ราคาทองวันนี้ ข่าวทองคำ

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 9 พ.ย.64 by GT, SCT, HGF, CAF, MTS, YLG, GCAP

710

- Advertisement -

โดย : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

Fundamental

  • วุฒิสภาสหรัฐฯกำลังพิจารณาร่างงบประมาณอัดฉีดช่วยเหลือเศรษฐกิจมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ที่เพิ่งผ่านสภาผู้แทนราษฎรมาเมื่อคืนวันศุกร์
  • ประธานFed สาขาเซนต์หลุยส์คาดปีหน้า FOMC จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้ง
  • ตลาดคาดไบเดนจะเสนอชื่อประธาน Fedคนปัจจุบัน ให้ดำรงตำแหน่งต่ออีก 1 สมัย
  • ซาอุดิอรามโคขึ้นราคาขายน้ำมันดิบในส่วนของลูกค้าฝั่งเอเชียที่จะส่งมอบในเดือน ธ.ค.

Technical

  • การขึ้นชะลอลง RSI เตรียมหล่นจากระดับ overbought ยังคงคาดว่าการย่อตัวจะไม่หลุด 1,800
  • RSI ทำbearish divergence ซ้อนกัน เตือนว่าย.ไม่ควรเสี่ยงอยู่ฝั่งซื้อ มองแนวรับหลัก1,800-1,805แต่อาจย่อน้อยกว่าคาด
  • ทิศทางวันนี้ย่อลงปรับฐาน
  • จับจังหวะเล่นยังไง?รอแบ่งไม้ซื้อเมื่อย่อลงมาใกล้ 1,812 หรือต่ำกว่า

Attention

- Advertisement -

หลายประเทศกำลังประสบปัญหาขาดแคลนพลังงาน ดันให้ราคาโภคภัณฑ์สำคัญที่เกี่ยวข้องขึ้นสูงต่อเนื่อง ทำให้เกิดความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้า

โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด

คำแนะนำ : ทองรีบาวด์แต่บาทแข็ง คืนนี้มีแถลง ธ.กลางใหญ่ๆ ระวังผันผวน
     
แนวรับ 1808/ 1800 / 1793  แนวต้าน 1825|1830|1835
              Gold/silver           USD                       Baht        DOW (stock)
ระยะสั้น    SW                      SW/  SW DOWN   SW                SW 
ระยะกลาง  SW UP/SW          SW                     SW               SW UP
ระยะยาว BULLISH              Neutral              WEAK          BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS 1800-33
จุดเข้า BUY 1800-10
เป้าหมาย 1825-35
SL 1790รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1750-1835
จุดเข้า BUY 1770-95 เป้าหมาย 1830/ 1850
SL 1760   

บทวิเคราะห์ : คืนวันจันทร์เฟดแถลงสั้นๆไม่อะไร นักลงทุนสนใจคืนนี้ดึกๆจะมี ธ.กลางใหญ่ๆของโลกมาแถลงมุมมอง และรอดูตัวเลขดัชนีสินค้าสหรัฐฯ ภาพรวมทองรีบาวด์ต่อแต่บาทแข็งมาก ทำราคาทองไทยซึมลง ราคาทองโลกในวันนี้อาจจะโดนทดสอบในการพักตัวลงมา เว้นแต่ราคาประคองตัวเหนือ $1820 ได้ทั้งวันจึงให้มุมมองเป็นบวก วันพรุ่งนี้ก็เป็นอีกวันที่นักลงทุนรอดัชนีเงินเฟ้อสหรัฐฯที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นด้วย คาดว่าราคาในสัปดาห์น่าจะผันผวนทั้งลงและเด้ง
กลยุทธ์ : แนะกลับมาเล่นสั้นดีกว่า หรือขึ้นขายลง หรือย่อซื้อขึ้นขายสั้นๆ โดยทองจะเป็นขาขึ้นต้องห้ามหลุด $1800 และ $1790 ส่วนค่าเงินบาทก็ผันผวนเช่นกันเพราะค่าเงินและ BOND YIELD สหรัฐฯ ลดลงเร็วนั่นเอง พรุ่งนี้มีประชุม กนง.น่าคงดอกเบี้ย 0.5%เท่าเดิม เพื่อหนุนการเปิดประเทศ

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

ทองคำขึ้นต่อเนื่อง ดอลลาร์อ่อน เฟดไม่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย

คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนต.ค.

ทองคำคาดจะปรับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,833 ดอลลาร์ได้

  • ราคาทองคำ Spot เมื่อวานปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ และประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดยังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งธนาคารกลางอื่นๆยังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วย โดยการประชุมธนาคารกลางอังกฤษในสัปดาห์ก่อนมีมติอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ และประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB)ส่งสัญญาณว่า ECB ไม่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้า เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ถือครองทองคำเท่าเดิมเมื่อวานหลังจากขายทองคำ 6.73 ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
  • คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนต.ค.ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 8.6% เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 8.6% เมื่อเทียบรายปีสะท้อนให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อสหรัฐยังอยู่ในระดับที่สูง แต่ในช่วงนี้นักลงทุนคาดว่าเฟดยังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
  • แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดจะปรับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,833 ดอลลาร์ได้ ระยะสั้นอาจมีแรงเทขายทำกำไรบ้าง ทองคำมีแนวรับอยู่ที่1,810 ดอลลาร์และ1,800ดอลลาร์และมีแนวต้านสำคัญที่1,833 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,823.60+6.91,810/1,8001,826/1,833

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
28,400-10028,200/28,00028,400/28,500

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,570+4028,330/28,17028,530/28,640

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำถือต่อไป (Let Profit Run) เพื่อขายทำกำไรที่ราคาทอง Spot1,833ดอลลาร์ (GF 28,640บาท)การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,810ดอลลาร์ (GF 28,330บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,800 ดอลลาร์ (GF28,170 บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,827.20+11.601,812/1,8021,828/1,835

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำถือต่อไป (Let Profit Run) เพื่อขายทำกำไรที่ราคาGOZ211,835ดอลลาร์การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำแนะนำเมื่อราคาGOZ21ปรับลงมาที่ 1,812ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,802ดอลลาร์

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดจะแข็งค่าขึ้น หลังจากหลุดแนวรับ 33บาท/ดอลลาร์ทั้งนี้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆเนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดอลลาร์ดีดตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (5พ.ย.) ขานรับตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐโดยUSD Futures เดือนธ.ค.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 32.80 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน33บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลลาร์อ่อนค่านลท.ขายทำกำไรหลังพุ่งทำนิวไฮ

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (8 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดอลลาร์ดีดตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือนเมื่อวันศุกร์ขานรับตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินลดลง 0.29% แตะที่ 94.0503 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดบวก $11.2 รับดอลล์อ่อน-ธนาคารกลางไม่เร่งขึ้นดบ.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (8 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และจากการที่ธนาคารกลางหลายแห่งซึ่งรวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 11.2 ดอลลาร์หรือ 0.62% ปิดที่ 1,828 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 38.5 เซนต์หรือ 1.59% ปิดที่ 24.542 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดบวก 66 เซนต์ขานรับมาตรการกระตุ้นศก.สหรัฐ

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (8 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยบวกจากการที่สภาคองเกรสสหรัฐผ่านร่างกฎหมายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันในประเทศสัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 66 เซนต์หรือ 0.8% ปิดที่ 81.93 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย.    สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 69 เซนต์หรือ 0.8% ปิดที่ 83.43 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย.

ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดบวก 104.27 จุดรับคองเกรสไฟเขียวมาตรการกระตุ้นศก.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (8 พ.ย.) ขณะที่ดัชนีS&P500 ทำสถิติปิดที่เหนือระดับ 4,700 จุดเป็นครั้งแรกขานรับสภาคองเกรสสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน  1 ล้านล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นมาตรการที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐให้แข็งแกร่งขึ้นโดยข่าวดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มวัสดุดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,432.22 จุดเพิ่มขึ้น 104.27 จุดหรือ +0.29%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,701.70 จุดเพิ่มขึ้น 4.17 จุดหรือ +0.09% และดัชนีNasdaqปิดที่ 15,982.36 จุดเพิ่มขึ้น 10.77 จุดหรือ +0.07%

กรรมการไฟเซอร์คาดโควิดอาจยุติการระบาดในสหรัฐเดือนม.ค.ปีหน้า

นายแพทย์สก็อตต์ก็อตลิบกรรมการของบริษัทไฟเซอร์อิงค์กล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการ “Squawk Box” ของสถานีโทรทัศน์CNBC ว่าการระบาดของโรคโควิด-19ในสหรัฐอาจสิ้นสุดลงในเดือนม.ค.ปีหน้าซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คำสั่งของประธานาธิบดีโจไบเดนที่สั่งให้พนักงานบริษัทเอกชนต้องฉีดวัคซีนมีผลบังคับใช้ทั้งนี้ข้อกำหนดด้านวัคซีนจากคณะกรรมการบริหารงานอาชีวอนามัยและความปลอดภัยสหรัฐ (OSHA) จะเริ่มต้นขึ้นวันที่4ม.ค.สำหรับบริษัทที่มีพนักงานอย่างน้อย100คนโดยพนักงานบริษัทเอกชนประมาณ84ล้านคนต้องฉีดวัคซีนเข็มที่2ของบริษัทโมเดอร์นาหรือไฟเซอร์หรือวัคซีนเข็มเดียวจากจากบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันภายในวันดังกล่าวมิฉะนั้นพนักงานเหล่านี้จะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19อย่างสม่ำเสมอนายแพทย์กอตต์ลีบซึ่งเคยดำรงตำแหน่งกรรมการขององค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ระบุว่า “คำสั่งซึ่งจะบังคับใช้ในวันที่4ม.ค.นี้จะทำให้การระบาดสิ้นสุดลงอย่างน้อยก็ในสหรัฐหลังจากที่เราผ่านการระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตามาได้โรคโควิด-19จะกลายเป็นเพียงโรคประจำถิ่น”   นอกจากนี้ทุกบริษัทที่ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ใหม่ของOSHA ยังต้องกำหนดให้พนักงานที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนสวมหน้ากากอนามัยภายในอาคารโดยเริ่มตั้งแต่วันที่5ธ.ค. และบุคคลเหล่านี้ต้องเริ่มแสดงหลักฐานผลตรวจโควิด-19เป็นลบรายสัปดาห์หลังวันที่4ม.ค.เพื่อเข้าสำนักงานและผู้ที่มีผลการตรวจเป็นบวกจะต้องกักตัว

