โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด
คำแนะนำ : ทองจ่อเทส 1800 อีกรอบยืนได้มีลุ้น คืนนี้จับตาเงินเฟ้อ USA
แนวรับ 1791 / 1780/ 1775 แนวต้าน 1800/1810/1825
Gold/silver USD Baht DOW (stock)
ระยะสั้น SW/SW UP SW SW SWDOWN
ระยะกลาง SW/SW UP SW SW SW UP
ระยะยาว BULLISH Neutral NEUTRAL BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS 1780-1810
จุดเข้า BUY 1775-85
เป้าหมาย 1810-30
SL 1770รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1770-1890
จุดเข้า BUY 1780-90 เป้าหมาย 1830/ 1875
SL 1770
บทวิเคราะห์ : ทองยังเคลื่อนไหวแคบๆแต่เอียงไปทางรีบาวด์หลังค่าเงินและ BOND YIELD สหรัฐฯอ่อนค่า โดยทองจะกลับมาเป็นขาขึ้นต้องยืน $1800 แล้วผ่าน $1830 ให้ได้ ในมุมกลับหากราคาหลุด $1775-80 ทองจะลงต่อ ตอนนี้ตลาดรอ FOMC ในคืนพุธหน้าชี้ชะตาอนาคตทอง โดยทิศทางทองตอนนี้สอดคล้องกับตลาดหุ้นและตรงข้ามกับค่าเงินดอล์ล่าห์ คาดว่าราคาทองพักสะสมพลังเป็นเฟสท้ายๆเพื่อขึ้นต่อตามภาวะเงินเฟ้อและใกล้เทศกาลแต่งงานอินเดียและปีใหม่ นักลงทุนต้องอดทนการถือน้องทองไปก่อนจนเวลาที่เจ้าจะลากขึ้นแรงๆ ถ้าเฟดยังผ่อนคลายท่าทีแบบนี้
คืนนี้มีดัชนีเงินเฟ้อสหรัฐฯประกาศ คาดว่าจะลดลงหรือเท่าเดิมซึ่งน่าจะดีกับทอง เพราะเฟดจะได้ไม่ถูกกดดันให้เร่งขึ้นดอกเบี้ย กลยุทธ์ลงทุนทองช่วง SIDEWAYS แบบนี้ แนะเทรดสั้นตามกรอบสวิง 10-25 เหรียญ ย่อซื้อขึ้นขายตามสูตร และหนีถ้าราคาหลุด $1780 /1770
โดย : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด
Fundamental
- OPEC ปรับเพิ่มคาดการณ์ความต้องการน้ำมันโลกในปีหน้าจากตัวเลขเมื่อเดือนก่อนที่ 3.3 ขึ้นมาเป็น 4.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันต่อวันโดยรวมของทั่วโลกปรับขึ้นมาเป็น 100.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด
- ราคาทองคำแกว่งอยู่ในกรอบจำกัดเพื่อรอดูตัวเลขเงินเฟ้อในคืนนี้ แม้ว่าจะมีความชัดเจนค่อนข้างมากแล้วว่า Fed จะเริ่มต้นปรับลดวงเงิน QE ในปีนี้ก็ตาม
Technical
- ยังไม่มีสัญญาณชัดเจนว่าจะเลือกทางไหน แต่การที่ราคาทรงตัวอยู่ใต้เส้น MAจึงให้น้ำหนักการเลือกทางทางลงมากกว่า
- เส้น MAยังคงเป็นแนวต้านสำคัญในระยะสั้น ดังนั้น การเบรกขึ้นไปได้ก็ควรต้องยืนเหนือเส้น MA และแนว 1,800 ให้ได้ด้วย จึงจะมีสัญญาณยืนยันการกลับตัวเป็นขาขึ้น แต่ถ้าหลุด 1,780 ให้ระวังลงแรง
- ทิศทางวันนี้1,780-1,800 รอเบรก
- จับจังหวะเล่นยังไง?เก็งกำไรในกรอบ 1,780-1,800 และเปลื่ยนมา breakout follow ทันทีที่ออกจากกรอบ
Attention
- สัปดาห์นี้ จับตาประกาศข้อมูลเศรษฐกิจจีน เพราะมีผลต่อราคาน้ำมันในฐานะอุปสงค์สำคัญท่ามกลางภาวะอุปทานที่ยังไม่ฟื้นจากพายุไอดาในสหรัฐฯ
- เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้ากำลังแพร่กระจายทั่วโลก และยังไม่มีวิธีหรือวัคซีนใดที่ป้องกันได้ผลชัดเจน
- เชื้อโควิดสายพันธุ์มิวกำลังแพร่กระจายทั่วสหรัฐฯ
โดย : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)
ทองคำปรับขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
คืนนี้สหรัฐจะประกาศดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนส.ค.
ราคาทองคำคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,780-1,800 ดอลลาร์
- ราคาทองคำSpot เมื่อวานปรับขึ้นเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ดีการแข็งค่าของเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำและทำให้ราคาทองคำไม่สามารถยืนที่เหนือระดับ 1,800 ดอลลาร์ได้ ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ซื้อทองคำ2.04 ตันเมื่อวาน หลังจากขายทองคำ 0.35 ตันโดยในสัปดาห์ผ่านมา
- คืนนี้สหรัฐจะประกาศดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนส.ค. ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบรายปี หลังจากสหรัฐประกาศดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบรายปีซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อสหรัฐยังคงเร่งตัวสูงขึ้นและอาจจะทำให้นักลงทุนกังวลว่าเฟดจะเร่งปรับลดวงเงินมาตรการ QE และเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ1,780-1,800 ดอลลาร์ซึ่งทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,780 ดอลลาร์และ 1,770 ดอลลาร์ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,800 ดอลลาร์และ 1,810-1,815 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,793.30 | +5.78 | 1,780/1,770 | 1,800/1,810 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
27,850 | +50 | 27,700/27,550 | 27,900/28,050 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
28,030 | +30 | 27,820/27,700 | 28,050/28,200 |
เทรดดิ้งระยะสั้นแนะนำซื้อขายตามกรอบราคาทอง Spot ระหว่าง 1,780-1,800ดอลลาร์(GF27,820-28,050บาท) รวมทั้งแนะนำเปิดสถานะขายเมื่อราคาทอง Spot ปรับขึ้นมาที่บริเวณ 1,810ดอลลาร์ (GF 28,200บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,815ดอลลาร์ (GF 28,260บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,794.20 | +3.80 | 1,781/1,771 | 1,801/1,811 |
เทรดดิ้งระยะสั้นแนะนำซื้อขายตามกรอบราคา GOU21ระหว่าง 1,781-1,801ดอลลาร์รวมทั้งแนะนำเปิดสถานะขายเมื่อราคา GOU21ปรับขึ้นมาที่บริเวณ 1,811ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,816ดอลลาร์
ค่าเงิน
ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดอ่อนค่าลงเล็กน้อยทั้งนี้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐในวันนี้ เพื่อจับทิศทางอัตราเงินเฟ้อและแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ซึ่งUSD Futures เดือนก.ย.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 32.80 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน32.90-33บาท/ดอลลา
News
ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์แข็งค่าก่อนสหรัฐเผยดัชนีCPI วันนี้
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (13 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันนี้เพื่อจับทิศทางอัตราเงินเฟ้อและแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.11% แตะที่ 92.6755 เมื่อคืนนี้
ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดบวก $2.3 วิตกไวรัสเดลตาหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (13 ก.ย.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างไรก็ดีการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดแรงบวกในตลาดและทำให้สัญญาไม่สามารถยืนที่เหนือระดับ 1,800 ดอลลาร์ทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.3 ดอลลาร์หรือ 0.13% ปิดที่ 1,794.4 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 10.4 เซนต์หรือ 0.44% ปิดที่ 23.796 ดอลลาร์/ออนซ์
ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดบวก 73 เซนต์รับข่าวพายุกระทบการผลิตน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 70 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 6 สัปดาห์เมื่อคืนที่ผ่านมา (13 ก.ย.) โดยได้รับปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่าแหล่งผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกยังคงได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนไอดานอกจากนี้ตลาดยังคาดการณ์ว่าการผลิตน้ำมันในรัฐเท็กซัสอาจได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนนิโคลัสที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นสัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 73 เซนต์หรือ 1.1% ปิดที่ 70.45 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.ปีนี้สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 59 เซนต์หรือ 0.8% ปิดที่ 73.51 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค.ปีนี้
ตลาดหุ้นต่างประเทศ : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 261.91 จุดรับแรงซื้อหุ้นพลังงาน-จับตาCPI สหรัฐ
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา (13 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานรวมทั้งหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจเช่นกลุ่มธุรกิจเรือสำราญและกลุ่มสายการบินขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค.ของสหรัฐในวันนี้รวมทั้งการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 21-22 ก.ย. ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,869.63 จุดเพิ่มขึ้น 261.91 จุดหรือ + 0.76% ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,468.73 จุดเพิ่มขึ้น 10.15 จุดหรือ + 0.23% ดัชนีNasdaqปิดที่ 15,105.58 จุดลดลง 9.91 จุดหรือ -0.07%
สื่อสหรัฐจับตาประชุมเฟด21-22ก.ย.นี้คาดส่งสัญญาณลดQE เดือนพ.ย.
