ราคาทองวันนี้ ข่าวทองคำ

วิเคราะห์ราคาทองคำ 26 เม.ย.64 by YLG, MTS, SCT, GT, HGF

470

- Advertisement -

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

ซื้อขายทำกำไรระยะสั้นตามกรอบราคา เปิดสถานะซื้อหากราคาสามารถยืนเหนือ 1,769-1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ให้ทยอยขายทำกำไรหากราคายังไม่ยืนเหนือโซน 1,789-1,806 ดอลลาร์ต่อออน

แนวรับ : 1,763 1,748 1,734 แนวต้าน : 1,789 1,806 1,820

จจัยพื้นฐาน :

- Advertisement -

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวลดลง 6.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ราคาทองคำในระหว่างวันจะดีดตัวขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,795.84 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากแข็งค่าของสกุลเงินยูโร  หลังการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต-บริการเบื้องต้นของยูโรโซน เพิ่มขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 53.7 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน  และสนับสนุนมุมมองที่ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในฝั่งยูโรโซนกำลังเร่งตัวขึ้น  และจะไม่ล้าหลังการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐ อย่างไรก็ดี ราคาทองคำไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้  พร้อมกับเผชิญแรงขายทำกำไรในเวลาต่อมาเนื่องจากราคาทองคำไม่สามารถทะลุผ่านระดับสูงสุดเดิมที่ทำไว้ในระหว่างสัปดาห์ได้  ประกอบกับได้รับแรงกดดันจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีเกินคาด อาทิ  ยอดขายบ้านใหม่ที่พุ่งขึ้นเกินคาดถึง 20.7% สู่ระดับ 1.021 ล้านยูนิตในเดือนมี.ค. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 62.2 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สถานการณ์ดังกล่าวหนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้นจนกดดันราคาทองคำ  ส่งผลให้ราคาทองคำร่วงลงแรงจนทเสอบระดับต่ำสุดในระหว่างการซื้อขายของวันศุกร์ที่ 1,769.89 ดอลลาร์ตาอออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ  รวมถึงติดตามการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัท Tesla (NASDAQ  ซึ่งจะเปิดเผยผลประกอบการในวันจันทร์หลังตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการ 

ปัจจัยทางเทคนิค :

ราคาทดสอบแนวต้านโซน 1,796-1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลายครั้งแต่ไม่สามารถผ่านได้ส่งผลให้มีแรงขายเพิ่มขึ้น สำหรับวันนี้ประเมินแนวต้านระยะสั้นในโซน 1,789 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากผ่านไปได้แนวต้านสำคัญจะอยู่ในบริเวณ 1,798-1,806 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แนวรับนั้นยังประเมินในโซน 1,769-1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

