ราคาทองวันนี้ ข่าวทองคำ

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 5 ก.ค.64 by SCT, Gcap, HGF

557

- Advertisement -

โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด

คำแนะนำ   :   ทองรีบาวด์เพราะอัตราคนตกงานเพิ่มขึ้น 5.9% แม้ NFP จะออกมาดี สัปดาห์นี้มีลุ้นซิกแซกขึ้น

แนวรับ 1780/ 1770/ 1760   แนวต้าน 1795|1806|1820
              Gold/silver           USD                       Baht        DOW (stock)
ระยะสั้น   SW/SW UP    SW DOWN                SW          SW UP
ระยะกลาง  SW                         SW                      SW         SW UP
ระยะยาว NEUTRAL  BULLISH  NEUTRAL BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS  1777-1805
จุดเข้า BUY 1780
เป้าหมาย 1800-20
SL 1768
รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1700-1900
จุดเข้า BUY 1740-60
เป้าหมาย 1850-1900
SL 1700
บทวิเคราะห์ : เมื่อคืนวันศุกร์ตัวเลขจ้างงาน NFP ออกมาดีขึ้นก็จริงแต่อัตราการว่างงานสหรัฐฯกลับออกมาสูงขึ้นขัดแย้งกัน ทำให้ทองได้ประโยชน์ปรับตลาดแดนบวกแต่ยังไม่สามารถทะลุกรอบบนคือ $1795-1800 ได้ สัปดาห์นี้น่าสนใจว่าทองจะมีพลังขึ้นต่อแค่ไหนเพราะคืนนี้เป็นวันหยุดตลาดสหรัฐฯและสัปดาห์นี้ก็ไม่มีตัวเลขสำคัญเยอะ แต่ภาพรวมทองเริ่มได้ประโยชน์จากราคาทองที่เริ่มฟื้นตัวดีและตัวเลขต่างๆยังเป็นเอื้อกับความต้องการถือครองทองในระยะกลาง โดยเฉพาะเงินเฟ้อ ในทางเทคนิคทองรอการ BREAKOUT กรอบ $1770-95 หากราคายืน $1800 ได้แน่นๆก็มีลุ้นเป็นขาขึ้น อย่างไรก็ตามหากยืนไม่ได้ราคาทองก็จะแกว่ง SIDEWAYS ต่อไปคาดว่าทองมีลุ้นรีบาวด์
กลยุทธ์ : สถานะการณ์โควิดสายพันธ์อินเดียกระจายตัวค่อนข้างน่ากลัวหลายประเทศ อาจทำให้คนหันมาถือทรัพย์สินปลอดภัยอย่างทอง จึงแนะนำการซื้อช่วงย่อตัวต่อไปในเดือนนี้ และรอซื้อตามหากราคา BREAKOUT กรอบบนข้าม $1800 ได้ แต่อาจผันผวนได้เพราะนักลงทุนยังกังวลเรื่องเฟดขู่จะขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้า ส่วนค่าเงินบาทที่อ่อนมาก สั้นๆอาจแข็งค่าแต่โดยรวมยังเป็นทรงอ่อนค่าเพราะกังวลจะมีการ LOCKDOWN อีกรอบ

โดย : บริษัท จีแคป จำกัด

แนะแนวทางการลงทุน
แนวรับ 1,779- 1,774- 1,770
แนวต้าน 1,796 – 1,800– 1,805
ราคาทองคำขยับตัวอ่อนตัวลงเล็กน้อยและยังไม่เสียการทรงตัว โดยมองว่าตลาดยังมีปัจจัยหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลงนอกจากนี้ นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนมองว่าตลาดแรงงานสหรัฐกำลังฟื้นตัวขึ้นแต่ก็ยังไม่ร้อนแรงพอที่จะทำให้เฟดหันมาคุมเข้มนโยบายการเงินมากขึ้น

แนวโน้มราคาทองคำช่วงเช้า
มุมมองทองคำภาคเช้า ทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ลดลง และดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ทั้งนี้ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ และนักวิเคราะห์ระบุว่าการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่พุ่งขึ้นเกินคาด จะไม่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่อย่างใด ถึงแม้แรงกดดันจากค่าจ้างกำลังเพิ่มขึ้น และตลาดแรงงานสหรัฐกำลังฟื้นตัวขึ้น
แต่ก็ยังไม่ร้อนแรงพอที่จะทำให้เฟดหันมาคุมเข้มนโยบายการเงินมากขึ้น” นายฮิวจ์ กิมเบอร์ นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน แอสเซ็ท แมเนจเมนท์กล่าว นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ลดลงด้วย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ลดลงสู่ระดับ 1.43% โดยการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย ด้านข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ ISM ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่ JOLTs จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการ สินค้าคงคลังภาคค้าส่ง เป็นต้น

