ราคาทองวันนี้ ข่าวทองคำ

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 10 พ.ย.64 by HGF, GT, SCT, YLG, CAF, GCAP , TDC

766

- Advertisement -

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

ทองคำปรับขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4แตะ1,833 ดอลลาร์

คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนต.ค.

ทองคำคาดจะเริ่มมีแรงเทขายทำกำไร

  • ราคาทองคำ Spot เมื่อวานปรับขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4โดยปรับขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญ1,833 ดอลลาร์และทำจุดสูงสุดในรอบกว่า2 เดือน โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีลดลงสู่ระดับ 1.434%นอกจากนี้ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ป้องกันเงินเฟ้อได้ โดยสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 8.6% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในเดือนพ.ย.2553ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ถือครองทองคำเท่าเดิมเมื่อวานติดต่อกันเป็นวันที่ 2
  • คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนต.ค.ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น5.8% เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น5.4% เมื่อเทียบรายปีสะท้อนให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อสหรัฐยังอยู่ในระดับที่สูง แต่ในช่วงนี้นักลงทุนคาดว่าเฟดยังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทำให้คาดจะไม่ได้ส่งผลลบต่อราคาทองคำ
  • หลังจากที่ราคาทองคำ Spotปรับขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญ1,833 ดอลลาร์แต่ยังไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้คาดจะเริ่มมีแรงเทขายทำกำไร ทองคำมีแนวรับอยู่ที่1,810 ดอลลาร์และ 1,800 ดอลลาร์และมีแนวต้านสำคัญที่1,833 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านถัดไป1,850 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

- Advertisement -

Closechg.SupportResistance
1,831.50+7.91,810/1,8001,833/1,850

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
28,350-5028,100/28,00028,400/28,600

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,470+2028,240/28,09028,550/28,770

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำขายทำกำไรบางส่วนที่ราคาทอง Spot1,833ดอลลาร์ (GF 28,550บาท)การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,810ดอลลาร์ (GF 28,240บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,800 ดอลลาร์ (GF28,090 บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,830.80+4.701,812/1,8021,835/1,852

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำขายทำกำไรบางส่วนที่ราคาGOZ211,835ดอลลาร์การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำเมื่อราคาGOZ21ปรับลงมาที่ 1,812ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,802ดอลลาร์

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดจะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนจากเม็ดเงินจากต่างประเทศที่ไหลเข้าลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทยทั้งนี้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ รวมทั้งถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟดโดยUSD Futures เดือนธ.ค.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 32.70และ32.60บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน32.90 บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลลาร์อ่อนค่านักลงทุนจับตาตัวเลขCPI สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (9 พ.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐรวมทั้งถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสิ่งบ่งชี้เกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟดดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินลดลง 0.1% แตะที่ 93.9606 เมื่อคืนนี้

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนที่ผ่านมา (9 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐนอกจากนี้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐยังผลักดันให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.8 ดอลลาร์หรือ 0.15% ปิดที่ 1,830.8 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 22.4 เซนต์หรือ 0.91% ปิดที่ 24.318 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดพุ่ง $2.22 รับความหวังแผนกระตุ้นศก.หนุนดีมานด์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อคืนที่ผ่านมา (9 พ.ย.) และเป็นการปิดบวกติดต่อกันวันที่ 3 เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองว่าการผ่านร่างกฎหมายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันในประเทศสัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.22 ดอลลาร์หรือ 2.7% ปิดที่ 84.15 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค.   สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.35 ดอลลาร์หรือ 1.6% ปิดที่ 84.78 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (9 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดปิดทำนิวไฮติดต่อกันหลายวันนอกจากนี้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐยังส่งผลให้เกิดแรงเทขายหุ้นเป็นวงกว้างดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,319.98 จุดลดลง 112.24 จุดหรือ -0.31%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,685.25 จุดลดลง 16.45 จุดหรือ -0.35% และดัชนีNasdaqปิดที่ 15,886.54 จุดลดลง 95.81 จุดหรือ -0.60%

