ราคาทองวันนี้ ข่าวทองคำ

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 13 ก.ค.64 by SCT, HGF, GT

545

- Advertisement -

โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด

คำแนะนำ   :  ทอง SIDEWAYS รอวิ่งทะลุกรอบ คืนนี้รอดูเงินเฟ้อ US ที่คาดว่าลดลง  ทองยังต้องลุ้นต่อ
 
แนวรับ 1800/ 1790/ 1785   แนวต้าน 1811|1817|1830
              Gold/silver           USD                       Baht        DOW (stock)
ระยะสั้น   SW/SW UP          SW DOWN          SW          SW UP
ระยะกลาง  SW                         SW                      SW         SW UP
ระยะยาว NEUTRAL  BULLISH  NEUTRAL BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS 1795-1817
จุดเข้า BUY 1790-1800
เป้าหมาย 1814-30
SL 1789
รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1700-1900
จุดเข้า BUY 1770-90
เป้าหมาย 1825-50
SL 1760
บทวิเคราะห์ : ทองขาดปัจจัยข่าวใหม่ทำให้ราคาทองแกว่ง SIDEWAYS มาหลายวันคล้ายเตรียมจะ BREAK OUT ด้านใดด้านหนึ่งถ้ามีประเด็นข่าวกระทบ ซึ่งในสัปดาห์นี้ตลาดรอดูดัชนีเงินเฟ้อสหรัฐฯในคืนนี้ และปธ.เฟดแถลงนโยบายต่อรัฐสภาใน 2 วันคือ คืนพุธและพฤหัส ซึ่งคาดว่ารอบนี้ทองจะต้องวิ่งแรงๆให้เห็นโดยเฉพาะประเด็นนโยบายการรับซื้อพันธบัตรหรือ QE ของเฟดว่าจะถูกปรับลงในช่วงเวลาไหน ถ้าเร่งรีบลดก่อนสิ้นปีนี้จะถือเป็นผลลบกับราคาทอง ตลาดหุ้น และเกื้อหนุนค่าเงินสหรัฐฯ ดังนั้นราคาทองแม้จะรีบาวด์ในปีนี้ยังต้องเจอแรงกดดันต่อไป
กลยุทธ์ : คืนนี้ลุ้นแรกกับดัชนีเงินเฟ้อ ถ้าค่าออกมาลดลงอาจเป็นลบกับทองคำบ้าง ยังไงการแถลงของปธ.เฟด ในคืนวันพุธน่าจะสำคัญที่สุด วันนี้จึงแนะนำเล่นสั้นย่อซื้อขึ้นขายสั้นๆตามการสวิงกรอบ $1790-1815 ไว้ราคาทะลุด้านไหนค่อยเทรดตาม  ส่วนปัจจัยค่าเงินบาทยังดูอ่อนแอตามข่าวว่า GDP ของไทยน่าจะหลุดเป้าปีนี้หลังโควิดคุกคามจ่อขยายวง LOCK DOWN อาจต้องใช้เวลาอีก 1-3 เดือนจึงจะลดการติดเชื้อ ดังนั้นการลงทุนในทองไทยฝั่งซื้อจึงได้เปรียบในระยะกลาง

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

กองทุน SPDR Gold Trust ขายทองคำ 2.91 ตัน

คืนนี้สหรัฐจะประกาศดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมิ.ย.

- Advertisement -

ราคาทองคำคาดเคลื่อนไหว Sideways up

  • ราคาทองคำ Spot เมื่อวานเคลื่อนไหวในกรอบ 1,790-1,810 ดอลลาร์และปิดตลาดลดลงเล็กน้อย เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.363%และเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอย่างไรก็ดีราคาทองคำสามารถปิดที่เหนือระดับ 1,800 ดอลลาร์ติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตาทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ขายทองคำ2.91ตันหลังจากขายทองคำ 2.39 ตันในสัปดาห์ก่อน
  • คืนนี้สหรัฐจะประกาศดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมิ.ย. ซึ่งตลาดคาดเพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายเดือนและเพิ่มขึ้น 4.9% เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือนและเพิ่มขึ้น 5.0% เมื่อเทียบรายปี
  • แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวSideways up โดยคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,790-1,810 ดอลลาร์ โดยทองคำมีแนวต้าน 1,810 ดอลลาร์และ 1,820 ดอลลาร์ขณะที่มีแนวรับ 1,790 ดอลลาร์ และ 1,770 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,805.90-2.01,790/1,7701,810/1,820

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
27,850+5027,650/27,40027,900/28,050

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,080+5027,830/27,55028,100/28,230

การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำที่ราคาทองคำ Spot1,790 ดอลลาร์ (GF27,830บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,780ดอลลาร์ (GF 27,700บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,809.50+5.101,793/1,7731,813/1,823

การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำที่ราคาGOU211,793ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,783ดอลลาร์

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดอ่อนค่าลงเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ในประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในระดับที่สูง ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19สำหรับ USD Futures เดือนก.ย.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 32.50 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 32.70-32.75บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ:ดอลล์แข็งค่านลท.ซื้อสกุลเงินปลอดภัยเหตุวิตกผลกระทบโควิด

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (12 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงหลังมีรายงานว่านายบอริสจอห์นสันนายกรัฐมนตรีอังกฤษเตรียมประกาศยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงพุ่งขึ้นก็ตามดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.13% แตะที่ 92.2596 เมื่อคืนนี้