- Advertisement -

สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (2 ก.ค.) แม้สหรัฐเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดก็ตาม ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์เชื่อมั่นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆ นี้

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

อัตราการว่างงานสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็น 5.9% สวนทางกับตลาดคาด

สัปดาห์นี้ติดตามการเปิดเผยรายงานการประชุม FOMC

ราคาทองคำคาดปรับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์

  • ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำ Spot ปรับลงมาที่แนวรับสำคัญ 1,750 ดอลลาร์ ทองคำมีปัจจัยลบจากการจ้างงานภาคเอกชน ADP ของสหรัฐเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นสูงกว่าตลาด และประธานเฟดสาขาดัลลัสให้ความเห็นว่าเฟดควรปรับลดวงเงินมาตรการ QE ในปีนี้ อย่างไรก็ดีมีแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเนื่องจากความกังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า ส่วนการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 850,000 ตำแหน่ง เพิ่มขึ้นกว่าตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 725,000 ตำแหน่ง แต่อัตราการว่างงานเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.9% สวนทางกับที่ตลาดคาดไว้ว่าลดลงสู่ระดับ 5.6% ทางด้านกองทุน SPDR ขายทองคำ 0.29 ตันในสัปดาห์ผ่านมา
  • สัปดาห์นี้ติดตามการเปิดเผยรายงานการประชุม FOMC เมื่อวันที่ 15-16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่เฟดได้ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าที่เฟดคาดการณ์ 1 ปี สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐอื่นๆ ที่จะประกาศสัปดาห์นี้มีไม่กี่ตัว ได้แก่  ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนมิ.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์จำนวนตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัครเดือนพ.ค.
  • แนวโน้มราคาทองคำคาดปรับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์โดยทองคำมีแนวรับ 1,770 ดอลลาร์ และ 1,760 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,790 ดอลลาร์ และ 1,800 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,787.30+10.91,770/1,7601,790/1,800

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
27,150+25026,950/26,85027,200/27,350

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
27,400+7027,130/27,00027,390/27,540

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำขายทำกำไรที่ราคาทอง Spot 1,800ดอลลาร์ (GF 27,540 บาท) ส่วนการเข้าซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวแนะนำที่ราคาทองคำ Spot1,760 ดอลลาร์ (GF27,000บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,750ดอลลาร์ (GF 26,860บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,791.50+5.701,773/1,7631,793/1,803

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำขายทำกำไรที่ราคาGOU21 1,803ดอลลาร์ส่วนการเข้าซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวแนะนำที่ราคาGOU211,763ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,753ดอลลาร์

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดเริ่มทรงตัว หลังจากอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา แม้สหรัฐเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นเกินคาดก็ตามส่วนอัตราการว่างงานเดือนมิ.ย. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 5.9% สวนทางกับที่ตลาดคาดไว้ว่าลดลงสู่ระดับ 5.6%ทั้งนี้เงินบาทยังขึ้นอยู่กับการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดในประเทศด้วย สำหรับ USD Futures เดือนก.ย.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 32 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 32.20-32.25บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ:ดอลล์อ่อนค่าแม้สหรัฐเผยข้อมูลจ้างงานแข็งแกร่งเกินคาด

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (2 ก.ค.) แม้สหรัฐเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดก็ตามดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินลดลง 0.40% แตะที่ 92.2272  เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดบวก 6.5 ดอลล์ขานรับบอนด์ยีลด์ลด-ดอลลาร์อ่อนค่า

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (2 ก.ค.) เป็นวันที่ 3 ติดต่อกันโดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ลดลงและดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 6.5 ดอลลาร์หรือ 0.37% ปิดที่ 1,783.3  ดอลลาร์/ออนซ์ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. และปรับตัวขึ้น 0.3% ในรอบสัปดาห์นี้สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 40.1 เซนต์หรือ 1.54% ปิดที่ 26.501 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดลบ 7 เซนต์เทรดเดอร์ชะลอซื้อ-รอผลประชุมโอเปกพลัส

