โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด
แนวรับ 1740/ 1730/ 1725 แนวต้าน 1775|1785|1795
Gold/silver USD Baht DOW (stock)
ระยะสั้น SW SW DOWN SW up SW
ระยะกลาง SW/SW UP SW SW SW UP
ระยะยาว BULLISH Neutral NEUTRAL BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS 1740-80
จุดเข้า BUY 1740-45
เป้าหมาย 1770-1800
SL 1739รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1720-1835
จุดเข้า BUY 1725-50 เป้าหมาย 1830/ 1850
SL 1700
บทวิเคราะห์ : ทองโดนเทขายอย่างต่อเนื่อง โดยเล่นข่าวกังวลเฟดจะลด QE ในเดือนพย.นี้ และเอเวอร์แกรนด์มีเงินจ่ายหนี้ชุดแรกเมื่อวานนี้ได้ (แต่ในเดือนหน้ายังคิวจ่ายอีกเยอะ) จับตาแนวจิตวิทยา $1750 ถ้ายืนได้ให้น้ำหนักทางบวกหรือการรีบาวด์ ในกรณีปิดต่ำกว่า $1740 จะถือว่าเสียหายและเสี่ยงที่ราคาจะโดนลากลงไป $ 1725 อย่างไรก็ตามทองยังได้ข่าวดีหนุนจากความไม่แน่นอนเรื่องอื่นจึงมองเป็นการพักฐานเพื่อไปต่อในระยะกลาง / ในทางเทคนิคราคาทองดูน่าเบื่อไม่ไปไหนไกลแกว่งไปมาคล้ายสะสมพลังเพื่อรอการเลือกข้าง เป็นลักษณะคล้าย H&S หัวกลับ โดยพิจารณาจากแนวรับ $1740 และต้าน $1800
คืนนี้มีตัวเลขน่าสนใจหลายตัว แต่ที่สำคัญคือการโหวตขยายเพดานหนี้โดยรัฐสภาสหรัฐฯสุดสัปดาห์หรือก่อนสิ้นเดือนนี้ เพื่อไม่ให้วันที่ 1 ตุลาคมนี้ USA ขาดงบประมาณจ่ายเงินเข้าระบบ ซึ่งจะเป็นบวกกับทาองถ้าการโหวตเลื่อนออกไป /กลยุทธ์การลงทุน แนะทาง BUY ช่วงย่อตัวสะสม เพื่อลุ้นการรีบาวด์แบบช่วงที่ผ่านมาไปก่อน โดยชะลอการซื้อถ้าราคายืน $1750 ไม่ได้
โดย : บริษัท จีแคป จำกัด
แนวโน้มราคาทองคำช่วงเช้า
เงินบาทอ่อนค่า รับสัญญาณเฟดเตรียมจบ QE กลางปีหน้า และรอจังหวะเหมาะสมสำหรับการขึ้นดอกเบี้ย ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงดอกเบี้ยและวงเงิน QE ตามเดิม อย่างไรก็ดีประธานเฟด ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะเริ่มลดวงเงินซื้อพันธบัตรผ่านมาตรการ QE ในเดือนพ.ย. 2564 นี้ และมาตรการ QE จะสิ้นสุดลงในกลางปี 2565
มุมมองทองคำภาคเช้า ทองคำร่วงลงอย่างหนัก หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งการดีดตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในไม่ช้า หากเศรษฐกิจมีความคืบหน้าตามที่คาดการณ์ไว้ แถลงการณ์การประชุมยังระบุด้วยว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่คาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นในปี 2565 ซึ่งเร็วกว่าถึง 1 ปี เมื่อเทียบกับคาดการณ์เดิมในเดือนมิ.ย. ซึ่งกรรมการเฟดคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 นอกจากนี้นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ซึ่งได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ เป็นต้น
สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในไม่ช้า
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ เฟดส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในไม่ช้า จากปัจจุบันที่เฟดทำ QE อย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน ซึ่งเฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์/เดือน
แนะแนวทางการลงทุน
แนวรับ 1,734- 1,728- 1,723
แนวต้าน 1,756–1,761– 1,766