ผู้ผลิตชิประดับโลกเร่งให้ข้อมูลสหรัฐหวังช่วยแก้ปัญหาชิปขาดแคลน

ผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่ในหลายประเทศได้สมัครใจส่งข้อมูลห่วงโซ่อุปทานให้กับรัฐบาลสหรัฐเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาชิปขาดแคลนทั่วโลกแม้จะมีผู้ผลิตบางแห่งขอปฏิเสธให้ความร่วมมือเนื่องจากมองว่าข้อมูลดังกล่าวมีความอ่อนไหวโฆษกของไต้หวันเซมิคอนดัคเตอร์แมนูแฟคเจอริงโค (TSMC) เปิดเผยว่าทางบริษัทได้ส่งข้อมูลให้กับทางการสหรัฐเรียบร้อยแล้วโดยย้ำว่าไม่มีการให้ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าขณะที่บริษัทอื่นๆอาทิไมครอนเทคโนโลยี, เวสเทิร์นดิจิทัลและยูไนเต็ดไมโครอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ส่งข้อมูลดังกล่าวแล้วเช่นเดียวกันซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดการส่งข้อมูลในวันจันทร์ (8พ.ย.) ตามเวลาสหรัฐกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่าบริษัทเทคโนโลยีในเกาหลีใต้เตรียมที่จะส่งข้อมูลดังกล่าวด้วยเช่นกันซึ่งทั้งหมดจะเป็นไปตามความสมัครใจโดยบริษัทหลายแห่งได้หารือกับสหรัฐในประเด็นเกี่ยวกับข้อมูลที่ทางสหรัฐต้องการทราบอย่างไรก็ตามแหล่งข่าวระบุว่าบริษัทต่างๆอาจให้ความร่วมมือได้เพียงบางส่วนเท่านั้น

ญี่ปุ่นปรับลดการประเมินศก.ครั้งแรกในรอบกว่า2ปีระบุศก.อ่อนแอลง

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่ารัฐบาลญี่ปุ่นปรับลดการประเมินเศรษฐกิจของประเทศในวันนี้โดยระบุว่าเศรษฐกิจเดือนก.ย.อ่อนแอลงซึ่งเป็นการปรับลดการประเมินครั้งแรกในรอบ2ปีสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่าดัชนีพ้องเศรษฐกิจ (Coincident Index) ซึ่งสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันของญี่ปุ่นลดลง3.8จุดจากเดือนส.ค. สู่ระดับ87.5ในเดือนก.ย. เทียบกับฐานปี2558ที่ระดับ100ส่วนดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ (Leading Economic Indicator) ซึ่งคาดการณ์แนวโน้มในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าลดลง1.6จุดสู่ระดับ99.7ในเดือนก.ย.

โดย : บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน คลาสสิก ออสสิริส จำกัด (CAF)

Reasons  ปัจจัยกระทบทองคำ

-ราคาทองคำมีโอกาสย่อตัว เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจมีโอกาสขยายตัว จากภาคการท่องเที่ยว เพราะสหรัฐฯเตรียมยกเลิกคำสั่งห้ามชาวต่างชาติจากกว่า 30 ประเทศเดินทางเข้าสหรัฐฯ ปัจจัยดังกล่าวส่งให้ดอลลาร์แข็งค่า

+ ลุ้นดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐฯ มีโอกาสขยายตัว แสดงถึงอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น  จึงทำให้ราคาทองคำขึ้นตาม

Day Trade

GOZ21  Open Long 1,810-1,812เป้า 1,822-1,830 จุด Stop  สิ้นวัน 1,805

GF10Z21 Open Long 28,400 เป้า 28,600-28,750 จุด Stop สิ้นวัน 28,230

Trend Trade ใช้ราคาปิดสิ้นวัน

GOZ21 Hold Long จุด Stop 1,778

GF10Z21 Hold Long จุด Stop 28,230

โดย  : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องอย่างช้าๆ ท่ามกลางความกังวลเงินเฟ้อที่ยังมีอยู่ ขณะทีเฟดยังคงดอกเบี้ยระดับต่ำ ด้านดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าแต่ยืนได้เหนือ 94 จุด โดยล่าสุดอยู่แถว 94.02 จุดในเช้าวันนี้ ทางด้านเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่องหลุดระดับ 32 บาท/ดอลลาร์ลงมา อยู่ที่ 32.87 บาท/ดอลลาร์ในเช้านี้ ด้าน SPDR ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติมยังถือครองทองคำที่ 975.41 ตัน สำหรับคืนนี้จะมีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ PPI และ Core PPI คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด จะกล่าวถ้อยแถลงตอน 21.00น.

