บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 18 ม.ค.65 by SCT, HGF
โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด
คำแนะนำ : บาทแข็งจัด พาทองไทยย่อ คืนนี้ตลาดเปิดปกติ แนะทยอยสะสม
แนวรับ 1813/ 1805 / 1790 แนวต้าน 1830 |1840|1850
Gold/silver USD Baht DOW (stock)
ระยะสั้น SW SW SW SW /SW up
ระยะกลาง SW UP SW DOWN SW SW UP
ระยะยาว BULLISH Neutral WEAK BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS 1805-30
จุดเข้า BUY 1800-13
เป้าหมาย 1830-50
SL 1790รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1750-1900
จุดเข้า BUY 1765-80 เป้าหมาย 1870-1900
SL 1750
บทวิเคราะห์ : บาทแข็งค่ามาก เหตุ FUNDFLOW หนีค่าเงินสหรัฐฯอ่อนค่า ส่วนตลาดทองยังพักฐานออกข้าง วันนี้ตลาดสหรัฐฯเปิดปกติแต่ไม่มีรายงานตัวเลขสำคัญ คาดว่าราคาทองไทยจะย่อเพราะบาท แต่ยิ่งย่อถือเป้นจังหวะให้ทยอยสะสม เพราะใกล้เทศกาลตรุษจีน หรือซื้อถือระยะกลางและไกล ส่วนนักลงทุนระยะสั้นต้องเทรดไวๆตามจังหวะบาทผันผวน
สรุปสัปดาห์นี้ทองพักแบบออกข้าง แกว่งไปมา รอการประชุมใหญ่เฟดกลางสัปดาห์หน้า โดยมีแนวรับ $1805-12 แนวต้านสำคัญ $1830 ถ้าข้ามได้น่าจะไปแรง โดยทองมีเงื่อนไขว่าจะย่อยังไงแต่ต้องปิดตลาดเหนือ $1800 ให้ได้จากนี้ไปถ้าจะเป็นขาขึ้น นอกเหนือจากนี้แสดงว่าทองยังพักฐานใหญ่ไม่จบ
โดย : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)
ทองปิดลบ จากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์กเดือนม.ค.
แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดเคลื่อนไหว Sideways
- ราคาทองคำ Spot เมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวลงเล็กน้อย โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ ซึ่งนักลงทุนซึมซับการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในเดือนมี.ค. ประกอบกับตลาดการเงินสหรัฐปิดทำการในวันจันทร์เนื่องด้วยวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ถือครองทองคำสุทธิเท่าเดิมจากเมื่อวาน
- คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์กเดือนม.ค. ตลาดคาดว่าจะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 25.0 จากระดับ 31.9
- แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,810-1,830 ดอลลาร์ โดยมีแนวต้าน 1,830 ดอลลาร์ และ 1,840 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวรับที่ 1,810 ดอลลาร์ และ 1,800 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,818.53 | +1.83 | 1,810/1,800 | 1,830/1,840 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
28,550 | -150 | 28,400/28,300 | 28,750/28,950 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
28,590 | -50 | 28,460/28,300 | 28,800/28,960 |
แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,800 ดอลลาร์ (GF 28,300 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,790 ดอลลาร์ (GF 28,220 บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,822.00 | -1.40 | 1,812/1,802 | 1,832/1,842 |
แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคา GOH22 ปรับลงมาที่ 1,802 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,792 ดอลลาร์
ค่าเงิน
ทิศทางค่าเงินบาทเมื่อวานนี้แข็งค่าต่อเนื่องจากวัปดาห์ก่อน ซึ่งค่าเงินบาทแข็งค่าไปกว่า 1.65% จากระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ ในขณะที่แนวโน้มค่าเงินบาทระยะสั้นคาดแข็งค่าได้ต่อ สำหรับ USD Futures เดือนมี.ค.65 คาดจะมีแนวรับที่ 32.70 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 33.35 บาท/ดอลลาร์
News
มูดี้ส์คาดนโยบาย Zero-Covid ของจีนส่งผลกระทบซ้ำเติมปัญหาห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
