกต้อง ยังไงเงินเฟ้อคงต้องพุ่ง ซึ่งจะดีกับราคาทองในระยะกลางกับยาว จะเห็นได้ว่าราคาทองลงยากรอแค่แรงซื้อมา
สัปดาห์นี้ลุ้นกันต่อ ให้จับตาตัวเลขที่จะมีประกาศและข่าวต่างๆ คาดว่าราคาทองน่าจะพักเพื่อขึ้นต่อ จึงแนะทางซื้อเมื่อย่อตัว หรือเทรดสั้นๆไวๆเช่นเดิมไปก่อน หากราคายืน $1800 ได้หรือทะลุ $1810/1830 ทองจะเป็นขาขึ้นในระยะสั้นทันที แต่บาทก็อาจจะแข็งค่าสั้นๆได้เช่นกัน สรุปยังให้ถือฝั่ง BUY และ STOP ถ้าราคาปิดต่ำกว่า $1750

โดย : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

Fundamental

  • ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯพุ่งขึ้นเกือบแตะระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี
  • ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการในสหรัฐฯขยายตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน
  • CEO ทวิตเตอร์เตือนสหรัฐฯและทั่วโลกกำลังจะเข้าสู่ภาวะเงินเฟ้อร้ายแรง
  • เยลเลนประเมินสหรัฐฯจะคุมเงินเฟ้อให้กลับลงมาสู่ระดับปกติได้ภายในครึ่งหลังของปีหน้า
  • พาวเวลเผย Fed กำลังจะลด QE ลงเร็ว ๆ นี้ แต่จะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย

Technical

  • bearish divergence ใน RSI เตือนราคาไม่น่ายืนเหนือ 1,800 และอาจย่อลงมาหาเส้น MA
  • การขายอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ทำให้ช่วงราคา 1,800-1,815 กลายเป็นแนวต้านระยะสั้นที่แข็งแกร่ง ในขณะที่เส้น MA รองที่ระดับ 1,788 ก็ดูไม่น่าเอาอยู่ จึงคาดว่าราคาอาจตกลึกถึงเส้น MA หลักที่ 1,774
  • ทิศทางวันนี้ย่อได้อีก
  • จับจังหวะเล่นยังไง?เน้นขายก่อนค่อยซื้อคืน แต่ถ้ายืนเหนือ 1,800 ฝั่งชอร์ตควรยอมแพ้ ช่วงนี้ยังคงต้องเล่นสั้นให้จบภายในวัน

Attention

  • 28 ต.ค.จับตา ECB จะลด QE และเปรยแผนปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายตาม Fed หรือไม่
  • 28 ต.ค.  คาด GDP สหรัฐฯไตรมาส 3 โตชะลอลงมาก
  • หลายประเทศกำลังประสบปัญหาขาดแคลนพลังงาน ดันให้ราคาโภคภัณฑ์สำคัญที่เกี่ยวข้องขึ้นสูงต่อเนื่อง ทำให้เกิดความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้า

โดย : บริษัท จีแคป จำกัด

แนวโน้มราคาทองคำช่วงเช้า

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (22 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังจากการเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐที่ขยายตัวในเดือนต.ค.

มุมมองทองคำภาคเช้า  นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ในวันศุกร์ว่า เงินเฟ้อของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นจนถึงปีหน้า และเฟดจะเริ่มปรับลดการซื้อสินทรัพย์ในเร็ว ๆ นี้ แต่จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 

นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากการที่ไอเอชเอสมาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 59.2 ในเดือนต.ค. ลดลงจาก 60.7 ในเดือนก.ย. และทำสถิติต่ำสุดในรอบ 7 เดือน

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเฟดชิคาโก  ดัชนีภาคการผลิต เฟดสาขาดัลลัส  ดัชนีราคาบ้านในเขต 20 เมืองใหญ่  ดัชนีราคาบ้านหน่วยงาน FHFA  ยอดขายบ้านใหม่  ความเชื่อมั่นผู้บริโภค  ดัชนีภาคการผลิต เฟด สาขาริชมอนด์  คำสั่งซื้อสินค้าคงทน  ดุลการค้า  ดัชนีสินค้านำเข้า  ดัชนีสินค้าส่งออก  ดัชนีสินค้าคงคลังภาคค้าส่ง  GDP  จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน  ยอดขายบ้านที่รอปิดการขาย  ดัชนีภาคการผลิต เฟด สาขาแคนซัส  ดัชนีต้นทุนค่าจ้างแรงงาน  ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล  ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคล  ดัชนีจัดซื้อจัดจ้างเฟด ชิคาโก  ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.มิชิแกน เป็นต้น 

สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (22 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังจากการเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐที่ขยายตัวในเดือนต.ค. 

