ราคาทองวันนี้ ข่าวทองคำ

วิเคราะห์ราคาทองคำ 23 พ.ย.63(ภาคเช้า) by YLG?

449

- Advertisement -

Mr.Gold

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

เน้นการซื้อขายเก็งกำไรระยะสั้น โดยเข้าซื้อในบริเวณ 1,860-1,849 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,849 ดอลลาร์ต่อออนซ์) พิจารณาขายเพื่อหวังทำกำไรช่วงสั้นหากไม่ผ่านแนวต้าน 1,879-1,890 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,849 1,834 1,821  แนวต้าน : 1,879 1,890 1,899

- Advertisement -

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น  3.21 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ในระหว่างการซื้อขายในตลาดเอเชียราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบแคบ  ก่อนที่จะพุ่งขึ้นแรงหลังนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐให้สัมภาษณ์ในรายการ“ Squawk on the Street” ของ CNBC ว่า  “กระทรวงการคลังและธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)มีอาวุธ(เครื่องมือ)มากเพียงพอที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจต่อไป”  นอกจากนี้  ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการที่นายมนูชินระบุว่า  “เขาและแกนนำพรรครีพับลิกันจะหารือกันเพื่อร่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ร่วมกับพรรคเดโมแครตในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า”  ถ้อยแถลงดังกล่าวสร้างความหวังว่าจะมีเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นในอนาคต  ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและการอ่อนค่าของสกุลเงิน ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดบริเวณ  1,879.89 ดอลลาร์ต่อออนซ์  อย่างไรก็ดี  การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำยังเป็นไปอย่างจำกัด  เนื่องจากความคืบหน้าเกี่ยวกับวัคซีนต้าน COVID-19 ยังคงบั่นทอนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยต่อเนื่อง  โดยไฟเซอร์ แถลงในวันศุกร์ว่า ทางบริษัทได้ยื่นเรื่องสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ(FDA) เพื่อขออนุมัติการใช้วัคซีนเป็นกรณีฉุกเฉิน  ขณะที่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา FDA ได้อนุมัติให้สามารถใช้แอนติบอดีของบริษัท Regeneron เพื่อรักษาผู้ป่วย COVID-19 ในกรณีฉุกเฉิน  ซึ่งความคืบหน้าดังกล่าวส่งผลให้เกิดแรงขายทำกำไรในทองคำสลับออกมา  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองเพิ่ม +2.92 ตันสู่ระดับ 1,220.17 ตันซึ่งเป็นการกลับมาถือครองทองคำเพิ่มเป็นครั้งแรกในรอบ 2 สัปดาห์  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของสหรัฐ

จจัยทางเทคนิค :

หลังจากราคาทองคำทดสอบแนวรับโซน 1,860 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ระดับต่ำสุดของวันก่อนหน้า)หากสามารถยืนได้จึงเกิดแรงซื้อพยุงราคาไว้  หลายครั้งที่ราคาอ่อนตัวลงเข้าใกล้โซน 1,851-1,849 ดอลลาร์ต่อออนซ์จะมีการดีดตัวขึ้น อย่างไรก็ตามหากการปรับตัวขึ้นราคาไม่ผ่านโซนแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1,879-1,890 ประเมินว่าเป็นการแกว่งตัวในกรอบเดิม

กลยุทธ์การลงทุน :

ซื้อขายเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัวในกรอบ เปิดสถานะซื้อในบริเวณ 1,860-1,849 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ลดพอร์ตการลงทุนหากราคาหลุด 1,849 ดอลลาร์ต่อออนซ์) หากราคาดีดตัวขึ้นให้พิจารณาโซน 1,879-1,890 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นจุดปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไร

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ดาวโจนส์ปิดลบ 219.75 จุด วิตกยอดโควิดพุ่ง-ล็อกดาวน์ฉุดเศรษฐกิจ  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขายหุ้นออกมาท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในสหรัฐ, การล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคระบาด, ระยะเวลาที่ยาวนานในการผลิตและแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโรคโควิด และความคืบหน้าของการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,263.48 จุด ลดลง 219.75 จุด หรือ -0.75%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,557.54 จุด ลดลง 24.33 จุด หรือ -0.68% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,854.97 จุด ลดลง 49.74 จุด หรือ -0.42%
  • (+) “มนูชิน” เผยรีพับลิกัน-เดโมแครตเตรียมหารือออกมาตรการกระตุ้นศก.ฉบับใหม่  นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า เขาและแกนนำพรรครีพับลิกันจะร่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ร่วมกับพรรคเดโมแครตในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า  นายมนูชินกล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวจะมีวงเงินไม่สูงมาก และจะให้ความช่วยเหลืออย่างเฉพาะเจาะจงต่อธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้แก่ ธุรกิจการเดินทาง ร้านอาหาร และภาคบริการ  นายมนูชินกล่าวว่า เขาจะหารือกับแกนนำพรรครีพับลิกันในวันนี้ และหวังว่านางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และแกนนำพรรคเดโมแครตจะแสดงท่าทีประนีประนอมมากขึ้น
  • (-) ดอลล์แข็งค่าเล็กน้อย เหตุนลท.ซื้อสกุลเงินปลอดภัย    ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) ขณะที่นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย เนื่องจากวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากยอดติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นทั่วโลก  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.10% สู่ระดับ 92.3926 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 103.82 เยน จากระดับ 103.80 เยน, แข็งค่าเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9115 ฟรังก์ จากระดับ 0.9105 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3094 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3065 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1857 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1875 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าแตะที่ระดับ 1.3278 ดอลลาร์
  • (-) ผู้เชี่ยวชาญชี้ “บิตคอยน์” มีแนวโน้มขึ้นมาแทนที่ “ทอง”  นายริค ไรเดอร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนตราสารหนี้ของแบล็คร็อค ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในโลก กล่าวว่า ในอนาคต บิตคอยน์จะสามารถขึ้นมาทดแทนตำแหน่งของทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย  “ผมคิดว่าสกุลเงินคริปโตจะยังคงอยู่ต่อไป ผมคิดว่ามันเป็นสินทรัพย์ที่คงทน โดยบิตคอยน์เป็นเครื่องมือที่คงทนซึ่งจะสามารถขึ้นมาแทนที่ทอง เพราะบิตคอยน์สามารถทำหน้าที่ได้มากกว่าทอง” นายไรเดอร์กล่าวในวันนี้ ขณะที่บิตคอยน์พุ่งขึ้นเหนือระดับ 18,700 ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี
  • (-) นักลงทุนแห่ซื้อหุ้น,เทขายทองสัปดาห์ที่แล้วหลังมีข่าวดีวัคซีนโควิด  แบงก์ ออฟ อเมริกา (BofA) ออกรายงานระบุว่า นักลงทุนได้แห่เข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงในสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีเม็ดเงินไหลเข้ากองทุนที่ลงทุนในหุ้นถึง 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ขานรับความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 โดยมีคำสั่งซื้อในหุ้นกลุ่มธนาคาร น้ำมัน ท่องเที่ยวและสันทนาการ ซึ่งได้ร่วงลงก่อนหน้านี้  BofA เปิดเผยว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นทั่วโลกมากเป็นประวัติการณ์ถึง 7.14 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่เป็นเม็ดเงินที่เข้าสู่ตลาดหุ้นสหรัฐ และตลาดเกิดใหม่  ส่วนเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมีจำนวน 2.4 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว  หุ้นกลุ่ม value stock ได้พุ่งขึ้นนับตั้งแต่ที่บริษัทไฟเซอร์ อิงค์ประกาศความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ในช่วงต้นเดือนนี้  ทั้งนี้ หุ้น value stock เป็นหุ้นกลุ่มที่มีการซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง และจะปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจ ส่วนหุ้น growth stock เป็นหุ้นกลุ่มที่ได้รับการคาดการณ์ว่าจะมีการขยายตัวมากกว่าอัตราเฉลี่ยในตลาด เช่น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี  BofA คาดการณ์ว่า ปี 2564 จะเป็น “ปีแห่งวัคซีน” ซึ่งจะส่งผลให้หุ้น value stock ปรับตัวโดดเด่นกว่าหุ้น growth stock ส่วนตลาดเกิดใหม่ปรับตัวดีกว่าดัชนี S&P 500 และหุ้นกลุ่มมูลค่าตลาดต่ำปรับตัวดีกว่าหุ้นกลุ่มมูลค่าตลาดสูง  BofA ยังเปิดเผยว่า การที่นักลงทุนหันมาเปิดรับความเสี่ยงในสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้มีเม็ดเงินไหลออกจากกองทุนที่ลงทุนในทองถึง 4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าราคาทองมีแนวโน้มทำสถิติปรับตัวขึ้นในปีนี้มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2553
  • (+/-) “มนูชิน” ยันรัฐบาลไม่ต่ออายุโครงการเงินกู้ของเฟดไม่ใช่ประเด็นทางการเมือง  นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า การที่กระทรวงการคลังสหรัฐตัดสินใจไม่ต่ออายุโครงการเงินกู้ของเฟดสำหรับการเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ เนื่องจากรัฐบาลยังคงมีเงินทุนอีกมากในการกระตุ้นเศรษฐกิจ  “นี่เป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ใช่ประเด็นทางการเมือง และสอดคล้องกับกฎหมาย โดยเรากำลังทำตามเจตนารมณ์ของสภาคองเกรส” นายมนูชินกล่าว  นายมนูชินยังเปิดเผยว่า รัฐบาลยังคงมีเงินทุน 8 แสนล้านดอลลาร์ที่สามารถใช้ได้ หากมีความจำเป็น 

- Advertisement -

Leave a Reply