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลคาดการณ์ว่าเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะพยายามหาทางบรรลุข้อตกลงในการเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนพ.ย. ในการประชุมซึ่งจะมีขึ้นในวันที่21-22ก.ย.นี้วอลล์สตรีทเจอร์นัลคาดการณ์ว่านายเจอโรมพาวเวลประธานเฟดอาจใช้โอกาสในการประชุมวันที่21-22ก.ย.นี้เพื่อส่งสัญญาณว่าคณะกรรมการเฟดจะเริ่มกระบวนการปรับลดวงเงินQE ในการประชุมนัดถัดไปในวันที่2-3พ.ย.นี้วอลล์สตรีทเจอร์นัลยังระบุด้วยว่าภายใต้แผนการที่เริ่มชัดเจนขึ้นคณะกรรมการเฟดอาจปรับลดวงเงินQE อย่างค่อยเป็นค่อยไปจนสามารถยุติการทำQE ได้ทั้งหมดภายในช่วงกลางปี2565 ที่ผ่านมานั้นเฟดได้ให้คำมั่นว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับใกล้0%และจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการQE ต่อไปอย่างน้อยในระดับปัจจุบันที่1.2แสนล้านดอลลาร์/เดือนจนกว่าการจ้างงานและเงินเฟ้อจะขยายตัวอย่างยั่งยืนทางด้านคณะกรรมการเฟดหลายรายได้ให้สัมภาษณ์เมื่อเร็วๆนี้ว่าเฟดอาจเริ่มปรับลดวงเงินQE ในปีนี้ซึ่งรวมถึงนางลอเรตตาเมสเตอร์ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ซึ่งสนับสนุนให้เฟดเริ่มปรับลดวงเงินQE ในปีนี้แม้สหรัฐมีการจ้างงานที่อ่อนแอในเดือนส.ค.ก็ตาม
เกาหลีเหนืออ้างประสบความสำเร็จทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลรุ่นใหม่
สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาลเกาหลีเหนือรายงานในวันนี้ว่าเกาหลีเหนือประสบความสำเร็จในการทดสอบยิงขีปนาวุธร่อนพิสัยไกล (long-range cruise missile) รุ่นใหม่ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยขีปนาวุธรุ่นใหม่ซึ่งพัฒนาโดยสถาบันวิทยาศาสตร์ด้านกลาโหมของเกาหลีเหนือนั้นสามารถทำลายเป้าหมายที่อยู่ไกลประมาณ1,500กิโลเมตร (930ไมล์)
KCNA ระบุว่าเกาหลีเหนือได้ทำการทดสอบยิงขีปนาวุธร่อนพิสัยไกลรุ่นใหม่เมื่อวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ผ่านมาโดยขีปนาวุธดังกล่าวได้รับการยืนยันในด้านประสิทธิภาพและความแม่นยำพร้อมระบุว่าเกาหลีเหนือมีความคืบหน้าอย่างมากในการพัฒนาขีปนาวุธในช่วง2ปีที่ผ่านมาการทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เกาหลีเหนือได้แสดงท่าทีไม่พอใจสหรัฐที่เดินหน้าซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้โดยเมื่อไม่นานมานี้นายคิมยงชอลเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือได้ออกมาเตือนว่าเกาหลีใต้และสหรัฐตอบแทนความหวังดีของเกาหลีเหนือด้วย “การกระทำอันเป็นปรปักษ์” และยังกล่าวด้วยว่าเกาหลีใต้เลือกที่จะพลาดโอกาสในการยกระดับความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น
อดีตทูตสหรัฐคาดจีนจะรักษาสัมพันธ์กับกลุ่มตาลีบันอย่างระมัดระวัง
อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงปักกิ่งคาดการณ์ว่าจีนจะรักษาความสัมพันธ์กับอัฟกานิสถานอย่างระมัดระวังและเป้าหมายหลักของจีนคือการร่วมมือกับกลุ่มตาลีบันในการรักษาความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนนายแม็กซ์เบาคัสอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศจีนให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า “จีนจะไม่พยายามเข้ายึดครองอัฟกานิสถานเหมือนที่ประเทศอื่นๆรวมถึงสหรัฐเคยทำ” พร้อมเสริมว่าจีนกังวลเกี่ยวกับการโจมตีของผู้ก่อการร้ายที่อาจใช้อัฟกานิสถานเป็นฐานที่มั่นความกังวลหลักของจีนคือเตอร์กิสถานตะวันออกซึ่งรัฐบาลจีนจะร่วมมือกับกลุ่มตาลีบันเพื่อสร้างหลักประกันว่าอัตราการก่อการร้ายในอัฟกานิสถานจะอยู่ในระดับที่ต่ำมากโดยเขากล่าวถึงกลุ่มหัวรุนแรงอุยกูร์ภายใต้ชื่อขบวนการอิสลามเตอร์กิสถานตะวันออก (East Turkestan Islamic Movement)อดีตเอกอัครราชทูตกล่าวเสริมว่าพัฒนาการในอัฟกานิสถานจะเป็นบททดสอบของสหรัฐในขณะที่อิทธิพลทางการทหารและการเมืองของสหรัฐลดลงในเวทีโลกหลังจากที่ถอนกำลังทหารออกจากอัฟกานิสถานส่งผลให้ประเทศอื่นๆเช่นจีนเข้ามาเติมเต็มช่องว่างดังกล่าว “นี่จะเป็นการทดสอบสหรัฐ” นายเบาคัสกล่าว “เรายังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนสำหรับจีนและการถอนตัวครั้งนี้จะทำให้การพัฒนานโยบายเชิงกลยุทธ์ที่มีต่อจีนมีความซับซ้อนมากขึ้น”