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค 

ราคาทองคำยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องและขึ้นมายืนเหนือระดับเส้นค่าเฉลี่ยโดยทั่วไป ภาพรวมยังเป็นการเคลื่อนตัวในแนวโน้มทิศทางขาขึ้น ยังย้ำให้นักลงทุนปิดสถานะ Short และเก็งกำไรในแนวโน้มทิศทางขาขึ้น วันนี้คาดว่าราคาจะเคลื่อนตัวในกรอบแนวรับ 1,810 เหรียญ และแนวต้าน 1,850 เหรียญ สำหรับ Gold Comex และ Gold Online Futures คาดว่าจะมีแนวรับ 1,813เหรียญ และแนวต้าน 1,850 เหรียญ ในส่วนของราคาทองคำไทยคาดว่าจะปรับตัวลดลงประมาณ 50 บาท/บาททองคำในเช้านี้

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ 

แนะนำเก็งกำไรขาขึ้นในกรอบ และมี Stop Loss เสมอหากต่ำกว่า 1,805 – 1,800 เหรียญ

– นักลงทุนที่ถือ Long Position  
แนะนำลงซื้อขึ้นขายในกรอบ หากต่ำกว่าแนวรับ 1,805 เหรียญ ให้ทำ Stop Loss

– นักลงทุนที่ถือ Short Position

แนะนำบริหารพอร์ต ลดการถือครองสถานะในเวลานี้ เพื่อปรับกลยุทธ์มาเล่นสั้นทำกำไรตามแนวโน้มขาขึ้นเวลานี้


Gold Futures 10Z21 จะมีแนวรับที่ระดับ 28,470 บาท และแนวต้านที่ระดับ 28,850  บาท

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

หากราคาทองคำสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,809-1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง สามารถรอขายทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้าน 1,831-1,833 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าฝ่าไปได้ไม่ได้อาจมีแรงขายที่เพิ่มขึ้น

แนวรับ : 1,803 1,785 1,770  แนวต้าน : 1,833 1,845 1,854

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น  6.90ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์  ทั้งนี้  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งอ่อนค่าลง 0.19% แตะที่ 94.059 เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดอลลาร์ดีดตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือนเมื่อวันศุกร์ขานรับตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ  นอกจากนี้ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโร  ขานรับการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนในยูโรโซนจากสถาบันวิจัย Sentixของเยอรมนีในเดือนพ.ย. ที่ดีดตัวขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 18.3  นอกจากนี้  นักลงทุนบางส่วนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ  ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกยังคงไม่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้ออีกด้วย  ปัจจัยดังกล่าวหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,826.26 ดอลลาร์ต่อออนซ์ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน  แม้ว่าราคาทองคำจะเผชิญกับแรงกดดันต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นอัตราผลตอบแทนผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับ 1.5037%, การทะยานขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลนำโดยBitcoin ที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 67,700 ดอลลาร์ และอีเธอร์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับ2ตามมูลค่าตลาดพุ่งขึ้นแตะ 4,800ดอลลาร์ รวมถึงถ้อยแถลงในเชิง Hawkish ของนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ที่ระบุว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีหน้า  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้จับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด และนางแมรี ดาลี ประธานเฟดซานฟรานซิสโก

ปัจจัยทางเทคนิค :

ราคาทองคำพยายามทดสอบแนวต้านในโซน  1,831-1,833 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ระดับสูงสุดของเดือน  ก.ค.,ส.ค.,ก.ย.) แสดงถึงแรงเข้าซื้อในระยะสั้น แต่หากยืนไม่ได้ทำให้ประเมินว่าในระยะสั้น ราคาอาจมีโอกาสปรับตัวลงไปทดสอบ แนวรับโซน1,809-1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แนวรับถัดไปนั้นอยู่ในบริเวณ 1,785 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

