ราคาทองวันนี้ ข่าวทองคำ

วิเคราะห์ราคาทองคำ 9 มี.ค.64(ภาคเช้า) by SCT, YLG, MTS

596

- Advertisement -

โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด

แนวรับ 1670/ 1660|1650แนวต้าน 1700|1710|1720
                      Gold/silver           USD                 Baht          DOW (stock)
ระยะสั้น                SW                SW UP           WEAK           SW UP
ระยะกลาง          SW UP          SW DOWN          SW             SW UP
ระยะยาว         NEUTRAL         BULLISH        NEUTRAL    BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS 1670-1710
จุดเข้า buy 1660-70
เป้าหมาย 1720-50
SL 1650

รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1650-1880
จุดเข้า BUY 1660-1680
เป้าหมาย 1800-1880
SL 1600

    ราคาทองยังทำ NEW LOW ในรอบ 11 เดือนแต่ได้บาทอ่อนอย่างรวดเร็วมาพยุงราคาทองไทยไม่ตก โดยเหตุผลหลักๆมาจาก BOND YIELD ที่ขึ้นถึง 1.6% ดันค่าเงินสหรัฐฯพุ่งหลังตลาดเล่นข่าวสภาสูงผ่านวงเงิน 1.9 ล้านล้าน การลงทุนวันนี้ต้องระวังความผันผวนทั้งสองฝั่งที่แกว่งจนอาจทำให้ราคาทองไทยผันผวนตาม ภาพรวมทองเป็นตลาดหมีแต่ราคาเริ่มลงช้า แถมได้บาททรงอ่อนมาหนุนจึงยังมีลุ้นการรีบาวด์ในเร็วๆนี้

    คืนนี้จับตาวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวจะไปให้นายไบเดนลงนามและพร้อมยิงเงินเข้าระบบทันทีเดือนนี้ การลงนามผ่านเป็นกฎหมายออกมาอาจกระทบต่อราคาทอง จึงแนะนำทางซื้อช่วงย่อตัวในทองไทยในสัปดาห์นี้

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

เน้นเก็งกำไรระยะสั้นขณะที่ราคาอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง แนะนำเปิดสถานะขายในโซน 1,700-1,714 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หวังเข้าซื้อคืนหากราคาไม่หลุดแนวรับโซน 1,668 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาหลุดแนวรับดังกล่าวให้ชะลอการซื้อคืนออกไป

แนวรับ : 1,668 1,653 1,637 แนวต้าน : 1,700 1,714 1,729

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง  15.54 ดอลลาร์ต่อออนซ์  แม้ช่วงเช้าในตลาดเอเชียราคาทองคำจะดีดตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,714.09 ดอลลาร์ต่อออนซ์  อย่างไรก็ดี  เป็นอีกครั้งที่ราคาทองคำไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้  โดยราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์เชิงบวกเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐอนาคต  หลังจากช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา  วุฒิสภาสหรัฐได้ลงคะแนนโหวต “อนุมัติ” มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังรอบใหม่วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ที่เสนอโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมส่งกลับร่างกฏหมายให้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอนุมัติอีกครั้งในวันอังคารนี้  ตอกย้ำการคาดการณ์ดังกล่าวด้วยความเห็นของนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ที่กล่าวว่า มาตรการนี้จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง  ประเด็นที่กล่าวมาเป็นปัจจัยหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีให้พุ่งทะลุ 1.6% ซึ่งกดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย  พร้อมกับหนุนดัชนีดอลลาร์ให้แข็งค่า +0.49% แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนครึ่ง  นอกจากนี้  ยังหนุนดัชนีดาวโจนส์ให้ปิดเพิ่มขึ้น 306.14 จุด หรือ +0.97% อีกด้วย  ประกอบกับกองทุน SPDR ยังคงเดินหน้าลดการถือครองทองคำต่อเนื่อง  โดยวานนี้ลดการถือครองลงอีก -5.83 ตัน  สถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกดดันการลงทุนในทองคำอย่างชัดเชน  ส่งผลให้ราคาทองคำร่วงลงหลุดระดับต่ำสุดเดิมจนกระตุ้นแรงขายทางเทคนิคเพิ่มเติม  จึงได้เห็นราคาทองคำร่วงลงต่อจนแตะระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือนบริเวณ 1,676.76 ดอลลาร์ต่อออนซ์  สำหรับวันนี้ ติดตามการเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจขนาดเล็กจาก NFIB

ปัจจัยทางเทคนิค :

ราคาอ่อนตัวลงสร้างระดับต่ำสุดใหม่ในรายเดือน และรายสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง หากราคาฟื้นตัวขึ้นไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 1,700-1,714 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังคงต้องระมัดระวังแรงขายออกมา อย่างไรก็ตาม หากการอ่อนลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,668 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แรงขายอาจชะลอตัวหรืออาจเกิดการดีดตัวขึ้นช่วงสั้น