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (2 ก.ค.) เนื่องจากบรรดาเทรดเดอร์ชะลอการซื้อขายขณะรอผลการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรหรือโอเปกพลัสสัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 7 เซนต์หรือ 0.1% ปิดที่ 75.16 ดอลลาร์/บาร์เรลแต่ปรับตัวขึ้น 1.5% ในรอบสัปดาห์นี้สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 33 เซนต์หรือ 0.4% ปิดที่ 76.17 ดอลลาร์/บาร์เรลและปรับตัวขึ้น 1% ในรอบสัปดาห์นี้

ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดบวก 152.82 จุดขานรับข้อมูลจ้างงานแข็งแกร่งเกินคาด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกทำนิวไฮเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (2 ก.ค.) ขณะที่ดัชนีS&P500 ปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 7 ขานรับการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาดขณะที่บรรดานักวิเคราะห์เชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆนี้ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,786.35 จุดเพิ่มขึ้น 152.82 จุดหรือ +0.44%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,352.34 จุดเพิ่มขึ้น 32.40 จุดหรือ +0.75% และดัชนีNasdaqปิดที่ 14,639.32 จุดเพิ่มขึ้น 116.95 จุดหรือ +0.81%

ทำเนียบขาวเตรียมส่งทีมงานชุดพิเศษรุดตรวจหาเชื้อหวังสกัดโควิดเดลตา

ทำเนียบขาวเตรียมส่งทีมงานชุดพิเศษลงพื้นที่จุดเสี่ยงทั่วสหรัฐเพื่อรับมือการระบาดของไวรัสโควิด-19สายพันธุ์เดลตาหลังพบยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโรคอยู่ในระดับต่ำการระดมฉีดวัคซีนอย่างรวดเร็วในสหรัฐส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19ลดลงอย่างมากจากที่เคยมีผู้ติดเชื้อรายวันเฉลี่ยสูงสุดต่อสัปดาห์มากกว่า250,000รายเมื่อเดือนม.ค. จนลดลงเหลืออยู่ที่ราว11,000รายในเดือนมิ.ย.    อย่างไรก็ดียอดผู้ติดเชื้อรายวันได้กลับมาเพิ่มขึ้นราว10%แตะที่12,500รายเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากคงระดับไว้ได้ก่อนหน้านี้เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในแถบมิดเวสต์และตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนในระดับต่ำและยังพบการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาซึ่งแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วทางด้านนายเจฟฟ์เซียนท์ที่ปรึกษาระดับอาวุโสด้านการรับมือโควิด-19ของทำเนียบขาวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าทีมรับมือสถานการณ์โควิด-19จะเร่งจัดหาอุปกรณ์การตรวจและยารักษาโรคโควิด-19เพิ่มเติมให้กับชุมชนที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19เพิ่มขึ้นดร.โรเชลล์วาเลนสกีผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐเปิดเผยว่าประชาชนกว่า180ล้านคนซึ่งครอบคลุมวัยผู้ใหญ่66%ในสหรัฐได้รับวัคซีนโดสแรกแล้วอย่างไรก็ดีอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19ในกว่า1,000เคาน์ตียังอยู่ในระดับต่ำกว่า30%  “เห็นได้ชัดว่าชุมชนที่ยังมีความเสี่ยงล้วนเป็นชุมชนที่ประชาชนยังไม่ได้รับวัคซีนขณะที่เชื้อสายพันธุ์เดลตามีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นสายพันธุ์ที่มีการระบาดมากเป็นอันดับสองในสหรัฐ” ดร.วาเลนสกีกล่าว

สำนักงบประมาณสหรัฐร่วมวงIMF ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจในประเทศเป็น2เท่า

สำนักงบประมาณแห่งสภาคองเกรสสหรัฐ (CBO) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปี2564ขึ้น2เท่าพร้อมกับคาดว่ายอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ3ล้านล้านดอลลาร์แม้ว่าการใช้จ่ายด้านการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19จะสูงขึ้นก็ตามทั้งนี้CBO คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว7.4%ในปี2564ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ3.7%อย่างไรก็ดีCBO คาดว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปี2565จะชะลอตัวลงสู่ระดับ3.1%และสู่ระดับ1.1%ในปี2566ขณะเดียวกันCBO คาดการณ์ว่ายอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ3ล้านล้านดอลลาร์หลังจากพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ที่3.129ล้านล้านดอลลาร์ในปี2563อันเนื่องมาจากโครงการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทรุดตัวลงอย่างรุนแรงหลังรัฐบาลประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์