โดย : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)
คำแนะนำ :
เน้นเก็งกำไรจากการแกว่งตัว โดยเปิดสถานะขายที่แนวต้านบริเวณ 1,800-1,802 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาขยับลงควรแบ่งปิดสถานะขายเพื่อทำกำไรบางส่วนหากราคาทองคำไม่หลุดแนวรับโซน 1,782-1,775 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าหลุดสามารถถือสถานะขายต่อ
แนวรับ : 1,775 1,757 1,740 แนวต้าน : 1,802 1,816 1,833
ปัจจัยพื้นฐาน :
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.78 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ว่าในระหว่างวันราคาทองคำจะได้รับแรงกดดันจากดัชนีดอลลาร์ที่แข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์จากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะเดินหน้าปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงินภายในปีนี้ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลกดดันให้ราคาทองคำร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดในระหว่างวันบริเวณ 1,784.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี ราคาทองคำฟื้นตัวในเวลาต่อมา โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อ Buy the dip ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ และปิดตลาดด้วยการอ่อนค่าลง -0.02% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ10ปีร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดที่1.314%ก่อนที่สหรัฐจะเผยข้อมูลเงินเฟ้อของผู้บริโภคในวันนี้โดยนักลงทุนมีการปรับสถานะการลงทุนในดอลลาร์และพันธบัตรเพื่อรอดูทิศทางอัตราเงินเฟ้อเพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,798.22 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่ม +2.04 ตัน สู่ระดับ 1,000.21 ตัน ซึ่งเป็นการถือครองทองคำเพิ่มเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค. สำหรับวันนี้จับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)ของสหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาทองคำในช่วงประกาศตัวเลขเคลื่อนไหวผันผวนได้
ปัจจัยทางเทคนิค :
ระหว่างวันหากราคาทองคำไม่ผ่าน1,800-1,802 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จะมีโอกาสเกิดแรงขายกลับมากดดันราคาเพิ่ม อาจเห็นการอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับระดับ 1,782-1,775 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากสามารถยืนเหนือระดับดังกล่าวได้อาจจะเกิดแรงซื้อสลับเข้ามาพยุงราคาไว้
กลยุทธ์การลงทุน :
เน้นทำกำไรระยะสั้นโดยเปิดสถานะขาย โดยใช้บริเวณ 1,800-1,802 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตัดขาดทุนหากผ่าน1,816 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่หากราคาอ่อนตัวลงแนะนำทยอยแบ่งปิดสถานะขายทำกำไรตั้งแต่ราคา 1,782-1,775 ดอลลาร์ต่อออนซ์เพื่อรอเข้าซื้อใหม่เมื่อราคาอ่อนตัวแต่ถ้าหลุดได้สามารถถือสถานะขายต่อ
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) “วอลมาร์ท” โต้เฟคนิวส์ ยันไม่มีการรับ litecoinชำระค่าสินค้าวอลมาร์ท อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกใหญ่ที่สุดในโลก ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข่าวที่ว่า ทางบริษัทพร้อมรับ litecoinจากลูกค้าสำหรับการชำระค่าสินค้าที่ซื้อผ่านระบบออนไลน์ โฆษกของวอลมาร์ทระบุว่า ข่าวดังกล่าวไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด ทั้งนี้ litecoinซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล พุ่งขึ้นถึง 27.4% ในวันนี้ ขานรับข่าวลือดังกล่าว ก่อนที่จะชะลอตัวลงมาบวกเพียง 5% หลังจากที่วอลมาร์ทออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว
- (-) ดอลล์แข็งค่า ก่อนสหรัฐเผยดัชนี CPI วันนี้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อจับทิศทางอัตราเงินเฟ้อและแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.11% แตะที่ 92.6755 เมื่อคืนนี้ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.00 เยน จากระดับ 109.89 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9228 ฟรังก์ จากระดับ 0.9178 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2667 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2658 ดอลลาร์แคนาดา ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1803 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1815 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3831 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3845 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7360 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7364 ดอลลาร์
- (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 261.91 จุด รับแรงซื้อหุ้นพลังงาน-จับตา CPI สหรัฐดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน รวมทั้งหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มธุรกิจเรือสำราญและกลุ่มสายการบิน ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค.ของสหรัฐในวันนี้ รวมทั้งการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 21-22 ก.ย. ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,869.63 จุด เพิ่มขึ้น 261.91 จุด หรือ + 0.76% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,468.73 จุด เพิ่มขึ้น 10.15 จุด หรือ + 0.23% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,105.58 จุด ลดลง 9.91 จุด หรือ -0.07%
- (-) อินเดียเผยดัชนี CPI ปรับตัวลงสู่ 5.30% ในเดือนส.ค.สำนักงานสถิติแห่งชาติของอินเดีย (NSO) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวลงสู่ระดับ 5.30% ในเดือนส.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.60% หลังจากแตะระดับ 5.59% ในเดือนก.ค.
- (+/-) ผู้เชี่ยวชาญชี้การฉีดวัคซีนโควิดเข็ม 3 ยังไม่จำเป็นในขณะนี้The Lancet ซึ่งเป็นวารสารทางการแพทย์ รายงานว่า การฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 แก่ประชาชนโดยทั่วไปเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังไม่มีความจำเป็นในขณะนี้ บทความดังกล่าวมาจากมุมมองของนักวิทยาศาสตร์ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญหลายคนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) และองค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานระบุว่า การพิจารณาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ได้ข้อสรุปว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็น ขณะที่ผลการศึกษาบ่งชี้ว่าวัคซีนที่มีการฉีดในสหรัฐยังคงมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการเจ็บป่วยที่รุนแรง และการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา นอกจากนี้ แม้ว่าประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันอาการเจ็บป่วยที่ไม่รุนแรงจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป แต่ร่างกายก็ยังคงมีระบบภูมิคุ้มกันอื่นๆ นอกเหนือจากแอนติบอดี ในการป้องกันโรคต่างๆ
- (+/-) โอเปกหั่นคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันใน Q4/64จากพิษเดลตากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกในไตรมาส 4 ของปีนี้ โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ทั้งนี้ ในรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนก.ย. โอเปกได้ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกในไตรมาส 4 สู่ระดับ 99.7 ล้านบาร์เรล/วัน โดยลดลง 110,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ในรายงานเดือนส.ค.นอกจากนี้ โอเปกยังระบุว่าการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมันจะล่าช้าออกไปจนกว่าจะถึงปี 2565
โดย : บริษัท จีแคป จำกัด
แนวโน้มราคาทองคำช่วงเช้า
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งจะสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้