กลยุทธ์การลงทุน :

เน้นการลงทุนระยะสั้นรอจังหวะการเปิดสถานะขาย โดยอาจใช้บริเวณ 1,700-1,714 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และตัดขาดทุนหากผ่าน 1,714 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และทยอยแบ่งปิดสถานะทำกำไรหากราคาอ่อนตัวลงไม่หลุดโซนแนวรับ 1,668 ดอลลาร์ต่อออนซ์แต่หากราคาหลุดแนวรับดังกล่าวให้ชะลอการซื้อคืนออกไป

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) “เดวิด เทปเปอร์” ผจก.เฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ เชียร์นักลงทุนซื้อหุ้นขณะนี้  นายเดวิด เทปเปอร์ ผู้จัดการ Appaloosa Management ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ของสหรัฐ กล่าวแนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นในขณะนี้ ขณะที่เขามองว่าแรงเทขายในตลาดพันธบัตรสหรัฐจนทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นนั้น จะยุติลงในที่สุด  ที่ผ่านมา นักลงทุนมักให้ความสนใจต่อคำกล่าวของนายเทปเปอร์ และคำพูดของเขามักสามารถขับเคลื่อนตลาดหุ้น  นายเทปเปอร์ยังระบุว่า ความเสี่ยงในตลาดได้เบาบางลงแล้ว และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะมีเสถียรภาพมากขึ้นในระยะสั้น  “ผมคิดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรได้ปรับตัวอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา และจะมีเสถียรภาพากขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งจะทำให้การซื้อหุ้นในขณะนี้มีความปลอดภัยมากขึ้น” นายเทปเปอร์กล่าวต่อสำนักข่าว CNBC  ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งทะลุ 1.6% ในวันนี้ ขานรับข่าวที่ว่า วุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติเห็นชอบต่อร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ที่เสนอโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน  นายเทปเปอร์เชื่อว่า ญี่ปุ่นจะกลับมาซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอีกครั้ง หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งคำสั่งซื้อดังกล่าวจะช่วยให้ตลาดพันธบัตรมีเสถียรภาพ  นายเทปเปอร์ยังระบุว่า อีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยหนุนตลาดหุ้นคือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งเพิ่งผ่านการอนุมัติจากวุฒิสภาสหรัฐ  นอกจากนี้ นายเทปเปอร์ยังแนะนำให้นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ดิ่งลงในขณะนี้ ทำให้ราคามีความน่าดึงดูดใจมากขึ้น
  • (-) “โกลด์แมน แซคส์” คาดอัตราว่างงานสหรัฐร่วงแตะ 4.1% ภายในสิ้นปีนี้ โกลด์แมน แซคส์ระบุในรายงานว่า อัตราการว่างงานในสหรัฐจะปรับตัวลงสู่ระดับ 4.1% หรือต่ำกว่านั้นภายในสิ้นปีนี้  “เหตุผลสำคัญที่เราคาดว่าการจ้างงานจะขยายตัวในปีนี้คือการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐ และการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งอัตราการออมของชาวอเมริกันจะช่วยหนุนการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง” รายงานระบุ  อย่างไรก็ดี แม้ว่าอัตราการว่างงานได้ลดลงสู่ระดับ 6.2% ในขณะนี้ จากระดับ 14.7% ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 แต่ชาวอเมริกันที่มีงานทำยังคงมีจำนวนน้อยกว่าปีที่แล้วกว่า 8 ล้านคน  โกลด์แมน แซคส์คาดว่าตลาดแรงงานสหรัฐจะดีดกลับสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก่อนสิ้นปี 2565
  • (-) ดอลล์แข็งค่ารับบอนด์ยีลด์พุ่ง จับตาการประชุมเฟด  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.36% แตะที่ 92.3144 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.86 เยน จากระดับ 108.33 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9351 ฟรังก์ จากระดับ 0.9308 ฟรังก์ แต่เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแตะระดับ 1.2655 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2664 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1858 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1912 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3837 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3840 ดอลลาร์
  • (-) “เยลเลน” ชูมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยผลักดันสหรัฐแข็งแกร่ง  นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐมีทรัพยากรที่เพียงพอในการผลักดันให้เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง  “นี่เป็นร่างกฎหมายที่จะช่วยเยียวยาชาวอเมริกันที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และเราคาดว่าเราจะมีทรัพยากรที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง” นางเยลเลนกล่าว  นางเยลเลนคาดการณ์ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวจะทำให้สหรัฐมีการจ้างงานเต็มศักยภาพกลับสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ภายในปีหน้า  ต่อข้อถามที่ว่า การใช้จ่ายตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป จะส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อหรือไม่ นางเยลเลนกล่าวว่า ตนไม่คาดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น “แต่ถ้าหากทำให้เกิดเงินเฟ้อ เราก็ยังมีเครื่องมือในการรับมือปัญหาดังกล่าว ซึ่งเราจะจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด”
  • (+/-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 306.14 จุด รับมาตรการกระตุ้นศก.คืบหน้า  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) ขานรับความคืบหน้าในการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์เมื่อเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มสายการบิน และกลุ่มโรงแรม อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ร่วงลงกว่า 2.4% เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,802.44 จุด เพิ่มขึ้น 306.14 จุด หรือ +0.97% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,821.35 จุด ลดลง 20.59 จุด หรือ -0.54% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,609.16 จุด ลดลง 310.99 จุด หรือ -2.41%