การเข้าซื้อยังคงเน้นการทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว โดยเข้าซื้อเฉพาะเมื่อตลาดปรับตัวลงมาในบริเวณแนวรับ 1,769-1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุน 1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์)ขณะที่การปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไรอาจพิจารณาในโซน 1,789-1,806 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ดอลล์อ่อนค่า หลังบอนด์ยีลด์ยังคงชะลอตัว  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 เม.ย.) เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังคงชะลอตัว ซึ่งลดความน่าดึงดูดใจของดอลลาร์ และได้บดบังปัจจัยบวกจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.52% สู่ระดับ 90.8621 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 107.94 เยน จากระดับ 108.09 เยน, อ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9134 ฟรังก์ จากระดับ 0.9182 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2473 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2498 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2091 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2007 ดอลลาร์, เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3875 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3836 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าแตะที่ระดับ 0.7756 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (+) นักวิเคราะห์เชื่อมั่นเฟดตรึงนโยบายผ่อนคลายต่อไปในการประชุมสัปดาห์หน้า นักวิเคราะห์คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มจะบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 27-28 เม.ย.นี้ แต่ในขณะเดียวกัน เฟดจะยังไม่บ่งชี้ถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน  สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า บรรดานักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า เฟดจะยังคงดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไปจนกว่าจะมีความชัดเจนว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐนั้นเป็นไปอย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าขณะนี้เศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัวในอัตราร้อนแรงที่สุดในรอบเกือบ 40 ปีก็ตาม  สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า บรรดานักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า เฟดจะยังคงดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไปจนกว่าจะมีความชัดเจนว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐนั้นเป็นไปอย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าขณะนี้เศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัวในอัตราร้อนแรงที่สุดในรอบเกือบ 40 ปีก็ตาม
  • (-) สหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่พุ่งเกินคาดในเดือนมี.ค.  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 20.7% สู่ระดับ 1.021 ล้านยูนิตในเดือนมี.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 886,000 ยูนิต หลังจากดิ่งลง 16.2% ในเดือนก.พ.
  • (-)ดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการสหรัฐพุ่งทำนิวไฮในเดือนเม.ย.ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 62.2 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 59.7 ในเดือนมี.ค.
  • (-)โกลด์แมน แซคส์คาดคองเกรสหั่นข้อเสนอขึ้นภาษีของไบเดนเหลือเพียง 28%สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนมีแผนที่จะปรับเพิ่มภาษีกำไรที่ได้จากการลงทุน (capital gains tax) สูงถึง 43.4% สำหรับชาวอเมริกันที่ร่ำรวย
  • (-)FDA-CDC ไฟเขียวสหรัฐเริ่มใช้วัคซีนป้องกันโควิดของจอห์นสันฯได้แล้ว  สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐประกาศในวันศุกร์ (23 เม.ย.) ว่า ได้ตัดสินใจยกเลิกคำแนะนำให้ระงับใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) แล้ว โดยอนุญาตให้เริ่มใช้วัคซีนดังกล่าวได้อีกครั้งสำหรับประชากรวัยผู้ใหญ่ในสหรัฐ  แถลงการณ์ร่วมของ FDA และ CDC ระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่มีการทบทวนด้านความปลอดภัยอย่างละเอียดแล้วซึ่งรวมถึงการประชุมสองครั้งของคณะกรรมการที่ปรึกษาของ CDC เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการสร้างภูมิคุ้มกัน (ACIP)  FDA ได้ตัดสินใจจากข้อมูลที่มีอยู่ซึ่งแสดงให้เห็นว่า วัคซีนดังกล่าวมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงในการใช้กับประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป “FDA และ CDC มีความเชื่อมั่นว่า วัคซีนนี้มีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19” แถลงการณ์ระบุ
  • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 227.59 จุด ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐดีเกินคาด  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดของสหรัฐ และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลายตัวพุ่งขึ้นจากการคาดการณ์ที่ว่า บริษัทต่างๆ จะรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งในสัปดาห์หน้า  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,043.49 จุด เพิ่มขึ้น 227.59 จุด หรือ +0.67%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,180.17 จุด เพิ่มขึ้น 45.19 จุด หรือ +1.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,016.81 จุด เพิ่มขึ้น 198.40 จุด, +1.44%
  • (+/-) อินเดียพบผู้ป่วยโควิดรายใหม่เกือบ 3.5 แสนราย ดันยอดรวมใกล้แตะ 17 ล้าน  กระทรวงสาธารณสุขอินเดียเปิดเผยในวันนี้ว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่เพิ่มอีก 349,691 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นเป็น 16,960,172 ราย  ขณะเดียวกันพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2,767 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 192,311 ราย

โดย  : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำปรับตัวลดลงจากแรงเทขายทำกำไร ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ยังคงทรงตัวในระดับ 91 จุด โดยดัชนีดอลลาร์ในวันศุกร์ที่ผ่านมาเคลื่อนตัวระหว่าง 90.83 – 91.23 จุด และเช้านี้ยังคงเปิดปรับลงอ่อนค่าจากวันศุกร์ ในขณะที่ค่าเงินบาทเองยังไม่แข็งค่ามากขึ้นแม้จะเห็นดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยเงินบาทเช้านี้ยังทรงตัวแนว 31.40 บาท/ดอลลาร์ สำหรับกองทุน SPDR ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม ยังคงถือครองที่ระดับ 1,021.70 ตัน ในส่วนค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าต่อเนื่องมาที่ 1.21 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ทรงตัวบริเวณ 1.20 ดอลลาร์/ยูโรเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ โดยที่ได้รับอานิสงส์จากดอลลาร์อ่อนค่า ภาพรวมข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯในคืนวันศุกร์ออกมาดีขึ้น ได้แก่ New Home Sales และ Flash Service PMI รวมทั้ง Flash Manufacturing PMI สำหรับวันนี้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ คาดว่า จะออกมาดีขึ้น ได้แก่ Durable Goods Orders และ Core Durable Goods Orders ภาพรวมดอลลาร์ยังไม่ตอบสนองกับข้อมูลเศรษฐกิจเท่าไรนัก ทางด้านของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปียังทรงตัวบริเวณ 1.56% อย่างไรก็ดี สถานการณ์ระบาดของ Covid-19 ในประเทศไทยยังไม่ดีนัก และอัตราติดเชื้อใหม่ใกล้ทะลุ 3,000 ราย รวมทั้งมีผู้ป่วยล้นเตียงโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ทองคำร่วงหลุดเส้นค่าเฉลี่ยสำคัญของนักลงทุนระยะยาวบริเวณ 1,780 เหรียญ โดยภาพรวมคาดทองคำยังเป็นขาขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง จึงคาดว่าวันนี้ราคาทองคำ Gold Spot และ  Gold Comex จะเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,770 เหรียญ และมีแนวต้าน 1,795 เหรียญ สำหรับ Gold Online Futures จะมีแนวรับ 1,772 เหรียญ และแนวต้าน 1,797 เหรียญ ในส่วนของราคาทองคำไทยวันนี้คาดว่า น่าจะทรงตัวใกล้เคียงเดิ