อินเดียอาจเริ่มจัดส่งวัคซีนโควิดให้โครงการโคแวกซ์ได้อีกครั้งเร็วๆนี้

แหล่งข่าวในแวดวงอุตสาหกรรมสุขภาพระบุว่าอินเดียอาจสามารถเริ่มจัดส่งวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับโครงการโคแว็กซ์ (COVAX) ซึ่งเป็นโครงการแบ่งปันวัคซีนทั่วโลกได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าโดยจะถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมาและถือเป็นการสิ้นสุดการระงับส่งวัคซีนซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อบรรดาประเทศยากจนทั้งนี้องค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งเป็นผู้นำร่วมในโครงการโคแว็กซ์ได้เรียกร้องให้อินเดียกลับมาเริ่มจัดส่งวัคซีนให้กับทางโครงการโคแวกซ์อีกครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่อินเดียส่งมอบวัคซีนประมาณ 4 ล้านโดสให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านและหุ้นส่วนในเดือนต.ค.ที่ผ่านมาสำนักข่าวรอยเตอร์ได้เปิดเผยข้อมูลของแหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่าเจ้าหน้าที่ของโครงการโคแว็กซ์ได้เริ่มวางแผนจัดสรรวัคซีนโควิชีลด์ (Covishield) สำหรับประเทศต่างๆแล้วโดยอิงตามการอนุมัติอย่างไม่เป็นทางการจากอินเดีย

เฟดเผยแบงก์สหรัฐผ่อนคลายการปล่อยกู้ขณะดีมานด์สูงหลังศก.ฟื้นตัว

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยผลสำรวจภาวะและแนวโน้มสินเชื่อ (Senior Loan Officer Survey) โดยระบุว่าธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ในสหรัฐได้ผ่อนคลายมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อให้กับภาคธุรกิจ, นักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์และภาคครัวเรือนในช่วงไตรมาส3ของปีนี้ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐสามารถต้านทานการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ระลอกล่าสุดผลสำรวจดังกล่าวซึ่งเป็นหลักฐานบ่งชี้ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจนั้นยังระบุด้วยว่าธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ได้ผ่อนคลายมาตรฐานการปล่อยกู้ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ย, ขยายวงเงินสินเชื่อหรือกำหนดเงื่อนไขที่มีความเข้มงวดน้อยลงผลสำรวจบ่งชี้ว่าธนาคารพาณิชย์ได้ระบุถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่สดใสหรือมีความไม่แน่นอนลดน้อยลงรวมทั้งการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มธนาคารด้วยกันและยังระบุถึงนโยบายการอดทนต่อความเสี่ยงมากขึ้นท่ามกลางสภาวะตลาดและเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มโดยรวมดีขึ้นขณะที่ความต้องการเงินกู้ปรับตัวขึ้นเช่นกันโดยเฉพาะในกลุ่มบริษัทขนาดกลางและขนาดใหญ่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าผลสำรวจของเฟดยังระบุด้วยว่าธนาคารพาณิชย์ได้ผ่อนคลายมาตรฐานการปล่อยกู้ให้กับบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์และความต้องการเงินกู้ของบริษัทเหล่านี้ก็เพิ่มขึ้นด้วยนอกจากนี้ธนาคารพาณิชย์ยังผ่อนคลายมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตและผู้ยื่นขอเงินกู้เพื่อซื้อรถยนต์ด้วยการปรับลดข้อกำหนดด้านคะแนนเครดิต (credit score) หรือเพิ่มวงเงินสินเชื่อสูงสุด (credit limit)อย่างไรก็ดีผลสำรวจระบุว่าธนาคารส่วนใหญ่มองว่าความต้องการสินเชื่อสำหรับภาคธุรกิจและเงินกู้ผ่านบัตรเครดิตยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ขณะที่คาดว่าความต้องการสินเชื่อจะแข็งแกร่งขึ้นในช่วง6เดือนข้างหน้า

