ราคาทองวันนี้ ข่าวทองคำ

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 8 มี.ค.64 GT, HGF, Gcap, YLG, MTS, InterGold

510

- Advertisement -

โดย  : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

Fundamental

  • วุฒิสภาโหวตผ่านร่างงบอัดฉีด 1.9 ล้านล้านดอลลาร์
  • ดันราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นไปอีกรอบ เพราะตลาดมั่นใจเศรษฐกิจฟื้นแน่แต่ไบเดนส่งสัญญาณไม่สนับสนุนให้ขุดน้ำมันเพิ่มล่าสุดBrent ทะลุระดับ 70 ดอลลาร์
  • ด้านประธาน Fed ยังย้ำว่าจะไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี พุ่งทะลุ 1.6% ก่อนอ่อนตัวลงเล็กน้อย แต่ล่าสุดเช้านี้ปรับตัวกลับขึ้นมาจ่อจะทะลุ1.6% อีกรอบ
  • แต่ รมว.คลังเจเน็ต เยลเลน ไม่แคร์ เพราะมองว่าเป็นสัญญาณมั่นใจเศรษฐกิจโตดี ไม่ใช่กังวลเงินเฟ้อ

Technical

- Advertisement -

  • รูปซ้ายปริมาณเงินดอลลาร์ที่กำลังจะไหลเข้าระบบเศรษฐกิจช่วยดันราคากลับขึ้นมาเหนือ1,700 แต่การรีบาวด์จะไปได้ไม่ไกล เพราะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังโควิดจะกดให้ราคาทองคำมีทิศทางขาลงต่อไป
  • รูปขวาราคาเปิด gap ขึ้นเหนือเส้น MA ที่แนว 1,700 แต่ RSI ปรับขึ้นมาใกล้เขต overbought จึงคาดว่าจะรีบาวด์ได้แค่สั้น ๆ แนวต้าน1,720 / 1,740
  • ทิศทางวันนี้แกว่งขึ้น
  • จับจังหวะเล่นยังไง?ซื้อเก็งกำไรการรีบาวด์ช่วงสั้น

Attention

  • ติดตามเดโมแครตพยายามผลักดันร่างรายจ่าย 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ให้มีผลบังคับใช้ทันภายใน 15 มี.ค. ล่าสุด รอให้ ประธานาธิบดีโจเซฟ ไบเดน เซ็นรับรอง
  • 16-17 มี.ค.  ประชุม FOMC คาดว่าจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยและจะเน้นย้ำว่าคงนโยบายการเงินเดิมไปอีกพักใหญ่ แต่ให้จับตาความเห็นของกรรมการ Fed แต่ละคนว่า มีมุมมองต่อภาวะเงินเฟ้อที่กำลังจะเพิ่มขึ้นอย่างไร
  • แนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปจะฟื้นจากโควิดได้ช้ากว่าคาด เพราะวัคซีนขาดแคลน จึงยังเลิก lockdown ไม่ได้

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

สัปดาห์ที่แล้วทองคำลดลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 10 เดือน

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐคาดหนุนทองคำ

ทองคำมีแนวต้านที่ 1,720 ดอลลาร์ และ 1,740 ดอลลาร์

  • สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับลดลงหลุด1,700 ดอลลาร์ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเพิ่มขึ้นเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและกองทุน SPDRGold Trust ขายทองคำสูงถึง 24.27ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.62%หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่าการที่สหรัฐกลับมาเปิดเศรษฐกิจหลังมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์จะทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดีการปรับตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อยังไม่รุนแรงเพียงพอที่จะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนอกจากนี้เมื่อวันศุกร์สหรัฐประกาศการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 379,000 ตำแหน่งสูงกว่าตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 197,000 ตำแหน่ง
  • สัปดาห์นี้ติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติเห็นชอบต่อร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป และตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.พ.จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.ของมหาวิทยาลัยมิชิแกน
  • แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดจะเริ่มฟื้นตัวโดยมีปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมีแนวต้านที่ 1,720 ดอลลาร์ และ 1,740 ดอลลาร์ขณะที่มีแนวรับ 1,690ดอลลาร์ และแนวรับถัดไปที่ 1,676ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,698.64+1.541,690/1,6761,720/1,740