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

ลงซื้อขึ้นขายเก็งกำไรกรอบขาขึ้นระยะสั้นๆ มี Stop Loss หากต่ำกว่า 1,770 เหรียญ

– นักลงทุนที่ถือ Long Position 

แนะนำเก็งกำไรกรอบขาขึ้น โดยหาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว และขายปิดทำกำไรตามแนวต้าน มี Stop Loss หากต่ำกว่าระดับแนวรับ

– นักลงทุนที่ถือ Short Position

แนะนำให้หาจังหวะลดสถานะหรือปิดสถานะ

Gold Futures 10J21 จะมีแนวรับที่ระดับ 26,460 บาท และแนวต้านที่ระดับ 26,760  บาท

โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด

คำแนะนำ : ทองน่าจะเลือกทางในสัปดาห์นี้ จับตาผลจากแผนภาษีไบเดน และ FOMC / โฟกัสต้าน 1800 รับ 1750

แนวรับ 1770/ 1763|1753   แนวต้าน 1785|1790|1800
              Gold/silver           USD           Baht        DOW (stock)
ระยะสั้น    SW                          SW             SW         SW

ระยะยาว NEUTRAL  BULLISH  NEUTRAL BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS  1755-1790
จุดเข้า buy 1755-65
เป้าหมาย 1800-1815
SL 1750
รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1675-1800
จุดเข้า BUY 1755-65 เป้าหมาย 1815
SL 1749
สัปดาห์ที่ผ่านมาทองปิดในแดนบวกแม้จะมีแรงขายทำกำไรแถว $1800 ก็ตาม ภาพเชิงบวกยังไม่เสียจนกว่าราคาจะปิดต่ำกว่า $1763/1750 ในทางเทคนิค ในส่วนของปัจจัยพื้นฐานทองยังได้เงินไหลกลับจากราคาบิตคอยส์ร่วงหนักหลังแผนขึ้นภาษีคนรวยรอบใหม่ของไบเดนประกาศออกมา ทำให้ตลาดยุ่งวุ่นวายไปตามๆกัน สัปดาห์นี้ทองต้องจับตาแถลงการณ์ FOMC ของเฟดและตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่มีประกาศค่อนข้างมาก ที่น่าสนใจคือตัวเลข GDP ซึ่งช่วงหลังๆตัวเลขสหรัฐฯเริ่มออกมาดีเรื่อยๆ ดังนั้นคาดว่าสัปดาห์นี้ราคาทองน่าจะเลือกทางจะเป็นขาขึ้นทะลุ $1800 หรือปรับฐานลงแรง
กลยุทธ์ : ภาพรวมคืนวันศุกร์ทองยังดูเป็นเชิงบวก จึงยังแนะทางซื้อช่วงย่อตัว และหนีถ้าราคาปิดต่ำกว่า $1750 และซื้อตามหากราคาทะลุ $1795-1805 ได้ คาดว่าสัปดาห์นี้น่าจะแกว่งรอการ BREAKOUT กรอบ $1753-95

โดย  : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

Fundamental

  • Goldman Sachs คาดสภาคองเกรสของสหรัฐฯจะต่อรองแผนการปรับขึ้นภาษีรายได้และกำไรจากการลงทุนจาก 39.6-43.4%ลงเหลือ 28%
  • คาดที่ประชุม OPEC+สัปดาห์นี้จะเห็นชอบให้เพิ่มโควตาการผลิตน้ำมันแก่ประเทศสมาชิก แต่ให้จับตาความเห็นเกี่ยวกับคาดการณ์ผลกระทบจากโควิด

Technical

  • รูปซ้ายราคาอ่อนตัวลงแตะเส้นแนวโน้มขาขึ้นแล้วดีดกลับขึ้นไปได้ทันที เป็นสัญญาณบวกว่าbearish divergence ในRSI น่าจะหมดแรงแล้ว
  • รูปขวาราคาทิ้งดิ่งลงทันทีที่สหรัฐฯประกาศตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีเยี่ยมเมื่อคืนวันศุกร์ ถ้าไม่มีปัจจัยลบต่อทองคำเพิ่มอีก ทิศทางยังคงมีแนวโน้มขึ้นทดสอบ1,800 และมีโอกาสจะทะลุขึ้นไปยืนได้ด้วย
  • ทิศทางวันนี้แนวต้าน 1,790-1,800
  • จับจังหวะเล่นยังไง?ซื้อ และ stop loss ถ้าหลุดจากช่วง 1,765-1,770