คาทรีน่า เอลล์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของมูดี้ส์ อนาไลติกส์ แสดงความคิดเห็นว่า ปัญหาติดขัดในห่วงโซ่อุปทานที่ยังคงมีอยู่นั้น มีสาเหตุหลักมาจากการที่จีนใช้นโยบายรักษาจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดให้เป็นศูนย์หรือ Zero-Covid โดยปัจจุบันปัญหาคอขวดฝั่งอุปทานได้ดำเนินมายาวนานถึงหนึ่งปีแล้ว แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ปัญหาดังกล่าวจะเริ่มคลี่คลายลงในช่วงต้นปีนี้ “การผลิตวัสดุต่าง ๆ จะเริ่มสร้างแรงกดดันขาลงต่อราคาผู้ผลิตและราคาปัจจัยการผลิต แต่นโยบาย Zero-Covid ของจีนที่ทำให้มีการปิดท่าเรือและโรงงานที่สำคัญอยู่บ่อยครั้ง ก็จะยังสร้างปัญหาติดขัดในส่วนนี้อยู่” เอลล์เผยกับผู้สื่อข่าวของในรายการ “Squawk Box Asia” ของสถานีโทรทัศน์ CNBC พร้อมกับเสริมว่า ปัจจัยนี้จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อห่วงโซ่อุปทานในปัจจุบัน เอลล์ระบุว่า นโยบาย Zero-Covid ของจีนนั้นเพิ่มความเสี่ยงขาลงให้กับห่วงโซ่อุปทานที่เริ่มฟื้นตัวตามการผลิตวัสดุ โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงอิทธิพลและความสำคัญของเศรษฐกิจจีนในเวทีโลก โดยเธอคาดว่า อัตราเงินเฟ้อและท่าทีของธนาคารกลางต่าง ๆ จะมีผลต่อตลาดอย่างมากในช่วงหลายเดือนต่อจากนี้ สำนักข่าว CNBC รายงานว่า รัฐบาลจีนได้ใช้นโยบาย Zero-Covid ตั้งแต่ที่โควิด-19 เริ่มแพร่ระบาดเมื่อต้นปี 2563 โดยมีการบังคับกักตัวและจำกัดการเดินทางอย่างเคร่งครัดเพื่อสกัดการแพร่ระบาด ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางภายในเมืองเดียวกันหรือออกนอกประเทศ มาตรการควบคุมโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการขนส่งทั่วโลก และยังได้ทำให้ปัญหาห่วงโซ่อุปทานยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ หลายฝ่ายยังเกิดความวิตกกังวลด้วยว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนที่แพร่กระจายได้ง่ายจะก่อความเสียหายซ้ำเติมภาคการขนส่งอีกครั้ง
แพทย์สหรัฐชี้ โอมิครอนทำบุคลากรโรงพยาบาลขาดแคลน ผู้ป่วยเสี่ยงเสียชีวิตเพิ่ม
ดร.ซามีร์ คาดรี แพทย์ประจำศูนย์คลินิกสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐกล่าวว่า โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนทำให้โรงพยาบาลกลายเป็นสถานที่อันตราย เนื่องจากทำให้มีผู้ป่วยล้นจนเกิดวิกฤตขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ “ความแออัดฆ่าคนได้จริง” ดร.คาดรีกล่าว ดร.คาดรีเป็นหัวหน้านักวิจัยในงานวิจัยชิ้นสำคัญในช่วงแรก ๆ ของการระบาดที่พบว่า ผู้ป่วยโควิดมีความเสี่ยงจะเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเมื่อโรงพยาบาลมีผู้ป่วยจำนวนมากจนทำให้เจ้าหน้าที่รับภาระหนัก โดย 1 ใน 4 ของการเสียชีวิตทั้งหมดอาจมีสาเหตุมาจากจำนวนผู้ป่วยที่พุ่งขึ้นดังกล่าว ดร.คาดรีกล่าวว่าแม้กระทั่งกับสายพันธุ์โอมิครอน “เมื่อถึงจุดหนึ่ง ความแออัดจะกลายเป็นเรื่องของปริมาณล้วน ๆ และเมื่อมีปริมาณผู้ป่วยสูงมาก ความแออัดก็จะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็นโควิดสายพันธุ์ไหนก็ตาม”
แบงก์ชาติจีนประกาศลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.10% ครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2564
ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประเภท 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ลง 0.10% สู่ระดับ 2.85% ใน ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2564 นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบการเงินจำนวน 2 แสนล้านหยวน (3.15 หมื่นล้านดอลลาร์) การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีขึ้นไม่นานหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานใว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 4/2564 ของจีนขยายตัวเพียง 4% เนื่องจากเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีได้ถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน โกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปี 2565 ลงสู่ระดับ 4.3% จากเดิมที่ระดับ 4.8% โดยระบุว่ารัฐบาลจีนกำลังเผชิญกับความยากลำบากมากขึ้นในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
ที่มา : gold.in.th ( 18 ม.ค. 65 )
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.