สมาคมค้าทองคำ รายงานว่า ราคาขายปลีกทองคำ (96.5%) ในประเทศเปิดตลาดเช้านี้เมื่อเวลา 09.24 น. ปรับตัวลดลงจากเมื่อวานนี้บาทละ 450 บาทตามสถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก โดยทองคำแท่ง ราคารับซื้อเข้าบาทละ 27,100.00 บาท ขายออกบาทละ 27,200.00 บาท ส่วนทองรูปพรรณ รับซื้อเข้าบาทละ 26,605.80 บาท ขายออกบาทละ 27,700.00 บาท
บทวิเคราะห์จากบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ระบุว่า ราคาทองคำวานนี้ปิดดิ่งลง 31.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ในระหว่างวันราคาทองคำแกว่งตัวรุนแรง หลังจากในช่วงต้นวันราคาทองคำพุ่งขึ้นทำระดับสูงสุดบริเวณ 1,958.95 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่จะดิ่งลงแรงเกือบ 60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากปัจจัยต่าง ๆ อาทิ
- (1) แรงขายทางเทคนิคหลังจากเมื่อวานนี้เกิดสัญญาณ Bearish RSI Divergence ในกราฟทางเทคนิค
- (2) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งสูงกว่า 1% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน มี.ค. จากการคาดการณ์ว่าชัยชนะในการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกในรัฐจอร์เจียของพรรคเดโมแครต จะทำให้รัฐบาลสหรัฐต้องออกตราสารหนี้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณสำหรับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ ซึ่งการพุ่งขึ้นของบอนด์ยีลด์กดดันทองในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ย
- (3) การทะยานขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐ ขานรับผลการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกในรัฐจอร์เจีย ซึ่งกดดันให้เกิดแรงขายสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ
- (4) วัคซีนต้านไวรัส COVID-19 ของโมเดอร์นาได้รับการอนุมัติจากสำนักงานยาแห่งยุโรป (EMA) ให้ใช้ในสหภาพยุโรป
- (5) ดัชนีดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ มี.ค.ปี 2018 ที่ 89.209 ซึ่งลงไปทดสอบในระหว่างวัน
“ปัจจัยที่กล่าวมา กดดันให้ราคาทองคำร่วงลงแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,901 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่ราคาทองคำจะดีดตัวขึ้นเกือบ 20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังเกิดเหตุกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์ ได้บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาสหรัฐ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง” บทวิเคราะห์ระบุ
สำหรับวันนี้ ติดตามการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และดัชนี PMI ภาคการบริการจาก ISM
โดยวันนี้แนะนำว่า หากราคาทองคำไม่สามารถยืน 1,966 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ให้แบ่งทองคำออกขายเพื่อทำกำไรบางส่วน แต่หากผ่านได้ให้ชะลอการขายออกไป และเมื่อราคาอ่อนตัวลงให้เข้าซื้อบริเวณแนวรับ 1,934-1,921 ดอลลาร์ต่อออนซ์