ราคาทองวันนี้ ข่าวทองคำ

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 24 ธ.ค.64 by GT, YLG, GCAP, MTS

660

- Advertisement -

โดย : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

Fundamental

  • สหรัฐฯเผยดัชนีcore PCEซึ่งวัดเงินเฟ้อระดับบุคคลโดยไม่คิดรวมราคาอาหารและพลังงาน ในเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 0.5% mom และเพิ่มขึ้น 4.7% yoy
  • จีนสั่งปิดซีอาน ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ หลังยอดผู้ป่วยโควิดพุ่งสูงขึ้น

Technical

  • ราคาปรับขึ้นมายืนค้างใต้ช่วงแนวต้าน วันนี้บางตลาดปิดทำการ ราคาอาจไม่ไปไหน แต่ยังต้องระวังการเหวี่ยงแรงไร้ทิศทางไปจนตลอดสัปดาห์หน้า
  • มองกรอบเดิม 1,785-1,815 การพุ่งขึ้นแรง ๆ แม้ขาดปัจจัยสำคัญสนับสนุนก็ยังมีความเป็นไปได้ท่ามกลางปริมาณซื้อขายที่เบาบาง

Attention

- Advertisement -

  • ระวังภาวะตลาดซบเซาช่วงคริสต์มาสไปจนถึงปีใหม่ จะทำให้ราคาทองคำแกว่งแรงไร้ทิศทาง
  • รัฐบาลสหรัฐฯจะมีเงินใช้จ่ายไปถึง 18 ก.พ. ปีหน้า
  • ดอกเบี้ยโลกมีแนวโน้มจะปรับขึ้นเร็วกว่าคาดเพราะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการอัดฉีดสภาพคล่องทำให้

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ

หากราคายังไม่สามารถผ่าน 1,815-1,834ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ แนะนำเปิดสถานะขายหรือ อาจใช้วิธีการลดพอร์ตการลงทุน โดยเน้นเก็งกำไรการแกว่งตัว และเข้าซื้อคืนที่แนวรับบริเวณ 1,783-1,772 ดอลลาร์ต่อออนซ

แนวรับ : 1,772 1,753 1,737  แนวต้าน : 1,815 1,834 1,849

จจัยพื้นฐาน 

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.31ดอลลาร์ต่อออนซ์  ระหว่างวันราคาทองคำเผชิญกับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.5bps สู่ระดับ 1.4926% ท่ามกลางแรงขายพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย  เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโอมิครอน  หลังผลการวิจัยของหลายสถาบันบ่งชี้ว่าความเสี่ยงของไวรัสโอมิครอนมีน้อยกว่าไวรัสสายพันธุ์เดลตา  ขณะที่แอสตร้าเซนเนก้าเปิดเผยผลการวิจัยว่า วัคซีนโดสที่ 3 ของแอสตร้าเซนเนก้ามีประสิทธิภาพในการป้องกัน COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอนปัจจัยที่กล่าวมา  บวกรวมกับการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐบางรายการที่ออกมาดีเกินคาด  อาทิ ตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานที่ทรงตัวและใกล้เคียงกับตัวเลขคาดการณ์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและการใช้จ่ายส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้น  กดดันให้ราคาร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,799.08  ดอลลาร์ต่อออนซ์  ก่อนจะมีแรงซื้อ Buy the dip เข้ามาพยุงราคาเอาไว้  นอกจากนี้นักลงทุนบางส่วนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ  หลังดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานของสหรัฐพุ่งขึ้น4.7% ในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบรายปี  สะท้อนว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐยังคงเร่งตัวขึ้น  บวกรวมกับดัชนีดอลลาร์ที่อ่อนค่าจากแรงขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย  นั่นทำให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในระหว่างวันจนทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,810.69 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ราคาทองคำอาจเคลื่อนไหวไม่มากเนื่องจากตลาดเงินและตลาดทุนของบางแห่งในยุโรปและตลาดสหรัฐจะปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส

ปัจจัยทางเทคนิค :

ราคาทองคำไม่หลุด 1,783 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาจึงมีโอกาสเกิดแรงดีดตัวขึ้นและราคาอาจพยายามจะดีดตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านระดับ 1,815-1,834ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากไม่สามารถยืนเหนือระดับดังกล่าวได้อาจจะเกิดแรงขายสลับออกมาอีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน :

เน้นทำกำไรระยะสั้นโดยเปิดสถานะขายโดยใช้บริเวณ 1,815-1,834ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาผ่าน 1,834 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ตัดขาดทุนสถานะขาย ขณะที่หากราคาอ่อนตัวลงแนะนำทยอยแบ่งปิดสถานะขายทำกำไรตั้งแต่ราคา 1,783-1,772 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานคงตัวตามคาดในสัปดาห์ที่แล้วกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสัปดาห์ที่แล้ว โดยอยู่ที่ระดับ 205,000 รายหลังมีการปรับตัวเลข ซึ่งตรงกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลแรงงานที่ซบเซา อย่างไรก็ดี ดอลลาร์อ่อนค่าลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลการวิจัยเชิงบวกเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน  ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.07% แตะที่ 96.0243 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9180 ฟรังก์ จากระดับ 0.9196 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2809 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2843 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 114.44 เยน จากระดับ 114.17 เยน ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1333 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1331 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3419 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3359 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7248 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7214 ดอลลาร์
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่อยู่ที่ระดับ 744,000 ยูนิตในเดือนพ.ย. พุ่งขึ้น 12.4% จากระดับ 662,000 ในเดือนต.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 766,000 ยูนิต  อย่างไรก็ดี บ่อยครั้งที่ตัวเลขยอดขายบ้านถูกปรับทบทวน ซึ่งรวมถึงในเดือนต.ค. ที่กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับลดยอดขายบ้านใหม่ลงสู่ระดับ 662,000 ยูนิต จากเดิมรายงานที่ระดับ 745,000 ยูนิต
  • ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐขั้นสุดท้ายในเดือนธ.ค. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 70.6 จากรายงานช่วงต้นเดือนที่ระดับ 70.4 และเพิ่มขึ้นจากระดับ 67.4 ในเดือนพ.ย.  ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 70.4
  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดทำนิวไฮ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน หลังผลการวิจัยของหลายสถาบันบ่งชี้ว่าความเสี่ยงของไวรัสโอมิครอนมีน้อยกว่าไวรัสสายพันธุ์เดลตา โดยรายงานดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มโรงแรม  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,950.56 จุด เพิ่มขึ้น 196.67 จุด หรือ +0.55%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,725.79 จุด เพิ่มขึ้น 29.23 จุด หรือ +0.62% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,653.37 จุด เพิ่มขึ้น 131.48 จุด หรือ +0.85%
  • สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) อนุมัติยาโมลนูพิราเวียร์ (molnupiravir) ของบริษัทเมอร์ค เป็นยารักษาผู้ป่วยโควิด-19 แล้วในวันนี้ ซึ่งนับเป็นยาตัวที่สองที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้รักษาผู้ป่วยโควิดในสหรัฐ หลังจากที่ FDA เพิ่งอนุมัติยาแพกซ์โลวิด (paxlovid) ของบริษัทไฟเซอร์ไปเมื่อวันก่อน
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนพ.ย. หลังจากกระเตื้องขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนต.ค.  ทั้งนี้ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนได้รับแรงหนุนจากยอดสั่งซื้ออุปกรณ์สำหรับการขนส่งที่ทะยานขึ้นถึง 6.5%  นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนพ.ย.
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค.  เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐานดีดตัวขึ้น 4.7% ในเดือนพ.ย. หลังจากปรับขึ้น 4.2% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 30 ปี
  • สถาบันโรเบิร์ต คอช (RKI) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านโรคติดเชื้อของเยอรมนี ยืนยันพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเป็นรายแรกในประเทศ

โดย : บริษัท จีแคป จำกัด

แนวโน้มราคาทองคำช่วงเช้า

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย และเข้าซื้อสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งรวมถึงยูโรและเงินปอนด์ หลังคลายกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และเงินเฟ้อ

มุมมองทองคำภาคเช้า  ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 โดยนักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ตลาดได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. และหากเทียบเป็นรายปี ดัชนี PCE พื้นฐานดีดตัวขึ้น 4.7% ในเดือนพ.ย. หลังจากปรับขึ้น 4.2% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 30 ปี  ทั้งนี้ ดัชนี PCE พื้นฐาน เป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นดัชนีชี้วัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จากกระทรวงแรงงานสหรัฐ

นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังช่วยให้สัญญาทองคำมีความน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น ๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.07% แตะที่ 96.0243 เมื่อคืนนี้

สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย และเข้าซื้อสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งรวมถึงยูโรและเงินปอนด์ หลังคลายกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

แนะแนวทางการลงทุน

แนวรับ 1,796 –  1,791-  1,786

แนวต้าน  1,810 – 1,815– 1,821

ราคาทองคำปิดบวก  กลับมายืนที่เหนือระดับ 1,800 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนตลาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนและเงินเฟ้อ เก็งกำไรขาขึ้น