Attention

โควิดทั่วโลกระบาดหนักขึ้น อัตราการติดเชื้อในหลายประเทศกลับพุ่งสูง และมีโอกาสมากขึ้นที่วัคซีนจะใช้ไม่ได้ผลเพราะการกลายพันธุ์มีความหลากหลายและรับมือได้ยากกว่าเดิมมาก

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

สัปดาห์ก่อนทองคำปรับขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ2 เดือน

สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ

ราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวกรอบ 1,770-1,800 ดอลลาร์

  • สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำ Spot ปรับขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ2 เดือน โดยปรับขึ้นใกล้แนวต้านสำคัญ 1,800 ดอลลาร์ ทองคำได้รับปัจจัยหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเอเชีย โดยเฉพาะอินเดียการชะลอตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และข่าวจีนนำเข้าทองคำในปริมาณสูงสุดในรอบ 14 ปี แต่ในช่วงปลายสัปดาห์ทองคำเริ่มปรับลดลง หลังจากสหรัฐประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ทั้งจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์อยู่ที่ระดับ 547,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ดัชนี PMI ภาคการผลิตดัชนี PMI ภาคบริการยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย. ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ซื้อทองคำ 2.04 ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
  • สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น และจีดีพีไตรมาส 1 ของสหรัฐ ซึ่งตลาดคาดจะขยายตัว 6.5% หลังจากที่ไตรมาส 4 ขยายตัว 4.3% สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะประกาศสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค.ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ดัชนี PMI เขตชิคาโกเดือนเม.ย.และดัชนีราคา PCE พื้นฐานเดือนเม.ย.
  • แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,770-1,800 ดอลลาร์ โดยมีแนวต้านสำคัญ 1,800ดอลลาร์ และแนวต้านถัดไป 1,815 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวรับ 1,770 ดอลลาร์ และ 1,760 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,777.10-5.31,770/1,7601,800/1,815

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
26,450-5026,300/26,15026,650/26,850

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
26,570-10026,440/26,30026,800/27,020

แนะนำเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,770 ดอลลาร์ (GF 26,440บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,760 ดอลลาร์(GF 26,300บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,779.30-10.201,772/1,7621,802/1,817

แนะนำเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรเมื่อราคาGOM21 ปรับลงมาที่ 1,772ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,762 ดอลลาร์

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดอ่อนค่าลงเงินบาทมีปัจจัยลบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ในประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในระดับที่สูงเกิน 2 พันรายมาติดต่อกัน 3 วันและกทม.ต้องมีการออกมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย. ส่วนเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเทียบกับสกุลเงินหลักๆเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังคงชะลอตัว ถึงแม้ว่ามีปัจจัยบวกจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งก็ตาม สำหรับ USD Futures เดือนมิ.ย.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 31.30 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 31.50 และ

News

ตลาดการเงินต่างประเทศดอลล์อ่อนค่าหลังบอนด์ยีลด์ยังคงชะลอตัว

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (23 เม.ย.) เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังคงชะลอตัวซึ่งลดความน่าดึงดูดใจของดอลลาร์และได้บดบังปัจจัยบวกจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินลดลง 0.52% สู่ระดับ 90.8621 เมื่อคืนนี้

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (23 เม.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งซึ่งหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้นและได้ลดความน่าดึงดูดใจของทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยสัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 4.2 ดอลลาร์หรือ 0.24% ปิดที่ 1,777.8 ดอลลาร์/ออนซ์และลดลง 0.1% ในรอบสัปดาห์นี้สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 10.5 เซนต์หรือ 0.4% ปิดที่ 26.075 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ:น้ำมันWTI ปิดบวก 71 เซนต์ขานรับข้อมูลศก.สหรัฐ-ยุโรปแข็งแกร่ง

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (23 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐและยุโรปแม้นักลงทุนยังคงวิตกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 71 เซนต์หรือ 1.2% ปิดที่ 62.14 ดอลลาร์/บาร์เรลแต่ลดลง 1.7% ในรอบสัปดาห์นี้สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 71 เซนต์หรือ 1.1% ปิดที่ 66.11 ดอลลาร์/บาร์เรลแต่ลดลง 1% ในรอบสัปดาห์นี้

ตลาดหุ้นต่างประเทศ:ดาวโจนส์ปิดบวก 227.59 จุดขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐดีเกินคาด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (23 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดของสหรัฐและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลายตัวพุ่งขึ้นจากการคาดการณ์ที่ว่าบริษัทต่างๆจะรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งในสัปดาห์หน้าดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,043.49 จุดเพิ่มขึ้น 227.59 จุดหรือ +0.67%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,180.17 จุดเพิ่มขึ้น 45.19 จุดหรือ +1.09% และดัชนีNasdaqปิดที่ 14,016.81 จุดเพิ่มขึ้น 198.40 จุด, +1.44%

ที่มา : gold.in.th(26 เม.ย.64)

- Advertisement -

Leave a Reply