สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ อย่างไรก็ดี สัญญาทองคำปรับตัวลงไม่มากนัก เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 6.6 ดอลลาร์ หรือ 0.36% ปิดที่ 1,844.2 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 15.1 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 25.435 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 23.2 ดอลลาร์ หรือ 2.22% ปิดที่ 1,067.8 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 2.60 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 2,376.20 ดอลลาร์/ออนซ์
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดทองคำได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย โดยเมื่อคืนนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.174% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.2563 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.904% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 เช่นกัน
นักวิเคราะห์ระบุว่า การดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะดึงดูดให้นักลงทุนหันเข้าซื้อพันธบัตร ขณะที่เทขายทอง ในการปรับพอร์ตการลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัย
อย่างไรก็ดี สัญญาทองคำปรับตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนส่วนหนึ่งเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมดิ่งลงสู่ระดับ 95.9 ในเดือนธ.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 100.0 จากระดับ 100.9 ในเดือนพ.ย.
ทางด้านสำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงานลดลง 105,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 6.527 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ย.