โดย  : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยโดยกลับมายืนเหนือ 1,800 เหรียญได้อีกหนึ่งวัน และกลับมาเคลื่อนไหวขาขึ้นเป็นลักษณะ Sideway Up อย่างช้าๆ โดยปิดตลาดแถว 1,807 เหรียญ โดยมีการแกว่งตัวเล็กน้อยและมีปริมาณการซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบาง สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาค่อนข้างออกมาสูงขึ้น นำโดย  Core PCE Price Index ที่อาจสะท้อนถึงภาวะเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาในช่วงเดือนพ.ย. ยังออกมาสูงกว่าคาดบริเวณ 5.7% ด้านจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงานรายสัปดาห์ออกมาในเกณฑ์ทรงตัวจึงถือว่ายังเป็นเรื่องดี ในส่วนของดัชนีดอลลาร์จาก 96.3 จุด อ่อนค่าเล็กน้อยมาที่ 96 จุดในเช้านี้ สำหรับเงินบาทกลับมาแข็งค่าตามภูมิภาค ซึ่งโดยภาพรวมของตลาดทองคำจะค่อนข้างมีปริมาณการซื้อขายเบาบางเนื่องในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ดังนั้น การรับส่งทองคำแบบ Physical คงจะมีปริมาณลดน้อยลง เนื่องจากทางโรงงานของยุโรปและสวิสเซอร์แลนด์ได้ปิดทำการไปแล้ว สำหรับ SPDR ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติมยังคงถือครองทองคำเท่าเดิมที่ระดับ 973.63 ตัน

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำเคลื่อนตัวทดสอบบริเวณแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,812 เหรียญ จึงยังวิเคราะห์ว่า ถ้าราคาสามารถทะลุขึ้นไปเหนือระดับ 1,812 เหรียญได้ น่าจะบ่งชี้ถึงสัญญาณขาขึ้นในระยะยาวได้ อย่างไรก็ดี โดยภาพหลักรวมของสัญญาณทางเทคนิค เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นเริ่มตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว สัญญาณ Indicators และ MACD หรือ RSI มีการส่งสัญญาณในเชิงบวกสำหรับทิศทางขาขึ้น ดังนั้น โดยภาพรวม จึงวิเคราะห์ว่า โอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นกว่า High เดิมบริเวณ 1,815 เหรียญ น่าจะปรับตัวสูงขึ้นได้ และกลยุทธ์การลงทุนควรเป็นลักษณะเก็งกำไรในทิศทางขาขึ้นอย่างช้าๆ โดยวันนี้จะมีแนวรับ 1,790 เหรียญ และแนวต้านสำคัญ 1,815 เหรียญ ซึ่งหากผ่าน 1,815 เหรียญไปได้แนะนำให้ Follow Buy ถ้าชนแล้วไม่ผ่านให้เล่นสั้นในกรอบเพื่อทำการ Follow Sell ปิดในกรอบระยะสั้น แต่หากผ่าน 1,815 เหรียญไปได้มีแนวโน้มจะไปถึง 1,850 เหรียญ ขณะที่ตลาดทองคำต่างประเทศปิดทำการทุกตลาดทั้งตลาดฮ่องกง, สิงคโปร์, สวิสเซอร์แลนด์, อังกฤษ รวมถึงสหรัฐฯ ดังนั้น ราคาทองคำในวันนี้จึงไม่น่าจะมีการเคลื่อนไหวใดๆ และ MTS Gold Online และ Global Futures ของทางบริษัทฯ ก็จะปิดทำการตามตลาดต่างประเทศเช่นกัน โดยที่ตลาด TFEX บ้านเรายังคงเปิดให้บริการตามปกติ แต่น่าจะมีปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง ในส่วนของ Gold Online Futures จะมีแนวรับ 1,800 เหรียญ และแนวต้าน 1,815 เหรียญ ด้านเงินบาทแข็งค่าเล็กน้อย แต่โดยองค์รวมการแข็งค่าของเงินบาทยังเป็นทิศทาง Bullish ที่อาจมีโอกาสอ่อนค่าได้บ้าง

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

แนะนำ Sideway Up ระยะสั้นๆในกรอบ

– นักลงทุนที่ถือ Long Position 

ลงซื้อขึ้นขาย เล่นสั้นทำกำไรในกรอบแคบ

– นักลงทุนที่ถือ Short Position

หากไม่ผ่านแนวต้าน เล่นสั้นๆ เปิดขายและซื้อปิดตามแนวรับในกรอบได้

Gold Futures ขนาด 10 บาท Z21 จะมีแนวรับที่ระดับ 28,750 บาท และแนวต้านที่ระดับ 28,950  บาท

ที่มา : gold.in.th ( 24 ธ.ค. 64 )

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.