ราคาทองวันนี้ ข่าวทองคำ

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 3 มี.ค.64 CAF, GT, MTS, YLG, SCT

647

- Advertisement -

โดย : บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน คลาสสิก ออสสิริส จำกัด (CAF)

ราคา Gold กำลังลดลง

  • นายเกา ชู่ฉิง ประธานคณะกรรมการฝ่ายกำกับดูแลด้านการธนาคารและการประกันของจีน (CBIRC)
    มีความกังวลกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภาวะฟองสบู่ในตลาดการเงินทั่วโลก และตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน
  • รัฐบาลญี่ปุ่นได้ใช้มาตรการล็อกดาวน์โดยตั้งเป้าลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลงเหลือ 70%
    ของจำนวนผู้ติดเชื้อที่ยืนยันพบเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า ตั้งตอนนี้ “อัตราการติดเชื้อยังอยู่ที่ 80-90%
    ซึ่งยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้” และมาตรการล็อกดาวน์จะหมดอายุในวันที่ 7 มี.ค. 64
    ทั้งนี้อาจมีการต่ออายุมาตรการดังกล่าว

Day Trade
GOH21 Hold Short เป้า 1,715-1,20 จุด Stop 1,745
GF10J21 Short 25,100-25,150 เป้า 24,800-24,900 จุด Stop 25,300

Trend Trade ใช้ราคาปิดสิ้นวัน
GOH21 Hold Short 1804
GF10J21Hold Stop จุด Stop 25,950

- Advertisement -

โดย  : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

Fundamental

  • วุฒิสภาสหรัฐฯกำลังพิจารณาร่างกฎหมายอัดฉีด1.9ล้านล้านดอลลาร์ ที่จะไม่มีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำต่อชั่วโมงเป็น 15 ดอลลาร์
  • กรรมการ FOMC ลาเอล เบรนาร์ดย้ำว่า Fed จะไม่เปลี่ยนนโยบายการเงินจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายด้านอัตราเงินเฟ้อและการจ้างงาน
  • Goldman Sachs เชียร์ซื้อ Bitcoin พร้อมแนะนำให้ลงทุนในหุ้นกลุ่มวัฏจักรและสินค้าโภคภัณฑ์ เพราะมั่นใจว่าตลาดหุ้นฝั่งเอเชียจะพุ่งแรงจากการฟื้นขึ้นอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจหลังพ้นวิกฤตโควิด

Technical

  • รูปซ้ายเมื่อวานลงไปไม่ถึง 1,700 แต่หลุดช่วง 1,715-1,720 จึงไม่น่าจะกลับตัวด้วยรูป W-shape และต้องดูการตั้งหลักในกรอบ1,700-1,760อีกสักพัก
  • รูปขวาราคาขึ้นมายืนเหนือเส้น MA แต่ยังอยู่ต่ำกว่าระดับ1,740แสดงว่าแรงซื้อยังสู้ไม่ได้ จึงคาดการณ์กรอบการรีบาวด์ไม่เกิน 1,760
  • ทิศทางวันนี้แกว่งหาฐานรับ
  • จับจังหวะเล่นยังไง?swing trade ในช่วง 1,700-1,760

Attention

  • 4 มี.ค.ประธาน Fed และคณะกรรมการหลายท่านเข้าร่วมงานสัมมนาเศรษฐกิจของ Wall Street Journal จับตา ความเห็นเรื่องแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจากแต่ละท่าน เพราะตลาดเชื่อไปแล้วว่า รีบปรับขึ้นแน่นอน
  • 4 มี.ค.  ประชุมกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ จับตา โอกาสปรับเพิ่มยอดผลิตตามภาวะเศรษฐกิจ
  • ติดตามเดโมแครตพยายามผลักดันร่างรายจ่าย 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ให้มีผลบังคับใช้ทันภายใน 15 มี.ค. ล่าสุด รอวุฒิสภาโหวตผ่านและให้ ปธน.เซ็นรับรอง