ทองคำอ่อนตัวลงเมื่อคืนที่ผ่านมาหลังเฟดส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในไม่ช้า นอกจากนี้ กรรมการเฟดส่วนใหญ่คาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นในปี 2565 ซึ่งเร็วกว่าถึง 1 ปี ทำให้ดอลลาร์แข็งค่า สร้างแรงกดดันราคาทองคำอีกครั้ง มองรีบาวน์ระหว่างวัน
โดย : บริษัท ที.ดี.ซี. โกลด์ จำกัด
ราคาทองคำปรับตัวลดลงมาสู่แนวรับสำคัญบริเวณ $1750 แล้วเกิดสัญญาณเทคนิคัลรีบาวน์ขึ้น ซึ่งถือว่ายังเป็นปัจจัยบวกช่วยชะลอการลงของราคาทองคำในช่วงนี้ได้ดัชนีหุ้นในภาพรวมปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกันเป็นส่วนใหญ่ ตลาดเริ่มไม่มีปัจจัยใดๆเข้ามาในระยะสั้นนี้ทำให้การเคลื่อนไหวคาดว่าจะเป็นไปอย่างเบาบาง เมื่อคืนนี้ค่าเงินดอลลาร์ส่งสัญญาณอ่อนค่าแรงเป็นวันแรกซึ่งจะช่วยเป็นปัจจัยบวกให้กับราคาทองคำจึงมองว่าแนวรับ $1750 หลังการประชุม FOMC เดือนนี้จะเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง
โดย : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้กว่า 20 เหรียญ ท่ามกลางความผันผวนในระบบการเงิน แม้ว่าดัชนีดอลลาร์จะปรับลงก็ตาม แต่กระแสความกังวลที่เฟดจะเริ่มมีการทำ Tapering QE ในเดือนพ.ย. ร่วมกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดก็ยังเป็นตัวที่กดดันราคาทองคำอยู่ ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงมาเมื่อวานนี้ที่ 93.46 จุด เช้านี้อยู่ที่ 93.10 จุด จากตัวเลขเศรษฐกิจอ่อนตัวลงบ้างเล็กน้อย ได้แก่ Unemployment Claims สูงขึ้นกว่าคาด,Flash Manufacturing PMI และ Flash Services PMI ปรับตัวลดลง สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้ ได้แก่ New Home Sale คาดว่าจะออกมาเพิ่มขึ้น ด้านค่าเงินบาทเองปรับแข็งค่าขึ้นอย่างมากในช่วงบ่ายเมื่อวานนี้ โดยปรับลงจาก 33.50 บาท/ดอลลาร์ มาที่ 33.40 บาท/ดอลลาร์ลงไปทำต่ำสุดที่ระดับ 33.18 บาท/ดอลลาร์ โดยเช้านี้ทดสอบ 33.40 บาท/ดอลลาร์อีกครั้ง ท่ามกลางการแกว่งตัวของค่าเงินบาทค่อนข้างมาก ขณะที่ประเด็น Evergarnde พบว่าจีนส่งสัญญาณที่จะปล่อยให้บริษัทล้มละลาย ด้านกองทุน SPDR เทขายทองคำออก 8.14 ตัน โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 992.65 ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. 2020 ที่ผ่านมา
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำเข้าสู่แนวโน้มขาลงตามที่ได้วิเคระาห์ไปก่อนหน้านี้ โดยภาพรวมราคายังสร้าง New Low ที่บริเวณ 1,737 เหรียญ ซึ่งเป็นต่ำสุดในรอบกว่า 1 เดือน ขณะที่สัญญาณทางเทคนิคทั่วไปเป็นสัญญาณขาลง วันนี้คาดว่าจะมีแนวรับที่ระดับ 1,735 แนวต้านที่ระดับ 1,770 เหรียญ ทางด้าน Gold Comex คาดจะมีแนวรับ 1,730 เหรียญ และแนวต้าน 1,770 เหรียญ ด้านราคาทองคำไทยคาดจะเห็นการปรับลงราว 150 บาท/บาททองคำ สำหรับวันนี้ตลาด TFEX ปืดทำการเนื่องจากเป็นวันหยุดพิเศษ(เพิ่มเติม)
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
หาจังหวะเปิดสถานะ Short บริเวณแนวต้าน ภาพรวมราคาทองคำยังเป็นขาลง
– นักลงทุนที่ถือ Long Position
หาจังหวะลดสถานะลงบางส่วน เพื่อลดความเสี่ยงจากราคทองคำยังเป็นทิศทางขาลง
– นักลงทุนที่ถือ Short Position
Let Profit Run คาดราคาทองคำยังปรับตัวลดลงได้
ที่มา : gold.in.th ( 24 ก.ย. 64)