แนะแนวทางการลงทุน

แนวรับ 1,786-  1,780- 1,772

แนวต้าน  1,806–1,810– 1,815

ทองคำปิดบวก โดยนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ  หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธาน (เฟด) คาดการณ์ว่า เงินเฟ้อของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นจนถึงปีหน้า และเฟดจะเริ่มปรับลดการซื้อสินทรัพย์ในเร็ว ๆ นี้ แต่จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหนุนแรงซื้อทองคำ

โดย  : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นโดยในช่วงคืนวันศุกร์ปรับขึ้นไปทดสอบบริเวณ 1,810 เหรียญ ไปทำจุดสูงสุดบริเวณ 1,813 เหรียญ ก่อนที่จะมีแรงเทขายทำกำไรกลับเข้ามา ทำให้ราคาปิดบริเวณ 1,793 เหรียญ ซึ่งจะเห็นถึงความผันผวนหรือเคลื่อนไหวอยjางรุนแรงของราคาทองคำ หลังจากที่ราคาขึ้นทะลุ 1,800 เหรียญได้ โดยในวันศุกร์นายเจอโรม โพเวลล์แถลงถึงภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่แข็งแรงพอที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ก็ยังยืนยันว่าจะมีการทำ Tapering QE  ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์ออกมาผสมผสานกัน ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลังจากหลุด 94 จุดลงมา โดยมีบางช่วงที่แข็งแกร่งลงมา 93.20 จุด   เช้านี้อยู่ที่ 93.66 จุด ด้านกองทุน SPDR เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 978.07 ตัน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี เช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ 1.64%

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำระยะสั้นเริ่มเข้าสู่ทิศทางแนวโน้มขาขึ้น ขณะที่ระยะกลางและยาวกำลังทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,800 และ 1,810 เหรียญ แนะนำให้นักลงทุนปรับสภาพตลาดจากขาลงเป็นขาขึ้น หลังจากที่ราคาทองคำสามารถยืนเหนือระดับ 1,780 เหรีญญตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา วันนี้คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,785 เหรีญย แนวต้าน 1,810 เหรียญ ด้าน Gold Online Futures และ Comex Gold จะมีแนวรับ 1,787 เหรียญ และแนวต้าน 1,810 เหรียญ ในส่วนของทองคำไทยคาดว่าจะเปิดเท่าเดิ

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

รอจังหวะช้อนซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว และรอปิดทำกำไรเมื่อราคาทดสอบแนวต้าน ควรมี Stop Loss หากราคาต่ำกว่าแนวรับเสมอ

– นักลงทุนที่ถือ Long Position 

แนะนำแบ่งปิดสถานะทำกำไรบางส่วนเมื่อราคาทดสอบแนวต้าน และเข้าช้อนซื้อกลับอีกครั้งเมื่อราคาปรับตัวลง

– นักลงทุนที่ถือ Short Position

หาจังหวะลดสถานะเมื่อราคาปรับทดสอบแนวรับและเริ่มปรับกลยุทธ์มาสู่สถานะ Long

Gold Futures 10V21 จะมีแนวรับที่ระดับ 28,200 บาท และแนวต้านที่ระดับ 28,500  บาท

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

เสี่ยงเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงมาใกล้ 1,785-1,776 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,776 ดอลลาร์ต่อออนซ์) แต่หากรับความเสี่ยงได้ไม่มาก อาจเลือกซื้อขายทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัวของราคา

แนวรับ : 1,785 1,776 1,760  แนวต้าน : 1,808 1,819 1,833

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.68ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดบราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ  หลังจาก5-Year Breakeven Inflation Rate ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 5 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ Bloomberg เริ่มบันทึกข้อมูลในปี 2002 ประกอบกับดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงจากแรงขายทำกำไร หลังจากดอลลาร์แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีในสัปดาห์ก่อนหน้าขานรับการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)จะขึ้นเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือเงินเฟ้อนอกจากนี้สกุลเงินดอลลาร์ยังอ่อนค่าลงในช่วงปลายเดือนตุลาคมตามปัจจัยด้านฤดูกาลอีกด้วย  บวกรวมกับแรงซื้อทางเทคนิคหลังจากราคาผ่านแนวต้านสำคัญ  สถานการณ์ดังกล่าวหนุนราคาทองคำให้ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเดือนครึ่งบริเวณ  1,813.63ดอลลาร์ต่อออนซ์  อย่างไรก็ดี  ราคาทองคำอ่อนตัวลงในเวลาต่อมา  เนื่องจากดัชนีดอลลาร์ลดช่วงติดลบที่ทำมาในระหว่างวัน  หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เปิดเผยในวันศุกร์ว่าเฟดจะเริ่มกระบวนการปรับลดวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการ QE พร้อมเสริมว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่นายพาวเวลระบุว่าเฟดจะคุมเข้มนโยบายการเงินหากเห็นความเสี่ยงที่ร้ายแรงจากการคาดการณ์เงินเฟ้อที่สูงขึ้น  ปัจจัยดังกล่าวกระตุ้นแรงขายในตลาดทองคำจนกดดันให้ราคาทองคำร่วงลง 30 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากระดับสูงสุดในระหว่างวัน  ก่อนจะมีแรงซื้อหนุนให้ทองคำฟื้นตัวขึ้นในช่วงปลายตลาด  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ไม่มีกำหนดการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ

ปัจจัยทางเทคนิค :

วันก่อนหน้าราคาแกว่งตัวผันผวน โดยปรับตัวขึ้นแรงแต่ก็มีแรงทำกำไรกดดันจนราคาดิ่งตัวลง อย่างไรก็ตามราคาไม่มีการสร้างระดับต่ำสุดใหม่จากวันก่อนหน้า ราคาอาจพยายามทรงตัวเพื่อสร้างฐานราคาและสะสมแรงซื้ออีกครั้ง หากสามารถยืนเหนือ 1,785-1,776 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มีโอกาสที่จะดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านโซน1,808-1,819 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