โดย  : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงตลาดเอเชียและกลับมาทรงตัวในตลาด Comex บริเวณ 1,730 เหรียญ ภาพรวมยังอยู่ในแนวโน้มทิศทางขาลง โดยยังเป็นจุดต่ำสุดใหม่บริเวณ 1,707 เหรียญ สำหรับเมื่อวานนี้ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อยหลังไปทำสูงสุดแถว 91.3 จุด และเช้านี้อ่อนค่ามาที่ 90.89 จุด โดยปรับอ่อนค่าลงราว 0.6% ขณะที่เงินบาทเองแกว่งตัวในทิศทางอ่อนค่า โดยที่มีการเคลื่อนไหวในกรอบ 30.25 – 30.35 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ราคาทองคำไทยปรับลงแรงกว่า 450 บาท/บาททองคำ และหลุดระดับ 25,000 บาท/บาททองคำลงมา โดยทองคำทำต่ำสุด 24,450 – 24,550 บาท/บาททองคำ ก่อนจะดีดกลับมาที่ 24,700 – 24,800 บาท/บาททองคำ ขณะที่กองทุนทองคำ SPDR ซื้อ 2.62 ตัน โดยปัจจุบันถือครองทองคำ 1,087.12 ตัน และจะเห็นสภาวะการลงทุนเป็นการ “เข้า-ออกเร็ว” ตามสภาพตลาด โดยองค์รวมตลาดรอคอยความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ วงเงิน 1.9 ล้านล้านเหรียญ

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำเริ่มมี Technical Rebound บ้างระยะสั้น หลังทำต่ำสุดแถว 1,707 เหรียญ ภาพรวมทองคำยังเป็นขาลง และวันนี้ Gold Spot, Gold Comex และ Gold Online Futures จะมีแนวรับ 1,700 เหรียญ ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,750 เหรียญ สำหรับราคาทองคำไทยคาดจะเคลื่อนไหวใกล้เคียงเดิม

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

ยังแนะนำทำกำไรขาลงระยะสั้นในกรอบ ภาพหลักของตลาดยังเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาลง มี Stop Loss หากสูงกว่าแนวต้าน

– นักลงทุนที่ถือ Long Position 

ไม่แนะนำให้ถือครองสถานะในเวลานี้

– นักลงทุนที่ถือ Short Position

ทยอยเปิดสถานะเมื่อราคารีบาวน์ และรอซื้อปิดทำกำไรตามแนวรับ โดยมี Stop Loss หากสูงกว่า 1,750 เหรียญ

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

เน้นเก็งกำไรในกรอบจากการแกว่งตัว โดยเปิดสถานะขายในโซน 1,759 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาผ่านได้) ทยอยเข้าซื้อคืนเพื่อทำกำไรบริเวณ 1,718-1,703 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคำยืนเหนือแนวรับได้

แนวรับ : 1,718 1,803 1,685  แนวต้าน : 1,759 1,776 1,795

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 13.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อ Buy the dip หลังจากในช่วงตลาดเอเชียราคาปรับตัวลดลงแรงจนแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนครึ่งที่ 1,707.26 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ประกอบกับเกิดสัญญาณกลับตัวในเชิงเทคนิคจึงกระตุ้นแรงซื้อทางเทคนิคเพิ่มเติม  นอกจากนี้  ราคาทองคำในช่วงการซื้อขายของตลาดสหรัฐยังได้รับแรงหนุนเพิ่มจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในตลาดการเงินทั่วโลก  หลังจากวานนี้นายเกา ชู่ฉิง ประธานคณะกรรมการฝ่ายกำกับดูแลด้านการธนาคารและการประกันของจีน (CBIRC) ได้แสดงความกังวลว่าตลาดการเงินในสหรัฐและยุโรปอาจเผชิญกับภาวะฟองสบู่แตก เพราะการพุ่งขึ้นของตลาดกำลังอยู่ในทิศทางตรงกันข้ามกับภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริง และมีแนวโน้มว่าตลาดจะเผชิญกับการปรับฐานในไม่ช้านี้  สถานการณ์ดังกล่าวกระตุ้นให้เกิดแรงขายในสินทรัพย์เสี่ยง  จนกดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงปิดตลาดในแดนลบ  พร้อมกับกระตุ้นแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ  นั่นทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 1.3982% ซึ่งนอกจากจะช่วยหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยแล้ว  ยังกดดันให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงจนเป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของราคาทองคำเพิ่มอีกด้วย  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองเพิ่ม +2.62 ตันซึ่งเป็นการถือครองทองคำเพิ่มเป็นครั้งแรกในรอบ 1 เดือน  ปัจจัยที่กล่าวมาช่วยหนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดบริเวณ 1,739 ดอลลาร์ต่อออนซ์  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.พ.จาก ADP, ดัชนี PMI ภาคการบริการ และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book