นายแอนดรูว์เบลีย์ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เปิดเผยว่าBoE จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากพบว่าตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อผลักดันให้ค่าจ้างพุ่งสูงขึ้นโดยการแสดงความเห็นล่าสุดนี้ถือเป็นการตอกย้ำมุมมองของเขาเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินซึ่งส่งผลให้ตลาดการเงินเผชิญกับภาวะปั่นป่วนในสัปดาห์ที่ผ่านมานายเบลีย์กล่าวในช่วงถาม-ตอบของการประชุมซึ่งจัดขึ้นโดยBoE ว่า “สิ่งที่เรากังวลก็คือเมื่ออัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นและเราต้องการจะควบคุมเงินเฟ้อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจนอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่ภาวะคอขวดจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งความต้องการแรงงานซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะกระตุ้นให้การคาดการณ์เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น”

โดย : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

Fundamental

  • ดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI)ของสหรัฐฯเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น +0.6% เมื่อเทียบกับเดือนก.ย.และพุ่งขึ้นแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ +8.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
  • ราคาน้ำมันกลับมาบวกแรงเมื่อคืนนี้เพราะอุปสงค์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการที่ทั่วโลกลดการคุมเข้มด้านการเดินทางทั้งในและระหว่างประเทศ

Technical

  • ข่าวเงินเฟ้อสหรัฐฯเป็นปัจจัยพยุงราคาทองให้ปรับตัวขึ้นต่อได้อีกเล็กน้อยท่ามกลางแรงขายที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งการไม่ย่อลงพักตัวในจังหวะที่แรงซื้อเริ่มอ่อนแอ ทำให้ต้องระวังการทิ้งตัวลงกะทันหัน
  • RSI ทำbearish divergence ซ้อนรวม 5 ครั้ง จึงมีลุ้นว่าแนวรับแรกที่เส้น MA บริเวณ 1,820 จะเอาอยู่หรือไม่ ส่วนแนวรับหลักยังคงให้ไว้ที่1,800-1,805
  • ทิศทางวันนี้ขึ้นไม่ไหว ต้องย่อแล้ว
  • จับจังหวะเล่นยังไง?wait & see รอดูความลึกของการปรับฐานก่อนตัดสินใจจุดเข้าซื้อ

Attention

หลายประเทศกำลังประสบปัญหาขาดแคลนพลังงาน ดันให้ราคาโภคภัณฑ์สำคัญที่เกี่ยวข้องขึ้นสูงต่อเนื่อง ทำให้เกิดความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้า

โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด

คำแนะนำ   : ทองขึ้นบาทแข็ง พาทองไทยผันผวน คืนนี้ดูดัชนีเงินเฟ้อชี้ชะตาทอง ข้าม 1835ไหม
     
แนวรับ 1808/ 1800 / 1793  แนวต้าน 1825|1830|1835
              Gold/silver           USD                       Baht        DOW (stock)
ระยะสั้น    SW up/SW   SW/  SW DOWN      SW                SW 
ระยะกลาง  SW UP/SW          SW                     SW               SW UP
ระยะยาว BULLISH              Neutral              WEAK          BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS 1810-40
จุดเข้า BUY 1805-15
เป้าหมาย 1835-50
SL 1795รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1760-1875
จุดเข้า BUY 1780-1805 เป้าหมาย 1850-75
SL 1760   