จอห์นสันฯเผยผลทดลองชี้วัคซีนสามารถป้องกันไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาได้

บริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (J&J) เปิดเผยว่าผลการศึกษาในห้องทดลองพบว่าวัคซีนของบริษัทสามารถป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19สายพันธุ์เดลตาซึ่งกำลังแพร่ระบาดในสหรัฐและประเทศอื่นๆทั่วโลก  J&J ระบุว่าผลการทดลองฉีดวัคซีนของJ&J ให้กับอาสาสมัคร8คนพบว่าวัคซีนสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่เรียกว่าNeutralizing Antibody ในระดับที่แข็งแกร่งและสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19ทุกสายพันธุ์ได้นานอย่างน้อย8เดือนซึ่งรวมถึงไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่มีการพบครั้งแรกในประเทศอินเดียนายโยฮันแวนฮูฟหัวหน้าฝ่ายวัคซีนและโรคติดเชื้อของJ&J กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “เรารู้สึกยินดีมากและมั่นใจว่าในขณะนี้เราสามารถป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ได้”ผลการทดลองล่าสุดนี้ถือเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่ามีวัคซีนของJ&J เพิ่มขึ้นอีก1ตัวที่สามารถป้องกันไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาได้หลังจากที่ก่อนหน้านี้โมเดอร์นาอิงค์ได้ออกมาเปิดเผยว่าวัคซีนของบริษัทสามารถสร้างภูมิต้านทาน (แอนติบอดี) ในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19สายพันธุ์เดลตาได้

สหรัฐ-IMF ขานรับ130ชาติเห็นพ้องกำหนดอัตราภาษีขั้นต่ำระดับโลก

ประธานาธิบดีโจไบเดนแห่งสหรัฐและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ออกแถลงการณ์ขานรับรายงานที่ว่า130ประเทศได้เห็นพ้องกับการกำหนดอัตราภาษีขั้นต่ำระดับโลก (Global Minimum Tax) หรือGMT ซึ่งจะเปิดทางให้รัฐบาลต่างๆเรียกเก็บภาษีจากบริษัทขนาดใหญ่ได้มากขึ้น   “ในวันนี้เราได้ก้าวเข้าสู่ขั้นตอนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกให้มุ่งไปในทิศทางที่มีความเท่าเทียมกันมากขึ้นสำหรับพนักงานและครอบครัวชนชั้นกลาง” ปธน.ไบเดนระบุในแถลงการณ์พร้อมกับย้ำว่าการกำหนดอัตราภาษีGMT จะช่วยป้องกันไม่ให้บริษัทข้ามชาติหลบซ่อนผลกำไรไว้ในประเทศที่เก็บภาษีต่ำนางเจเน็ตเยลเลนรัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ออกมาขานรับข้อตกลงดังกล่าวด้วยเช่นกันโดยกล่าวว่า “เป็นเวลาหลายสิบปีที่สหรัฐได้เข้าร่วมการแข่งขันด้านภาษีระหว่างประเทศโดยได้ปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของเราขณะที่ชาติอื่นก็ปรับลดลงตามทำให้ทุกประเทศต่างแข่งกันปรับลดอัตราภาษีให้มากที่สุดและเร็วที่สุดซึ่งท้ายที่สุดก็ไม่มีชาติใดได้รับชัยชนะ”    “ข้อตกลงในวันนี้โดย130ประเทศที่มีสัดส่วนGDP มากกว่า90%ของทั้งโลกถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าการแข่งกันปรับลดอัตราภาษีให้ต่ำที่สุดใกล้จะยุติลงแล้วโดยอเมริกาจะเข้าร่วมการแข่งขันที่เราสามารถชนะได้โดยตัดสินจากความชำนาญของแรงงานของเราและความแข็งแกร่งของโครงสร้างพื้นฐานของเรา” นางเยลเลนระบุในแถลงการณ์อย่างไรก็ดีนางเยลเลนไม่ได้เปิดเผยว่าGMT จะมีอัตราภาษีอยู่ที่ระดับใดอย่างไรก็ดีรัฐบาลของประธานาธิบดีโจไบเดนได้พยายามผลักดันให้ประเทศทั่วโลกกำหนดอัตราภาษีขั้นต่ำที่15%

ที่มา : gold.in.th( 5 ก.ค.64 )

- Advertisement -

Leave a Reply