โดย  : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง แม้ว่าตลาดจะรับรู้ข่าวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาแล้วก็ตาม ปรากฏว่าตลาดมี Technical Rebound ไปได้ไม่เกิน 1,712 เหรียญ และมีแรงเทขายกลับลงมาจนทำต่ำสุดใหม่บริเวณ 1,676 เหรียญ ก่อนจะรีบาวน์ปิดตลาดแถว 1,680 เหรียญ ด้านกองทุนทองคำ SPDR เทขายทองคำออกมาอีก 5.83 ตัน  ซึ่งเป็นการเทขายต่อเนื่อง 4 วันทำการ โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,063.43 ตัน เมื่อวานไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้นต่อเนื่องไปทำแข็งค่ามากสุด 92.38 จุด และเช้านี้แข็งค่าต่อมาที่ 92.47 จุด ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี ยังทรงตัวระดับสูงเช้านี้อยู่ที่ 1.56% ภาพรวมทั้งหมดจึงยังกดดันทองคำในทิศทางขาลง ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ไม่กังวลต่อเงินเฟ้อและยอมรับได้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นมองว่าเป็นการตอบรับกับทิศทางเศรษฐกิจฟื้นตัว

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำยังทำ New Low ใหม่ และถูกกดดันในทิศทางขาลงอย่างต่อเนื่อง โดยไม่สามารถรีบาวน์เหนือ 1,700 เหรียญได้ ภาพรวมวันนี้จึงคาดว่า Gold Spot และ Gold Comex จะมีแนวรับที่ 1,655 เหรียญ และมีแนวต้าน 1,700 เหรียญ  ทางด้าน Gold Online Futures คาดจะมีแนวรับ 1,658 เหรียญ และแนวต้าน 1,702 เหรียญ ในส่วนของทองคำไทยคาดปรับลง 100 บาท/บาททองคำ

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

เก็งกำไรขาลงในกรอบ มี Stop Loss หากราคาสูงกว่า 1,700 เหรียญ

– นักลงทุนที่ถือ Long Position 

ไม่แนะนำทำกำไรขาขึ้นหรือซื้อเฉลี่ย ภาพหลักตลาดเป็น “ขาลง”

– นักลงทุนที่ถือ Short Position

รอเปิดขายตามการรีบาวน์ และรอซื้อปิดตามการอ่อนตัว มี Stop Loss เสมอหากสูงกว่า 1,700 เหรียญ

Gold Futures 10J21 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,550 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,850  บาท

โดย: บริษัท จีแคป จำกัด

แนะแนวทางการลงทุน
แนวรับ 1,672 – 1,667 – 1,663
แนวต้าน 1,698 – 1,703- 1,708
ทองคำร่วงลงอีกครั้ง เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐและการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ นักลงทุนยังเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยหากราคาดีดตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านแนะเก็งกำไรทิศทางขาลง

แนวโน้มช่วงเช้า
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน

มุมมองทองคำภาคเช้า ทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือนเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ และการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ทองคำได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร โดยเมื่อคืนนี้
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นทะลุระดับ 1.6% เมื่อคืนนี้ ทั้งนี้
การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) ในการถือครองทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย นอกจากนี้
การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะดึงดูดให้นักลงทุนหันเข้าซื้อพันธบัตร แต่จะเทขายทองในการปรับพอร์ตการลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัย สำหรับปัจจัยที่ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้มาจากรายงานที่ว่า วุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติเห็นชอบต่อร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ที่เสนอโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน นอกจากนี้นักลงทุนยังต้องคอยติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศในรอบสัปดาห์นี้ด้วย ดัชนีราคาผู้บริโภคจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTs ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ม.มิชิแกน เป็นต้น

สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน

ที่มา : gold.in.th ( 9 มี.ค.64 )

- Advertisement -

Leave a Reply