บทวิเคราะห์ : ราคาทองยังรีบาวด์อย่างต่อเนื่องจากความกังวลภาวะเงินเฟ้อ และการชะลอขึ้นดอกเบี้ย หลังเมื่อวานผ่านกฎหมายงบประมาณก้อนโตของโจ ไบเดน ยิ่งดันเงินเฟ้อต่อไป ภาพรวมทองขึ้นอย่างชัดเจนแต่เสียทึค่าเงินบาทแข็งค่าเร็ว ทำให้ราคาทองไทยกลับย่อลง อย่างไรก็ตามโดยรวมระยะกลางไกล ราคาทองไทยก็ยังไปต่อได้
คืนนี้จับตาดัชนีเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ที่คาดว่าจะสูงขึ้นด้วย ซึ่งตรงกับภาพระยะกลางทางเทคนิค ที่ราคาทองมาจ่อต้านสำคัญแถว $1835 หากข้ามได้ยืนได้ทองจะเป็นขาขึ้น ในทางกลับกันหากราคาไม่ผ่านในคืนนี้ ทองจะลงมาพักสั้นๆอีกรอบแล้วค่อยขึ้นต่อ กลยุทธ์ยังแนะย่อซื้อขึ้นขายเช่นเดิม

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

หากราคาไม่สามารถยืนเหนือโซนแนวต้านแรกบริเวณ โซน 1,831-1,833 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ราคามีโอกาสขยับลงเพื่อทดสอบแนวรับบริเวณ 1,813-1,810 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,810 1,796 1,785  แนวต้าน : 1,833 1,845 1,854

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น  7.90ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยเป็นการปรับตัวขึ้น 4 วันทำการติดต่อกัน  ขณะที่วานนี้  ราคาทองคำยังคงได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์  รวมไปถึงแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ  หลังดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน แม้จะสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์  แต่พบว่าเมื่อเทียบรายปีดัชนีPPI พุ่งขึ้น 8.6% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนพ.ย.2010 บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อระดับสูงยังคงดำเนินต่อไปอีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง  ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ Treasury Inflation Protected Securities (TIPS) อายุ 10 ปีร่วงลงแตะระดับต่ำสุดที่ -1.21% ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนส.ค. และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้ออายุ 30 ปีแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ -0.592% ซึ่งนอกจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงจะสะท้อนความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อในตลาดแล้วนั้น  ยังช่วยหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนรูปแบบของดอกเบี้ยอีกด้วยปัจจัยที่กล่าวมา  ส่งผลให้ราคาทองคำในระหว่างวันปรับตัวลงไม่มากโดยลงมาทำระดับต่ำสุดเพียง 1,818.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ก่อนที่จะดีดทำระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือนครั้งใหม่ที่ 1,832.65 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ติดตามการผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย  รวมถึงการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ

ปัจจัยทางเทคนิค :

ราคาทองคำพยายามทรงตัวหลังจากวานนี้ราคาปรับตัวขึ้นต่อ แต่แรงซื้อเริ่มจำกัด เนื่องจากโซน 1,831-1,833 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นระดับสูงสุดของเดือน  ก.ค.,ส.ค.,ก.ย. หากพยายามทดสอบแนวต้านดังกล่าวหลายครั้ง แต่ไม่สามารถขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านได้ อาจเห็นการย่อตัวของราคาลงเพื่อสร้างฐานราคาอีกครั้งประเมินแนวรับบริเวณ 1,810-1,796 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