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
24,650+15024,400/24,20024,800/25,050

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
24,700+12024,510/24,35024,900/25,170

แนะนำเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวที่ราคาทอง Spot1,700ดอลลาร์  (GF 24,650 บาท)  โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,690 ดอลลาร์(GF 24,510 บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,700.80+6.401,692/1,6781,722/1,742

แนะนำเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวที่ราคาGOH21 1,702ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,692ดอลลาร์

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดจะอ่อนค่าลงโดยเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจาก

ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ของสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดสำหรับ USD Futures เดือนมี.ค.64 คาดจะมีแนวรับที่ 30.40 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 30.60 บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ:ดอลล์แข็งค่าขานรับตัวเลขจ้างงานสหรัฐแกร่งเกินคาด

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (5 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.พ. ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.39% แตะที่ 91.9835 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ:ทองปิดลดลง 2.2 ดอลลาร์เหตุดอลล์แข็ง-บอนด์ยีลด์พุ่งกดดันตลาด

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (5 มี.ค.) โดยลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือนและหลุดระดับ 1,700 ดอลลาร์เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์และการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาดสัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 2.2 ดอลลาร์หรือ 0.13% ปิดที่ 1,698.50 ดอลลาร์/ออนซ์ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย. 2563 และในรอบสัปดาห์นี้สัญญาทองคำลดลง 1.8%  สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 17.40 เซนต์หรือ 0.68% ปิดที่ 25.287 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ:น้ำมันWTI ปิดพุ่ง $2.26 ขานรับซาอุฯลดการผลิต-เศรษฐกิจฟื้นตัว

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (5 มี.ค) โดยได้แรงหนุนจากการที่ซาอุดีอาระเบียสมัครใจที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรล/วันต่อไปอีก 1 เดือนขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรหรือโอเปกพลัสมีมติคงเพดานการผลิตน้ำมันไปจนถึงเดือนเม.ย.    สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 2.26 ดอลลาร์หรือ 3.5% ปิดที่ 66.09 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2562 และในรอบสัปดาห์นี้พุ่งขึ้น 7.5%  สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 2.62 ดอลลาร์หรือ 3.9% ปิดที่ 69.36 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2562 และในรอบสัปดาห์นี้พุ่งขึ้น 7.7% โดยบวกขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน

ตลาดหุ้นต่างประเทศ:ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 572.16 จุดขานรับตัวเลขจ้างงานแกร่ง

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (5 มี.ค.) หลังการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวนโดยตลาดได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งเกินคาดซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้นแล้วจากผลกระทบของโรคโควิด-19  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,496.30 จุดเพิ่มขึ้น 572.16 จุดหรือ +1.85% ขณะที่ดัชนีS&P500 ปิดที่ 3,841.94 จุดเพิ่มขึ้น 73.47 จุดหรือ +1.95% และดัชนีNasdaq ปิดที่ 12,920.15 จุดเพิ่มขึ้น 196.68 จุดหรือ +1.55%   ในรอบสัปดาห์นี้ดัชนีดาวโจนส์บวก 1.8% และดัชนีS&P500 เพิ่มขึ้น 0.8% ขณะที่ดัชนีNasdaq ยังคงร่วงลง 2.1%

โดย: บริษัท จีแคป จำกัด

แนะแนวทางการลงทุน
แนวรับ 1,691 – 1,687 – 1,683
แนวต้าน 1,715 – 1,724- 1,732
ทองคำร่วงลงอีกครั้ง เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐและการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ นักลงทุนยังเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยระหว่างวันอาจเห็นการรีบาวน์เล็กน้อย หากไม่ผ่านต้านแนะเปิดขาย

แนวโน้มช่วงเช้า
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (5 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.พ.

มุมมองทองคำภาคเช้า ทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อวันศุกร์ (5 มี.ค.) โดยลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 9
เดือนและหลุดระดับ 1,700 ดอลลาร์ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์
และการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาด ทองคำได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร โดยเมื่อคืนนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.6% ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) ในการถือครองทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย นอกจากนี้การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะดึงดูดให้นักลงทุนหันเข้าซื้อพันธบัตร แต่จะเทขายทองในการปรับพอร์ตการลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้นักลงทุนยังต้องคอยติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศในรอบสัปดาห์นี้ด้วย สินค้าคงคลังภาคค้าส่ง ดัชนีราคาผู้บริโภค จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTs ดัชนีราคาผู้ผลิต
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.มิชิแกน เป็นต้น

สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (5 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.พ.

