บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 23 ธ.ค.64 by SCT, GT, HGF
โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด
คำแนะนำ : ทองขึ้นจากกังวลโควิดเพิ่ม คืนนี้มีประกาศตัวเลขสำคัญเพียบ โดยรวมทองยังเป็นบวก
แนวรับ 1790/ 1780 / 1772 แนวต้าน 1806|1810|1818
Gold/silver USD Baht DOW (stock)
ระยะสั้น SW Sw SW SW UP
ระยะกลาง SW UP SW SW SW UP
ระยะยาว BULLISH Neutral WEAK BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS 1785-1810
จุดเข้า BUY 1772-83
เป้าหมาย 1805-20
SL 1760รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1750-1900
จุดเข้า BUY 1765-80 เป้าหมาย 1870-1900
SL 1750
บทวิเคราะห์ : เมื่อวานตัวเลข GDP สหรัฐฯจะออกมาดี แต่นักลงทุนยังกังวลโควิดที่แพร่กระจายเป็นวงกว้าง จึงหันกลับมาซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ดันราคาทองขึ้นมาแนวจิตวิทยา $1800 อีกรอบ คืนนี้ตลาดสหรัฐฯจะมีประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ PCE และตัวเลขอื่นอีหลายตัว ซึ่งดูแล้วมีทั้งบวกและลบกับทอง เมื่อดูภาพรวมทองตอนนี้ถือว่ายังเป็นบวก ยิ่งราคายืนระดับ $1800 ได้ก็มีลุ้นไปต่อ แต่จะเป็นขาขึ้นของจริงต้องข้ามHIGH ราคาที่ $1815 ให้ได้ก่อนเป็นด่านแรก
กลยุทธ์ : หลังคืนนี้จะเป็นเทศกาลวันหยุดยาวของฝรั่งจนปีใหม่ อาจทำให้วอลุ่มซื้อขายลดลง และสร้างความผันผวนของราคาได้ง่าย คำแนะนำยังเป็นการซื้อเมื่อย่อ ส่วนคนซื้อที่ผ่านมาให้ทยอยขายทำกำไรบางส่วน
โดย : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด
Fundamental
- โควิดโอมิครอนกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดทั่วสหรัฐฯและยุโรป ซึ่งถูกคาดว่าจะหนักขึ้นอีกตลอดฤดูหนาวนี้ และจะส่งผลเสียต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า
- กรรมการ ECB เผยว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจจะถูกปรับขึ้นอย่างเร็วที่สุดในช่วงสิ้นปีหน้า
- ไบเดนเรียกประชุมด่วนตัวแทนทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหา supply chain ทั้งระบบ
Technical
- ราคาดีดหนี 1,785 ยืนยันกรอบการแกว่งตัวเพื่อปรับฐานระหว่าง 1,785-1,815
- เช้านี้ดูมีแรงส่งหนุนราคาให้ขึ้นไปชนทดสอบกรอบบนของระยะปรับฐานที่1,785-1,815ได้ แต่ต้องระวังการลดลงของปริมาณการซื้อขายทำให้ทิศทางในระยะสั้นมีความไม่แน่นอนและเสี่ยงจะสวิงแรงขึ้น
- ทิศทางวันนี้1,785-1,815
- จับจังหวะเล่นยังไง?เก็งกำไรในกรอบ 1,785-1,815 ถ้าออกนอกกรอบให้รอสวนหลังเห็นแท่งยาวชะลอ
Attention
- ระวังภาวะตลาดซบเซาช่วงคริสต์มาสไปจนถึงปีใหม่ จะทำให้ราคาทองคำแกว่งแรงไร้ทิศทาง
- รัฐบาลสหรัฐฯจะมีเงินใช้จ่ายไปถึง 18 ก.พ. ปีหน้า
- ดอกเบี้ยโลกมีแนวโน้มจะปรับขึ้นเร็วกว่าคาดเพราะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการอัดฉีดสภาพคล่องทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งต้องรอดูความชัดเจนว่ารอบนี้นักลงทุนจะเลือกทองคำหรือเงินคริปโตเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมากกว่ากัน
- กระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯเฟส 4
- สัปดาห์นี้ สภาสหรัฐฯเริ่มพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและลดผลกระทบจากCOVID-19รอบใหม่
- นักลงทุนเชื่อมั่น 45%ว่า Fed จะลดดอกเบี้ยเป็น 0%
- ระดับความเชื่อมั่นของนักลงทุนว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 0% ภายในครึ่งปีแรกอยู่สูงกว่า75%
- ความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ติดตาม แผนการทำข้อตกลงการค้าเฟส 2
โดย : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)
ทองบวกจากความกังวลผลกระทบที่เกิดจากสายพันธุ์โอมิครอน
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนี PCE พื้นฐานเดือนพ.ย.
แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดปรับตัวขึ้น
- ราคาทองคำ Spot ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลาร์สหรัฐ ซึ่งนักลงทุนได้มีการเทขายสกุลเงินดอลลาร์มากขึ้น จากความกังวลผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน อย่างไรก็ตามผลวิจัยล่าสุดของสถาบันอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอนชี้ว่า ความเสี่ยงที่ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนจะต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลนั้น มีน้อยกว่าผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาประมาณ 40% – 45% นอกจากนี้การปรับขึ้นไม่มากนักเนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนถึงช่าวงเทศกาลวันหยุดคริสต์มาส ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ขายทองคำสุทธิ 4.94 ตันจากเมื่อวาน
- คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานเดือนพ.ย. ตลาดจะเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน หรือเพิ่มขึ้น 4.5% เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน หรือเพิ่มขึ้น 4.1% เมื่อเทียบรายปีในเดือนต.ค. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย. ตลาดคากว่าจะเพิ่มขึ้น 1.9% หลังจากที่ลดลง 0.4% ในเดือนต.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตลาดคาดว่าจะลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 200,000 ราย ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 770,000 ยูนิต และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย. ของม.มิชิแกน ตลาดคาดว่าจะทรงตัวที่ 70.4
- แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดปรับตัวขึ้น โดยมีแนวต้าน 1,815 ดอลลาร์ และ 1,825 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวรับที่ 1,780 ดอลลาร์ และ 1,770 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,802.49 | +14.09 | 1,780/1,770 | 1,815/1,825 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
28,600 | -50 | 28,400/28,200 | 28,750/28,950 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
28,880 | +180 | 28,610/28,530 | 29,070/29,180 |
แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,780 ดอลลาร์ (GF 28,610 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,770 ดอลลาร์ (GF 28,530 บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,807.50 | +14.60 | 1,781/1,771 | 1,806/1,816 |
แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคา GOH22 ปรับลงมาที่ 1,781 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,771 ดอลลาร์
ค่าเงิน
ทิศทางค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเล็กน้อย อย่างไรก็ตามยังขาดปัจจัยใหม่ ในขณะที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินเมื่อวานที่ผ่านมา กนง.มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% สำหรับทิศทางค่าเงินบาทมีแนวโน้มกลับมาแข็งค่า สำหรับ USD Futures เดือนธ.ค.64 คาดจะมีแนวรับที่ 33.60 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 33.90 บาท/ดอลลาร์
News
“เฟาชี” เตือนโอมิครอนระบาดอาจเพิ่มจำนวนผู้ป่วยล้นโรงพยาบาลสหรัฐ
นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาวกล่าวเตือนถึงภาวะตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในระบบโรงพยาบาลของสหรัฐ หลังจากที่ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเริ่มแพร่ระบาดในสหรัฐและทั่วโลก นายแพทย์เฟาชีให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ ABC ว่า “หากยังเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ โรงพยาบาลของเราจะมีผู้เข้ารับการรักษาจำนวนมากในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า” รายงานระบุว่า ข้อกังวลหลักคือการพุ่งขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่อาจส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล หากเกิดขึ้นพร้อมกับอัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวอเมริกันที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในสหรัฐแล้ว เนื่องจากผู้คนจำนวนมากขึ้นเดินทางและรวมตัวกันในช่วงวันหยุด ทั้งนี้ สหรัฐพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนในอย่างน้อย 48 รัฐ นับตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศที่รัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา
“ไบเดน” ส่งสัญญาณประนีประนอมสว.เดโมแครต หวังดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐเปิดเผยว่า เขา และนายโจ แมนชิน แกนนำวุฒิสมาชิกของพรรคเดโมแครต กำลังร่วมมือกันเพื่อผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้นายแมนชินปฏิเสธที่จะสนับสนุนมาตรการดังกล่าว “วุฒิสมาชิกแมนชินและผมกำลังผลักดันเรื่องนี้ และเชื่อว่า ยังมีความเป็นไปได้ที่การผลักดันร่างกฎหมาย Build Back Better วงเงิน 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ซึ่งผมเป็นผู้นำเสนอนั้น จะประสบความสำเร็จ” ปธน.ไบเดนกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้ (21 ธ.ค.) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การเปิดเผยดังกล่าวถือเป็นความคืบหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดการเงินทั่วโลกได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากการที่นายแมนชินประกาศไม่สนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าวของปธน.ไบเดน โดยอ้างว่าจะเป็นการเพิ่มภาระหนี้ให้กับสหรัฐ โดยท่าทีดังกล่าวของนายแมนชินจะส่งผลให้ร่างกฎหมายดังกล่าวขาดเสียงสนับสนุนที่เพียงพอในวุฒิสภา แม้ว่าผ่านการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ การประกาศกร้าวของนายแมนชินยังส่งผลให้โกลด์แมน แซคส์ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปี 2565 โดยระบุว่า หากร่างกฎหมาย Build Back Better ถูกขัดขวางในวุฒิสภาก็จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวในปี 2565 ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากร่างกฎหมายฉบับนี้ได้รวมถึงงบประมาณของรัฐบาลจำนวนมากในการใช้จ่ายด้านสวัสดิการสังคม และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรับมือปัญหาโลกร้อน ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาสแรกของปี 2565 ลงสู่ระดับ 2% จากเดิมที่ระดับ 3% และปรับลดคาดการณ์สำหรับไตรมาส 2 และ 3 ลงสู่ระดับ 3% และ 2.75% ตามลำดับ จากเดิมที่ระดับ 3.5% และ 3%
“แอสตร้าเซนเนก้า” เริ่มดำเนินการเพื่อผลิตวัคซีนป้องกันโอมิครอนโดยเฉพาะ บริษัทแอสตร้าเซนเนก้าเปิดเผยว่า กำลังทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดเพื่อผลิตวัคซีนสำหรับป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน เช่นเดียวกับผู้ผลิตวัคซีนรายอื่น ๆ ที่ต้องการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าวโดยเฉพาะ โฆษกของแอสตร้าเซนเนก้าระบุในแถลงการณ์ว่า “ในการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดนั้น เราได้ดำเนินการเบื้องต้นเพื่อผลิตวัคซีนสำหรับป้องกันไวรัสโอมิครอน หากมีความจำเป็นและได้รับแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลใหม่ ๆ” แซนดี้ ดักลาส หัวหน้าทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดกล่าวว่า “โดยหลักการแล้ว วัคซีนที่ใช้อะดีโนไวรัส (Adenovirus) เช่น วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้านั้น สามารถนำมาใช้เพื่อป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้รวดเร็วกว่าที่อาจจะเคยรับรู้ก่อนหน้านี้”
ที่มา : gold.in.th ( 23 ธ.ค. 64 )
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.