ดูบริเวณ 1,833 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่ผ่านได้แนะนำเสี่ยงเปิดสถานะขายทำกำไรระยะสั้น(ตัดขาดทุนหากยืนได้) รอเข้าซื้อคืนเพื่อทำกำไรเมื่อราคาอ่อนลงหรือไม่หลุดบริเวณแนวรับ 1,813-1,810 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาหลุดแนวรับแรกให้รอเข้าซื้อคืนบริเวณแนวรับถัดไปโซน  1,796 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ดอลลาร์อ่อนค่า นักลงทุนจับตาตัวเลข CPI สหรัฐดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 พ.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ รวมทั้งถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสิ่งบ่งชี้เกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.1% แตะที่ 93.9606 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.83 เยน จากระดับ 113.22 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9104 ฟรังก์ จากระดับ 0.9132 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2437 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2444 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1593 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1588 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3561 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3555 ดอลลาร์
  • (+) ดาวโจนส์ปิดลบ 112.24 จุดจากแรงขายทำกำไร-วิตกเงินเฟ้อดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดปิดทำนิวไฮติดต่อกันหลายวัน นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐยังส่งผลให้เกิดแรงเทขายหุ้นเป็นวงกว้าง  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,319.98 จุด ลดลง 112.24 จุด หรือ -0.31%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,685.25 จุด ลดลง 16.45 จุด หรือ -0.35% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,886.54 จุด ลดลง 95.81 จุด หรือ -0.60%
  • (+) สหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจขนาดย่อมต่ำกว่าคาดในเดือนต.ค.สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) แถลงในวันนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมร่วงลงสู่ระดับ 98.2 ในเดือนต.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 99.5 จากระดับ 99.1 ในเดือนก.ย.  ทั้งนี้ ปัจจัย 7 ใน 10 รายการที่ใช้คำนวณดัชนีได้ปรับตัวลงในเดือนต.ค. ขณะที่ 1 รายการปรับตัวขึ้น และ 2 รายการทรงตัว
  • (+) ZEW เผยดัชนีความเชื่อมั่นเยอรมนีสูงกว่าคาดในเดือนพ.ย.ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีพุ่งขึ้นสู่ระดับ 31.7 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 22.3 ในเดือนต.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าดัชนีจะปรับตัวลงสู่ระดับ 20.0
  • (+) ไต้หวัน ชี้ จีนใช้ ‘กลยุทธ์สงครามสีเทา’ ลดทอนศักยภาพด้านการทหารของไต้หวันทางการไต้หวันเผยรายงานที่ชี้ว่า จีนเดินหน้ากลยุทธ์สงครามสีเทา เพื่อหวังลดทอนศักยภาพทางการทหารของไต้หวัน และถือเป็นภัยคุกคามอันใหญ่หลวง ตามรายงานของเอพีและรอยเตอร์  กระทรวงกลาโหมไต้หวัน เปิดเผยรายงานที่จัดทำขึ้นทุก 2 ปี เมื่อวันอังคาร (9 พฤศจิกายน) ชี้ว่า จีนเดินหน้ากลยุทธ์สงครามสีเทา ด้วยการที่จีนรุกคืบด้านสงครามไซเบอร์ การเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อ การทำให้ไต้หวันโดดเดี่ยวจากประชาคมระหว่างประเทศ ไปจนถึงมาตรการบังคับให้รวมชาติโดยไม่ต้องเผชิญหน้าทางทหารโดยตรง 
  • (-) “ทิม คุก” ยอมรับถือครองสกุลเงินดิจิทัลในพอร์ทลงทุน นายทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทแอปเปิล อิงค์ กล่าวยอมรับในวันนี้ว่า เขาได้ถือครองสกุลเงินดิจิทัลสำหรับการกระจายการลงทุนสินทรัพย์ในพอร์ทนายคุกกล่าวว่า เขาได้ให้ความสนใจและค้นคว้าเกี่ยวกับสกุลเงินคริปโตระยะหนึ่งแล้ว แต่สิ่งที่เขากล่าวในวันนี้ไม่ใช่คำแนะนำให้คนอื่นเข้าลงทุนในสกุลเงินดังกล่าว  นอกจากนี้ นายคุกระบุว่า คำกล่าวของเขาถือเป็นมุมมองส่วนตัวของเขาเอง และไม่ได้หมายความว่าบริษัทแอปเปิลมีแผนที่จะรับสกุลเงินดิจิทัลจากลูกค้าทดแทนเงินสดในการซื้อสินค้า และแอปเปิลไม่มีแผนที่จะเข้าลงทุนในสกุลเงินคริปโตแต่อย่างใด
  • (+/-) สหรัฐเผยดัชนี PPI พุ่งเป็นประวัติการณ์ 8.6% ในเดือนต.ค.กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย.  เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พุ่งขึ้น 8.6% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนพ.ย.2553 หลังจากดีดตัวขึ้น 8.6% เช่นกันในเดือนก.ย.  ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 6.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2553
  • (+/-) “พาวเวล” หนุนลดความเหลื่อมล้ำ หวังผลักดันจ้างงานเต็มศักยภาพ  นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดจะพิจารณาสิ่งบ่งชี้ในวงกว้างเพื่อประเมินภาวะการจ้างงานเต็มศักยภาพ  “เมื่อเราทำการประเมินว่า ภาวะการจ้างงานเต็มศักยภาพแล้วหรือไม่ เราจะพิจารณาจากสิ่งบ่งชี้ในวงกว้าง นอกเหนือจากการดูตัวเลขสำคัญ” นายพาวเวลกล่าวในการเสวนาผ่านระบบออนไลน์  นายพาวเวลยังระบุว่า เฟดจะให้ความสำคัญต่อความเหลื่อมล้ำในตลาดแรงงาน โดยเศรษฐกิจจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น หากประชาชนจำนวนมากสามารถเข้าสู่ตลาดแรงงาน