แนะนำเข้าซื้อหากราคาอ่อนตัวลงไม่หลุดบริเวณแนวรับ  1,785-1,776 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าราคาย่อตัวลงมาต่ำกว่าแนวรับโซน 1,776 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ชะลอดูทิศทางสำหรับการทำกำไรให้แบ่งขายหากราคาทองคำดีดตัวขึ้นไม่ผ่านโซน 1,785-1,776 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ดอลลาร์อ่อนค่า นลท.ขายหลังข้อมูลศก.แกร่งดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังจากการเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐที่ขยายตัวในเดือนต.ค.  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.13% แตะที่ 93.6449 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.43 เยน จากระดับ 113.94 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9162 ฟรังก์ จากระดับ 0.9184 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2366 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2378 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1636 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1624 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3755 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3784 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียทรงตัวที่ระดับ 0.7465 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (+) สหรัฐจับตาไวรัสโควิดสายพันธุ์ “เดลตา พลัส” เชื่อแพร่ระบาดได้เร็วขึ้นสำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐกำลังจับตาอย่างใกล้ชิดกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ “เดลตา พลัส” ซึ่งนักวิทยาศาสตร์บางรายระบุว่า อาจแพร่ระบาดได้มากกว่าไวรัสสายพันธุ์เดลตาเดิมที่สามารถแพร่กระจายได้ในระดับสูงอยู่แล้ว  ไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตา พลัส ซึ่งเรียกอย่างเป็นทางการว่า AY.4.2 นั้น เป็นการกลายพันธุ์ใหม่ของสไปค์โปรตีน A222V และ Y145H  ฟรังซัวส์ แบลูซ์ ผู้อำนวยการสถาบันพันธุศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอนระบุว่า ไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตา พลัส อาจแพร่เชื้อได้มากกว่าสายพันธุ์เดลตาเดิมราว 10-15%
  • (+) จีนออกโรงประณามหลังสหรัฐแสดงความมุ่งมั่นปกป้องไต้หวันจีนประณามการแสดงความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีไบเดนแห่งสหรัฐที่จะปกป้องไต้หวัน หากจีนโจมตีไต้หวันซึ่งเป็นประเทศประชาธิปไตยและปกครองตนเอง  นายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่กรุงปักกิ่งในวันนี้ว่า “ไม่ควรมีใครประมาณการต่ำเกินไปถึงความตั้งใจอย่างแรงกล้าของประชาชนจีน, เจตจำนงที่แน่วแน่ และความสามารถอันแข็งแกร่งที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน” นายหวังระบุเสริมว่า สหรัฐควรละเว้นจากการส่งสัญญานที่ผิดใด ๆ ให้กับกองกำลังแบ่งแยกดินแดนของไต้หวัน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงสันติภาพและเสถียรภาพบริเวณช่องแคบไต้หวัน”
  • (-) ดัชนี PMI รวมผลิต-บริการสหรัฐขยายตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของสหรัฐ อยู่ที่ 57.3 ในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 55.0 ในเดือนก.ย. และยังทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 เดือน
  • (+/-) “พาวเวล” เผยถึงเวลาแล้วที่เฟดจะลดซื้อบอนด์ แต่ยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยในวันศุกร์ (22 ต.ค.) ว่า เฟดจะเริ่มกระบวนการลดการสนับสนุนเศรษฐกิจด้วยการปรับลดการซื้อสินทรัพย์ แต่จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย  นายพาวเวลกล่าวในการประชุมออนไลน์ของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศเมื่อวันศุกร์ว่า “ผมคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่เฟดจะลดการซื้อสินทรัพย์ แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย” โดยเขาระบุว่า สหรัฐยังคงมีการจ้างงานน้อยกว่าช่วงก่อนเกิดโรคโควิด-19 ระบาดอยู่ราว 5 ล้านตำแหน่ง  นอกจากนี้ นายพาวเวลยังกล่าวย้ำถึงมุมมองของเขาที่ว่า เงินเฟ้อที่ระดับสูงนั้นอาจจะสิ้นสุดลงในปีหน้า เนื่องจากแรงกดดันจากโรคระบาดหมดไป
  • (+/-) ดาวโจนส์ปิดบวก 73.94 จุด สวนทาง S&P500-Nasdaq ปิดลบดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ต.ค.) และปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค. หลังจากที่การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน ขณะที่ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทสแนป และบริษัทอินเทล กรุ๊ป ซึ่งกดดันหุ้นกลุ่มสื่อสาร และกลุ่มเทคโนโลยี นอกจากนี้ นักลงทุนได้เริ่มวิตกกังวลอีกครั้ง หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เฟดได้หารือที่จะเริ่มปรับลดการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,677.02 จุด เพิ่มขึ้น 73.94 จุด หรือ +0.21%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,544.90 จุด ลดลง 4.88 จุด หรือ -0.11% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,090.20 จุด ลดลง 125.50 หรือ -0.82%
  • (+/-) ซีอีโอทวิตเตอร์เผย “ภาวะเงินเฟ้อรุนแรง” จ่อเกิดขึ้นในสหรัฐและทั่วโลกนายแจ็ค ดอร์ซีย์ ผู้ร่วมก่อตั้งทวิตเตอร์ เปิดเผยว่า ภาวะเงินเฟ้อทวีความรุนแรงขึ้นในสหรัฐ พร้อมกล่าวว่าสถานการณ์มีแนวโน้มจะย่ำแย่ลงไปอีก  นายดอร์ซีย์ทวีตข้อความว่า “ภาวะเงินเฟ้อรุนแรงจะเปลี่ยนทุกอย่าง” และ “มันกำลังเกิดขึ้น” พร้อมระบุว่าแนวโน้มดังกล่าวจะเกิดขึ้นในสหรัฐเร็ว ๆ นี้ ก่อนที่จะขยายตัวไปยังประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก 

ที่มา : gold.in.th ( 25 ต.ค. 64 )

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.