เน้นการลงทุนระยะสั้นโดยเปิดสถานะซื้อหากราคาอ่อนตัวลงมาในโซน 1,809-1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมลดการลงทุนหากราคาหลุด 1,785 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้อาจพิจารณาแบ่งทองคำออกขายทำกำไรหากราคาทองคำไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,831-1,833 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ดอลลาร์อ่อนค่า นลท.ขายทำกำไรหลังพุ่งทำนิวไฮดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดอลลาร์ดีดตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือนเมื่อวันศุกร์ ขานรับตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.29% แตะที่ 94.0503 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.22 เยน จากระดับ 113.40 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2444 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2457 ดอลลาร์แคนาดา อย่างไรก็ดี ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9132 ฟรังก์ จากระดับ 0.9126 ฟรังก์  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1588 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1549 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3555 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3480 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7425 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7393 ดอลลาร์
  • (+) จีนสร้างเรือจำลองเลียนแบบเรือรบสหรัฐฯ เป็นเป้าหมายซ้อมโจมตีทางทะเล ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นว่า กองทัพจีนได้สร้างเรือจำลองที่เลียนแบบเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ และเรือรบของกองทัพเรืออเมริกัน ซึ่งคาดว่าถูกนำมาใช้เป็นเป้าหมายในการซ้อมโจมตีทางทะเล  ภาพถ่ายดาวเทียมจาก Maxar ที่เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ แสดงให้เห็นสิ่งก่อสร้างซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ และเรือพิฆาตชั้น Arleigh Burke แบบติดตั้งขีปนาวุธนำวิถีอีกอย่างน้อยสองลำ ที่ทะเลทรายทากลามากัน ในมณฑลซินเจียง  ภาพถ่ายดาวเทียมยังแสดงให้เห็นรางรถไฟขนาดความกว้าง 6 เมตร ซึ่งมีเป้าหมายรูปร่างคล้ายเรือรบติดตั้งอยู่ ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าอาจถูกจำลองให้คล้ายกับเรือที่กำลังแล่นอยู่กลางทะเลอีกด้วย  ทางด้านสถาบันกองทัพเรือสหรัฐฯ (U.S. Naval Institute) รายงานอ้างข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลข่าวกรองเชิงภูมิศาตร์ All Source Analysis ที่ระบุว่า เป้าหมายเหล่านั้นถูกใช้ในการทดสอบยิงขีปนาวุธวิถีโค้ง  เรือรบจำลองเหล่านี้ยังแสดงให้เห็นถึงความพยายามของจีนในการเสริมศักยภาพทางการทหารเพื่อต่อต้านเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างกรุงปักกิ่งกับกรุงวอชิงตัน ในประเด็นที่เกี่ยวกับไต้หวันและทะเลจีนใต้
  • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 104.27 จุด รับคองเกรสไฟเขียวมาตรการกระตุ้นศก.ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ทำสถิติปิดที่เหนือระดับ 4,700 จุดเป็นครั้งแรก ขานรับสภาคองเกรสสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรการที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐให้แข็งแกร่งขึ้น โดยข่าวดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มวัสดุ  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,432.22 จุด เพิ่มขึ้น 104.27 จุด หรือ +0.29%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,701.70 จุด เพิ่มขึ้น 4.17 จุด หรือ +0.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,982.36 จุด เพิ่มขึ้น 10.77 จุด หรือ +0.07%
  • (-) ประธานเฟดเซนต์หลุยส์คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 2ครั้งในปีหน้านายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2565 หลังจากที่เฟดยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยสิ้นเชิงในช่วงกลางปีดังกล่าว  นอกจากนี้ นายบูลลาร์ดยังระบุว่า เฟดอาจเร่งการปรับลด QE และยุติโครงการ QE โดยสิ้นเชิงภายในไตรมาสแรกของปี 2565 หากมีความจำเป็น
  • (-) มาร์เก็ตแคปสกุลเงินดิจิทัลพุ่งทะลุ 3 ล้านล้านดอลล์ รับกระแสคริปโตบูม ข้อมูลจาก CoinGeckoระบุว่า สกุลเงินดิจิทัลมีมูลค่าตลาดพุ่งขึ้นสู่ระดับ 3.007 ล้านล้านดอลลาร์ในวันนี้ โดยทำสถิติมากกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ขณะที่สกุลเงินคริปโตได้รับความสนใจมากขึ้นจากนักลงทุนสถาบัน  ทั้งนี้ CoinGeckoเป็นแหล่งข้อมูลสกุลเงินดิจิทัลใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีการรวบรวมข้อมูลสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 10,000 สกุลทั่วโลก  “สกุลเงินคริปโตกำลังได้รับการยอมรับเข้าสู่ระบบการเงินแบบดั้งเดิม ขณะที่นักลงทุนทุกคนต่างก็จะเข้าร่วมลงทุน” นายไอเปค ออสคาร์เดสกายา นักวิเคราะห์จาก SwissQuoteกล่าว  นอกจากนี้ สกุลเงินคริปโตยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมองว่าสกุลเงินดังกล่าวถือเป็นสินทรัพย์ประกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
  • (-) แบงก์ใหญ่วอลล์สตรีทแห่จ้างผู้เชี่ยวชาญรองรับกระแสคริปโตบูมRevelioซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลในตลาดการเงิน เปิดเผยว่า ธนาคารขนาดใหญ่ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทกำลังทำการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านสกุลเงินดิจิทัลจำนวนมากเพื่อรองรับกระแสความสนใจในธุรกิจดังกล่าว  Revelioเปิดเผยว่า โกลด์แมน แซคส์ได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญสกุลเงินคริปโตจำนวน 82 ตำแหน่ง, เวลล์ ฟาร์โกว่าจ้าง 74 ตำแหน่ง, ฟิเดลิตี้ 68 ตำแหน่ง และเจพี มอร์แกน 63 ตำแหน่ง