มุมมองทองคำภาคเช้า ทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ก.ย.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ดีการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดแรงบวกในตลาดและทำให้สัญญาไม่สามารถยืนที่เหนือระดับ 1,800 ดอลลาร์ นักลงทุนรอการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค.ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อยืนยันทิศทางเงินเฟ้อในสหรัฐรวมทั้งจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 21-22 ก.ย. เพื่อหาสัญญาณการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ซึ่งได้แก่ ดัชนีภาคการผลิตสาขานิวยอร์ก ดัชนีราคาสินค้านำเข้า ดัชนีราคาสินค้าส่งออก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน ดัชนีภาคการผลิตจากเฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย ยอดค้าปลีก ดัชนีสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.มิชิแกน เป็นต้น
สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อจับทิศทางอัตราเงินเฟ้อและแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
แนะแนวทางการลงทุน
แนวรับ 1,776 – 1,769- 1,764
แนวต้าน 1,800 – 1,805 – 1,810
ราคาทองคำระยะสั้นยังเคลื่อนไหวภายในกรอบแคบ การรีบาวน์ทำได้ในวงจำกัด แรงกดดันจากปัจจัยทางเทคนิคและสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าหลังอัตราผลตอบแทนดีดตัวสูงขึ้นยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดนักลงทุนอาจพิจารณาปิดสถานะทำกำไรที่กรอบแนวต้าน โดยเน้นทำกำไรรอบสั้น ๆ
โดย : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำยังแกว่งตัวในกรอบ 1,785 – 1,790 เหรียญ ภาพรวมตลาดมีการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากรอความชัดเจนของตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯในคืนนี้ รวมถึงการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้าระหว่าง 21-22 ก.ย. ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ยังคงแข็งค่า และทรงตัวได้เหนือ 92 จุด ทางด้านเงินบาทขยับอ่อนค่ามาบริเวณ 32.90 บาท/ดอลลาร์ ทางด้านกองทุนทองคำ SPDR ซื้อทองคำเพิ่ม 2.04 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำเพิ่มขึ้นมาบริเวณ 1,000.21 ตัน สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯที่ต้องจับตาในคืนนี้ ได้แก่ CPI ที่คาดว่าจะขยายตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าเล็กน้อย ทางด้าน Core CPI คาดจะทรงตัว
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำยังเคลื่อนไหว Sideways ในกรอบ โดยราคายังเคลื่อนตัวบริเวณเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นและกลางบริเวณ 1,790 เหรียญ ซึ่งวันนี้คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวใกล้เคียงเดิม โดยจะมีแนวรับ 1,780 เหรียญ และแนวต้าน 1,800 เหรียญ ทางด้าน Gold Comex และ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบ 1,782 – 1,800 เหรียญ สำหรับทองคำไทยวันนี้คาดเปิดปรับขึ้น 50 บาท/บาททองคำ
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
แนะนำเล่นสั้นๆ ทำกำไรในกรอบ โดยตลาดรอข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯคืนนี้
– นักลงทุนที่ถือ Long Position
ลงซื้อขึ้นขาย เน้นบริหารพอร์ตก่อนทราบข้อมูล CPI สหรัฐฯคืนนี้
– นักลงทุนที่ถือ Short Position
แนะนำเล่นสั้นในกรอบ ควรบริหารพอร์ตสมดุล หากทองคำรีบาวน์เหนือ 1,800 เหรียญแนะนำทำ Stop Loss
Gold Futures 10V21 จะมีแนวรับที่ระดับ 27,850 บาท และแนวต้านที่ระดับ 28,150 บาท
โดย : บริษัท ที.ดี.ซี. โกลด์ จำกัด
ตลาดหุ้นเริ่มส่งสัญญาณทรงตัว การปรับตัวลดลงและสูงขึ้นเป็นไปอย่างจำกัด ไม่ได้มีปัจจัยอะไรใหม่ๆเข้ามา มีปัจจัยบวกเล็กน้อยคือวัคซีน COVID-19 ของ Pfizer ถูกคาดว่าจะได้รับอนุมัติให้ใช้กับเด็กอายุตั้งแต่ 5-11 ปีได้เป็นครั้งแรกภายในสิ้นเดือนต.ค.2021 แต่ราคาหุ้นก็ไม่ได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นแต่อย่างใด ทางฝั่งทิศทางราคาทองคำทรงตัวอยู่ในกรอบเป็นวันที่ 4 เช่นเดียวกับตลาดหุ้นที่ยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน แต่ด้วยแรงกดดันจาก QE tapering มองว่าราคาทองคำจะยังคงได้รับปัจจัยลบในช่วงนี้
ที่มา : gold.in.th ( 14 ก.ย. 64 )