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

ซื้อขายทำกำไรกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัวหากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 1,722-1,729  ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ และทยอยขายทองคำออกมาเพื่อทำกำไร เพื่อรอซื้อคืนหากราคาไม่หลุดบริเวณแนวรับ 1,695-1,687 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,687 1,674 1,662  แนวต้าน : 1,729 1,745 1,760

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.54 ดอลลาร์ต่อออนซ์  หลังจากในระหว่างการซื้อขายในตลาดเอเชีย  ราคาร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือนที่ 1,687.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้จะมีแรงซื้อ Buy the dip เข้ามาพยุงราคาทองคำเอาไว้  อย่างไรก็ดี  การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำยังเป็นไปอย่างจำกัด  เนื่องจากทองคำได้รับแรงกดดันจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 379,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 210,000 ตำแหน่ง  ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 6.2% ในเดือนก.พ. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะทรงตัวที่ระดับ 6.3% จึงยิ่งกระตุ้นการคาดการณ์เชิงบวกเกี่ยวกับฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ  นั่นส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นสู่ระดับ 1.622% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปี 2020จนส่งผลกดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย  นอกจากนี้ ปัจจัยดังกล่าวยังหนุนให้ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าแตะระดับ 92.192 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 เดือน  พร้อมกับหนุนดัชนีดาวโจนส์ชให้ปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดในวันศุกร์จนบั่นทอนความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มเติมอีกด้วย  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองลดลง -9.04 ตันสู่ระดับ 1,069.26 ตัน ทำให้ในปี 2021 กองทุน SPDR ถือครองทองลดลงแล้วถึง -101.48 ตันสะท้อนกระแสเงินทุนที่ยังคงไหลออกจากกองทุน ETF ทองคำต่อเนื่อง  ปัจจัยที่กล่าวมาสกัดการฟื้นตัวของราคาทองคำเอาไว้  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งของสหรัฐ  รวมถึงติดตามการเคลื่อนไหวของดัชนีดอลลาร์, อัตาผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และตลาดหุ้นสหรัฐเพื่อประกอบการลงทุน

ปัจจัยทางเทคนิค :

หลังจากราคาทองคำทดสอบแนวรับโซน 1,687 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สามารถทรงตัวจนราคาฟื้นตัวขึ้น หากราคาทองคำยังสามารถรักษาระดับไว้ได้ ทำให้มีแนวโน้มดันขึ้นสู่บริเวณ 1,722-1,729 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามในโซนดังกล่าวขึ้นไป ต้องระวังแรงขายทำกำไรที่จะออกมาเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ประเมินแนวรับโซน 1,695-1,687 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

เน้นการลงทุนระยะสั้นโดยเปิดสถานะขายหากราคาดีดตัวขึ้นทดสอบโซน 1,722-1,729 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากผ่าน 1,729 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ทั้งนี้ อาจทยอยซื้อคืนเพื่อขายทำกำไรหากราคาทองคำอ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับ 1,695-1,687 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากหลุดสามารถถือสถานะขายต่อ