ปัจจัยทางเทคนิค :

หลังจากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลง แต่ระยะสั้นหากพยายามจะดีดตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านระดับ 1,741-1,759 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากแรงซื้อจำกัดหรือไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านโซน 1,759 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างมั่นคง ซึ่งเป็นกรอบแนวต้านทิศทางขาลงในระยะสั้น จะเกิดแรงขายกดดันให้ราคาลงมาสู่เพื่อสะสมแรงซื้ออีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน :

หากราคายังไม่สามารถผ่าน 1,741-1,759 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ แนะนำเก็งกำไรฝั่งขายระยะสั้น แต่ยังคงต้องตั้งจุดตัดขาดทุนไว้ล่วงหน้า(ตัดขาดทุนหากราคาผ่าน 1,759 ดอลลาร์ต่อออนซ์) เพื่อรอซื้อคืนปิดสถานะขายทำกำไรในบริเวณ 1,718-1,703 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคายืนเหนือแนวรับได้

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ดาวโจนส์ปิดลบ 143.99 จุด นลท.ขายหุ้นเทคโนฯ-จีนเตือนฟองสบู่ตลาดการเงิน  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นแอปเปิลและหุ้นเทสลาที่ถูกเทขายอย่างหนัก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภาวะฟองสบู่ในตลาดการเงินทั่วโลก  ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 31,391.52 จุด ลดลง 143.99 จุด หรือ -0.46% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,870.29 จุด ลดลง 31.53 จุด หรือ -0.81% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,358.79 จุด ลดลง 230.04 จุด หรือ -1.69%
  • (+) ดอลล์อ่อนตามทิศทางบอนด์ยีลด์-นลท.จับตาประชุมเฟด  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลง ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 16-17 มี.ค.นี้ เพื่อจับสัญญาณทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวลดลง 0.29% แตะที่ 90.7760 เมื่อคืนนี้ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 106.73 เยน จากระดับ 106.81 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9140 ฟรังก์ จากระดับ 0.9151 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2614 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2652 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2085 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2046 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าแตะที่ระดับ 1.3965 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3922 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7829 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7774 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (-) CDC ไฟเขียวฉีดวัคซีน “จอห์นสัน” ให้ผู้ที่มีอาการแพ้ “ไฟเซอร์- โมเดอร์นา” ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ออกแถลงการณ์ระบุว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) สามารถนำมาใช้ฉีดเป็นวัคซีนเข็มที่ 2 ทดแทนวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นา หากผู้รับวัคซีนเข็มแรกมีอาการแพ้วัคซีนของทั้งสองบริษัท  CDC ระบุว่า วัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นาใช้เทคโนโลยีแบบ mRNA และจำเป็นต้องมีการฉีด 2 เข็ม ซึ่งหากผู้รับวัคซีนมีอาการแพ้วัคซีนของทั้งสองบริษัท ก็ขอให้รอเวลา 28 วันนับจากการฉีดวัคซีนเข็มแรก จึงจะเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 เป็นวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
  • (-) “ไบเดน” เตรียมประกาศให้ “เมอร์ค” จับมือ “จอห์นสัน” ผลิตวัคซีนโควิด  เจ้าหน้าที่อาวุโสรายหนึ่งของรัฐบาลสหรัฐกล่าวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะทำการประกาศในวันนี้ให้บริษัทเมอร์ค ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ เข้าดำเนินการช่วยเหลือบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ในการผลิตวัคซีนโควิด-19  การประกาศดังกล่าวมีขึ้น ท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลสหรัฐในการเพิ่มกำลังการผลิตวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน  รัฐบาลเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่าจะมีการจัดส่งวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันจำนวน 3.9 ล้านโดสภายในสัปดาห์นี้ แต่ก็มีความกังวลว่าการผลิตวัคซีนจะต่ำกว่าเป้าในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า ขณะที่รัฐบาลต้องการกระจายวัคซีนอีกกว่า 16 ล้านโดสภายในสิ้นเดือนนี้  ภายใต้ข้อตกลงที่จะมีขึ้น เมอร์คจะใช้โรงงาน 2 แห่งในสหรัฐสำหรับการผลิตวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
  • (+/-) เฟดยันใช้ความอดทน จับตาจ้างงาน,เงินเฟ้อก่อนตัดสินใจเปลี่ยนนโยบายการเงิน  นางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มแข็งแกร่งจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในวงกว้าง และการที่รัฐบาลใช้มาตรการกระตุ้นทางการคลัง  อย่างไรก็ดี นางเบรนาร์ดกล่าวว่า เฟดจะใช้ความอดทน และรอให้มั่นใจว่าเฟดได้บรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานและเป้าหมายเงินเฟ้อก่อนที่เฟดจะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน  นางเบรนาร์ดระบุว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป จนกว่าจะเป็นที่ชัดเจนว่าเงินเฟ้อได้ปรับตัวขึ้น และการจ้างงานได้ฟื้นตัวขึ้นชดเชยส่วนที่ขาดหายไปในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  นอกจากนี้ นางเบรนาร์ดยังกล่าวว่า เงินเฟ้อที่คาดว่าจะพุ่งขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้จะดำเนินไปเพียงชั่วคราว และจะไม่เพียงพอที่จะทำให้เฟดเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน
  • (+/-) ยูโรสแตทเผยเงินเฟ้อยูโรโซนเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนม.ค. สอดคล้องคาดการณ์  สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์  เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ของยูโรโซน เพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนม.ค.

โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด

แนวรับ 1710/1700|1690แนวต้าน 1740|1750|1760
                      Gold/silver     USD           Baht             DOW (stock)
ระยะสั้น                SW             SW            SW                    SW
ระยะกลาง             SW           SW UP       WEAK                SW
ระยะยาว            NEUTRAL   BULLISH   NEUTRAL      BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS 1710-1750
จุดเข้า buy 1710-20
เป้าหมาย 1740-55
SL 1690

รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1700-1900
จุดเข้า BUY 1700
เป้าหมาย 1850-1900
SL 1670

เมื่อวานทองร่วงทำโลว์ใหม่ก่อนฟื้นตัวเบาๆหลัง BOND YIELD สหรัฐฯเริ่มลดลง โดยคืนนี้นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงาน ADP ซึ่งเป็นตัวเลขชิมลางก่อนตัวเลข NFP ที่คาดการณ์ว่าทั้งคู่จะออกมาดีและกดดันราคาทอง ภาพรวมทองหลังหลุด $1800 /1750 ลงมาก็เป็นตลาดหมีทันที จะมีลุ้นก็แค่การรีบาวด์แรงๆหลังการปรับฐานชุดนี้ แต่เป้าหมายนิวไฮ $2000 UP น่าจะยากในปีนี้เว้นแต่ปธน.ไบเดนจะมีมาตราการอัดฉีดชุดใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม หรือผลวัคซีนไม่ชนะโควิดกลายพันธ์ในอนาคต นอกเหนือจากนี้ภาพเศรษฐกิจโลกกำลังจะฟื้นตัว ตลาดหุ้นและค่าเงินสหรัฐฯจึงยังเป็นสวรรค์ของนักลงทุนปีนี้

กลยุทธ์ : อย่างที่เห็นทอง OVERSOLD มากน่าจะมีรีบาวด์สั้นๆในสัปดาห์นี้ แต่ไม่น่าเป็นเทรนขาขึ้น จึงแนะนำเล่นสั้นทางซื้อช่วงย่อตัวแล้วรอขายเมื่อรีบาวด์ หรือลดพอร์ตฝั่งซื้อช่วงดีดตัวไปก่อน / ส่วนค่าเงินบาทอ่อนค่าก็จริงแต่มีการแทรกแซงไม่ให้อ่อนเร็วไปจึงจะเห็นบาทเคลื่อนไหวไซต์เวย์เชิงอ่อนค่า เลยทำให้ทองไทยถูกๆแพงๆให้เล่นรอบไวๆได้

ที่มา : gold.in.th(3 มี.ค.64)

- Advertisement -

Leave a Reply