โดย : บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน คลาสสิก ออสสิริส จำกัด (CAF)

Reasons  ปัจจัยกระทบทองคำ

-ราคาทองคำมีโอกาสย่อตัว เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจมีโอกาสขยายตัว จากภาคการท่องเที่ยว เพราะสหรัฐฯเตรียมยกเลิกคำสั่งห้ามชาวต่างชาติจากกว่า 30 ประเทศเดินทางเข้าสหรัฐฯ ปัจจัยดังกล่าวส่งให้ดอลลาร์แข็งค่า

+ ลุ้นดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯ มีโอกาสขยายตัว แสดงถึงอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น  จึงทำให้ราคาทองคำขึ้นตาม

Day Trade

GOZ21  Open  Long 1,825-1,827 เป้า 1,832-1,835 จุด Stop  สิ้นวัน 1,820

GF10Z21 Hold Long 28,400 เป้า 28,500-28,570 จุด Stop สิ้นวัน 28,230

Trend Trade ใช้ราคาปิดสิ้นวัน

GOZ21 Hold Long จุด Stop 1,778

GF10Z21 Hold Long จุด Stop 28,230

โดย : บริษัท จีแคป จำกัด

แนวโน้มราคาทองคำช่วงเช้า

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 พ.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ รวมทั้งถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสิ่งบ่งชี้เกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด

มุมมองทองคำภาคเช้า  ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ (9 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐยังผลักดันให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย  ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ส่วนการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย 

นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อของสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย.นั

กลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจในรอบสีปดาห์ ได้แก่  ดัชนีราคาผู้บริโภค  จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน  สินค้าคงคลังภาคค้าส่ง  ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม  ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.มิชิแกน  ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTs  เป็นต้น 

สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 พ.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ รวมทั้งถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสิ่งบ่งชี้เกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด

แนะแนวทางการลงทุน

แนวรับ 1,816-  1,808- 1,800

แนวต้าน  1,840–1,846– 1,852

ราคาทองคำดีดตัวขึ้นหลังจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ร่วงลง จะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผล -ตอบแทนในรูปดอกเบี้ย ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อของสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

โดย : บริษัท ที.ดี.ซี. โกลด์ จำกัด

ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ขยายตัว 0.6% หากเทียบจากเดือนก่อน ขณะที่หากเทียบเป็นรายปียังขยายตัวสูงถึง 8.6% ซึ่งยังทรงตัวอยู่ในระดับที่สูง นักลงทุนจับตามองถึงผลกระทบด้านอัตราเงินเฟ้อว่าจะส่งไปยังผู้บริโภค และจะเป็นปัจจัยชั่วคราวหรือไม่ขณะที่เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงโดยได้รับแรงกดดันจากหุ้น Tesla และ Paypalจากประเด็นของการขายหุ้นของกลุ่มผู้บริหาร Tesla ขณะที่ Paypalมีรายได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ ทั้งนี้มองราคาทองคำเกิด Bearish divergence ยังมอง $1800-1810

ที่มา : gold.in.th( 10 พ.ย. 64 )

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.