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐเผยขาดดุลการค้ามากเกินคาดในเดือนม.ค.  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.9% สู่ระดับ 6.82 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 6.75 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 6.69 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค
  • (-) บอนด์ยีลด์สหรัฐทะยานเหนือ 1.6% ทำนิวไฮปีนี้ หลังตัวเลขจ้างงานพุ่งเกินคาด อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีทะยานขึ้นเหนือระดับ 1.6% แตะระดับสูงสุดในปีนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่พุ่งขึ้นเกินคาด  ณ เวลา 20.40 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.617% หลังแตะระดับ 1.626% ก่อนหน้านี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.34%
  • (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 572.16 จุด ขานรับตัวเลขจ้างงานแกร่ง  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (5 มี.ค.) หลังการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน โดยตลาดได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้นแล้วจากผลกระทบของโรคโควิด-19  ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 31,496.30 จุด เพิ่มขึ้น 572.16 จุด หรือ +1.85% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,841.94 จุด เพิ่มขึ้น 73.47 จุด หรือ +1.95% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,920.15 จุด เพิ่มขึ้น 196.68 จุด หรือ +1.55%
  • (-) ดอลล์แข็งค่า ขานรับตัวเลขจ้างงานสหรัฐแกร่งเกินคาด  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.พ.  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.39% แตะที่ 91.9835 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 108.33 เยน จากระดับ 107.90 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9308 ฟรังก์ จากระดับ 0.9293 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2664 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2659 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1912 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1966 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3840 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3889 ดอลลาร์
  • (-) “เยลเลน” ฟันธงบอนด์ยีลด์พุ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัว เมินวิตกเงินเฟ้อเพิ่ม  นางเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ (5 มี.ค.) ว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวที่เพิ่มขึ้นเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า นักลงทุนในตลาดกำลังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะฟื้นตัวแข็งแกร่งขึ้น ไม่ใช่วิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น  นางเยลเลนกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ PBS Newshour ว่า “ดิฉันไม่คิดว่า ตลาดกำลังคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในระยะยาวของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)”  นางเยลเลนกล่าวเสริมว่า เศรษฐกิจสหรัฐจำเป็นต้องมีการขยายตัวของการจ้างงานที่มากกว่าในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา แต่จะสามารถบรรลุเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มที่ได้ในปีหน้า โดยจะได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ที่เสนอโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน
  • (-) สหรัฐเผยจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งเกินคาดในเดือนก.พ. กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 379,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 210,000 ตำแหน่ง  ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 6.2% ในเดือนก.พ. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะทรงตัวที่ระดับ 6.3%  ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
  • (+/-) วุฒิสภาสหรัฐไฟเขียวกม.กระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว  วุฒิสภาสหรัฐได้ลงคะแนนโหวตอนุมัติกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ที่เสนอโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนแล้ว ด้วยคะแนนโหวตสนับสนุน 50 เสียง ขณะที่โหวตคัดค้าน 49 เสียง หลังจากที่ได้เจรจากันมาอย่างยาวนานเพราะฝั่งพรรครีพับลิกันได้พยายามผลักดันให้มีการแก้กฎหมายบางอย่าง  รายงานข่าวระบุว่า คะแนนโหวตสนับสนุน 50 เสียงนั้นมาจากวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตทั้งหมด ไม่มีสมาชิกพรรครีพับลิกันคนใดโหวตสนับสนุน โดยเป็นกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีวงเงินมากเป็นอันดับต้นๆ ของสหรัฐ ทั้งยังนับเป็นชัยชนะในการออกกฎหมายสำคัญครั้งแรกของปธน.ไบเดนนับตั้งแต่ที่ขึ้นดำรงตำแหน่งเมื่อเดือนม.ค.  ร่างกฎหมายฉบับสุดท้ายนั้นประกอบด้วยงบประมาณ 4 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อใช้แจกเงินชาวอเมริกันคนละ 1,400 ดอลลาร์ โดยเป็นการให้เงินช่วยเหลือครั้งเดียว  นอกจากนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวยังรวมถึงมาตรการช่วยเหลือคนว่างงานต่อเนื่องสัปดาห์ละ 300 ดอลลาร์ด้วย ครอบคลุมชาวอเมริกันราว 9.5 ล้านรายที่ตกงานเพราะโควิด-19  ทั้งนี้ วุฒิสภาสหรัฐจะส่งกลับร่างกฏหมายที่อนุมัติแล้วให้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอนุมัติอีกครั้งในสัปดาห์หน้า และหลังจากนั้นก็จะส่งให้ปธน.ไบเดนลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไปก่อนวันที่ 14 มี.ค.นี้

โดย  : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)