โดย : บริษัท จีแคป จำกัด

แนวโน้มราคาทองคำช่วงเช้า

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง หลังจากที่นักลงทุนปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานเดือนต.ค.ที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 4.6% โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.7% จากระดับ 4.8% ในเดือนก.ย. 

มุมมองทองคำภาคเช้า  ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1,800 ดอลลาร์/ออนซ์ในวันศุกร์ และปิดตลาดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนก.ย. โดยได้แรงหนุน จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 531,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 450,000 ตำแหน่ง จากระดับ 312,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.  ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 4.6% โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.7% จากระดับ 4.8% ในเดือนก.ย. 

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐ ร่วงลงสู่ระดับ 1.458% ในวันศุกร์ จากระดับ 1.524% ในวันพฤหัสบดี ซึ่งการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย  นอกจากนี้ ความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อได้ช่วยหนุนสัญญาทองคำด้วย

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจในรอบสีปดาห์ ได้แก่  ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็ก  ดัชนีราคาผู้ผลิต  ดัชนีราคาผู้บริโภคจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน  สินค้าคงคลังภาคค้าส่ง  ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม  ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.มิชิแกน  ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTs  เป็นต้น

สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 พ.ย.) หลังจากที่นักลงทุนปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานเดือนต.ค.ที่แข็งแกร่งของสหรัฐ 

ดอลาร์อ่อนค่าลง หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 531,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 450,000 ตำแหน่ง จากระดับ 312,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.  ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 4.6% โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.7% จากระดับ 4.8% ในเดือนก.ย.  ดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย ขณะที่นักลงทุนมีความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น และราคาหุ้นทะยานขึ้น 

แนะแนวทางการลงทุน

แนวรับ 1,801-  1,795- 1,789

แนวต้าน  1,826–1,832– 1,840

ราคาทองคำดีดตัวขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ร่วงลงจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ นักลงทุนยังขานรับผลการประชุมเฟดครั้งล่าสุดซึ่งระบุว่า เฟดจะทยอยปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ แต่ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้  เก็งกำไรขาขึ้น

ที่มา : gold.in.th ( 9 พ.ย. 64 )

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.