ทิศทางราคาทองคำ

ทองลงในช่วงตลาด Comex ทำต่ำสุดหลุด 1,700 เหรียญ ขณะที่เช้านี้มี Technical Rebound หลังช่วงปลายสัปดาห์วุฒิสภาสหรัฐฯสามารถผ่านร่างกระตุ้นเศรษฐกิจ และเช้านี้ทองคำเปิด Gap เหนือ 1,700 เหรียญ และค่อยๆปรับขึ้นมาเหนือ 1,710 เหรียญ ขานรับข่าวดังกล่าว ขณะที่ SPDR ทำการขายออกทองคำเพิ่มอีก 9.04 ตันในคืนวันศุกร์ ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,069.26 ตัน สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯในคืนวันศุกร์ออกมาดีขึ้นทั้ง Non-Farm Payrolls ด้าน U.S. 10Yield ปิดปรับขึ้นเหนือ 1.6% ขณะที่ถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ มีการเน้นจับตาเรื่องเงินเฟ้อและการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 91.28 จุด และดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อและไม่ได้ตอบรับกับเรื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเท่าไหร่นัก และหากมาตรการดังกล่าวออกมา มีโอกาสเห็นการอ่อนตัวของดอลลาร์ ในด้านค่าเงินบาทยังอยู่ในทิศทางอ่อนค่า หลังจากวันศุกร์อยู่แถวระดับ 30.20 บาท/ดอลลาร์ และเช้านี้ยืนได้เหนือ 30.50 บาท/ดอลลาร์

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ทองคำดูจะมีลักษณะ Technical Rebound ขึ้นมา หลังจากที่ไปทำต่ำสุดบริเวณ 1,687 เหรียญโดยประมาณ คาดเห็นทองคำรีบาวน์ก่อนระยะสั้น เพื่อลดสภาวะ Oversold ออกไป ขณะที่ภาพรวมของราคาทองคำยังถูกกดดันจากแรงเทขายของ SPDR วันนี้จึงคาดว่าราคาทองคำ Gold Spot, Gold Online Futures และ Gold Comex จะมีแนวรับที่ 1,695 เหรียญ และแนวต้าน 1,725 เหรียญ ด้านกลยุทธ์การลงทุนยังเป็นการเล่นสั้นตาม Technical Rebound ระยะสั้นๆ สำหรับราคาทองคำไทยคาดว่าน่าจะขึ้นต่อ 150 บาท/บาททองคำ

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

แนะนำปรับพอร์ตสมดุล เน้นสั้นๆในกรอบ อาจปิดสถานะที่ขายไว้เมื่อราคาอ่อนตัว แต่หากไม่ผ่านแนวต้านค่อยหาจังหวะเปิดขายเพื่อทำกำไรขาลงในกรอบ

– นักลงทุนที่ถือ Long Position 

แนะนำบริหาพอร์ตการลงทุนให้สมดุลกับทิศทาง

– นักลงทุนที่ถือ Short Position

ทยอยลดสถานะและปรับพอร์ตระยะสั้นๆ ราคา Rebound จากการลดสภาวะ Oversold เวลานี้

Gold Futures 10J21 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,600 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,900  บาท

โดย : บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด

กลยุทธ์ : เทคนิคคอล รีบาว

แนวต้าน : 1720 หรือ 24,700 บาท

แนวรับ : 1700 หรือ 24,500 บาท

ราคาทองคำวันนี้ เริ่มสามารถกลับมายืนเหนือ 1700 โดยไม่มีการทำจุดต่ำสุดใหม่ ถึงแม้ว่าตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์จะออกมาดีกว่าคาดการณ์ แต่ก็ไม่สามารถทำให้ราคาทองลงต่อไปได้ ถือเป็นสัญญาณที่ดี สำหรับฝั่งซื้อ ในขณะที่อัตราผลตอบแทน 10 ปี ของพันธบัตรสหรัฐฯจะปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนว่าคนในตลาดจะเริ่มปรับตัวได้ ตลาดหุ้นที่มีการเทขายตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มดีดกลับตัวขึ้นระยะสั้น ในขณะที่ทองคำค่อยๆชะลอแรงเทขาย คาดว่ามีโอกาสที่ทองคำจะเริ่มรีบาวระยะสั้นได้ ในทาง Technical ราคาทองคำวันนี้ เริ่มมีสัญญาณกลับตัวระดับรายวัน และยังคงอยู่ในโซน RSI Oversold ซึ่งมีโอกาสที่ราคาทองจะสามารถรีบาวทางเทคนิคได้ กลยุทธ์เข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นที่ 1700 ขายที่ 1720 และสามารถเริ่มเก็บสะสมได้เรื่อยๆ

ที่มา : gold.in.th( 8 มี.ค 64 )

- Advertisement -

Leave a Reply