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (12 ก.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 4.7 ดอลลาร์หรือ 0.26% ปิดที่ 1,805.9 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 0.5 เซนต์หรือ 0.02% ปิดที่ 26.239 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดลบ 46 เซนต์วิตกโควิดฉุดดีมานด์ชะลอตัว

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (12 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะไวรัสสายพันธุ์เดลตาจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกนอกจากนี้ตลาดน้ำมันยังถูกกดดันจากความล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรหรือโอเปกพลัสสัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 46 เซนต์หรือ 0.6% ปิดที่ 74.10 ดอลลาร์/บาร์เรลสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 39 เซนต์หรือ 0.5% ปิดที่ 75.16 ดอลลาร์/บาร์เรล

ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดบวก 126.02 จุดรับความหวังผลประกอบการสดใส

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (12 ก.ค.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดทำนิวไฮขานรับการคาดการณ์ที่ว่าผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนจะออกมาแข็งแกร่งโดยนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารอย่างคึกคักก่อนที่ธนาคารรายใหญ่ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกนและโกลด์แมนแซคส์จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐรวมทั้งถ้อยแถลงของนายเจอโรมพาวเวลประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ด้วยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,996.18 จุดเพิ่มขึ้น 126.02 จุดหรือ +0.36% ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,384.63 จุดเพิ่มขึ้น 15.08 จุดหรือ +0.35% และดัชนีNasdaqปิดที่ 14,733.24 จุดเพิ่มขึ้น 31.32 จุดหรือ +0.21%

ขุนคลังกลุ่มG20เตือนเศรษฐกิจโลกเผชิญความเสี่ยงจากโควิดสายพันธุ์ใหม่

กลุ่มรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของประเทศกลุ่มG20ประกาศเตือนว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญความเสี่ยงจากเชื้อโควิด-19สายพันธุ์ใหม่และจากการที่ประเทศที่มีฐานะยากจนไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างเต็มที่การประชุมของG20จัดขึ้นเมืองเวนิซประเทศอิตาลีในช่วงสุดสัปดาห์โดยเป็นการประชุมแบบพบหน้ากันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19แถลงการณ์สรุปจากที่ประชุมG20ระบุว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มดีขึ้นเมื่อเทียบการประชุมครั้งก่อนในช่วงเดือนเม.ย. โดยได้ปัจจัยเกื้อหนุนจากแผนการระดมฉีดวัคซีนและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆอย่างไรก็ดีในแถลงการณ์ยอมรับว่าสภาพเศรษฐกิจในขณะนี้ยังมีความเปราะบางอยู่เนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตาที่แพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว  “การฟื้นตัวของเศรษฐกิจกระจายตัวไม่เท่ากันทั้งในระดับโลกและระดับภายในประเทศซึ่งทำให้ยังมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะทรุดลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19สายพันธุ์ใหม่รวมถึงอัตราการฉีดวัคซีนที่ไม่เท่ากันของแต่ละพื้นที่” แถลงการณ์ระบุและเสริมว่า “เราขอเน้นย้ำถึงความตั้งใจของเราในการใช้กลไกทางนโยบายทั้งหมดที่มีและนานเท่าที่จำเป็นเพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรค”   แถลงการณ์ดังกล่าวสนับสนุนให้มีการกระจายวัคซีนอย่างเท่าเทียมกันทั่วโลกแต่ไม่ได้มีการเสนอมาตรการที่ชัดเจนใดๆนอกเหนือจากการแนะนำให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF), ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์), องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การการค้าโลก (WTO) ให้การสนับสนุนทางการเงินเป็นจำนวน5หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับการดำเนินการด้านวัคซีนนายบรูโนเลอแมร์รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของฝรั่งเศสกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ทุกประเทศทั่วโลกต่างต้องปรับปรุงการทำงานด้านการระดมฉีดวัคซีนให้ดีขึ้นเราคาดว่าเศรษฐกิจของG20จะมีแนวโน้มฟื้นตัวดีมากและอุปสรรคอย่างเดียวที่ขัดขวางไม่ให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและแข็งแกร่งก็คือความเสี่ยงว่าจะเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่”

นางคริสตินลาการ์ดประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กทีวีว่าทางECB จะปรับเปลี่ยนสัญญาณชี้นำนโยบายการเงินในการประชุมครั้งหน้าเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ใหม่และความมุ่งมั่นของECB ในการกระตุ้นเงินเฟ้อความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังECB ประกาศปรับเป้าหมายเงินเฟ้อเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาพร้อมกับเปิดเผยบทบาทใหม่ของทางธนาคารในการร่วมมือแก้ไขปัญหาโลกร้อนซึ่งถือเป็นการยกเครื่องนโยบายครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์23ปีของการก่อตั้งECBทั้งนี้ECB เปิดเผยว่าทางธนาคารจะเปลี่ยนแปลงเป้าหมายเงินเฟ้อจากเดิมที่กำหนดให้ “อยู่ใกล้แต่ไม่เกินระดับ2%” โดยปรับเป็น “อยู่ที่ระดับ2%” แต่ECB จะใช้ความยืดหยุ่นโดยจะอนุญาตให้เงินเฟ้อหรือดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สามารถดีดตัวขึ้นสูงกว่า2%หากมีความจำเป็น   ECB ระบุว่าเป้าหมายเงินเฟ้อเดิมที่ระบุให้เงินเฟ้อ “อยู่ใกล้แต่ไม่เกินระดับ2%” ได้สร้างความรู้สึกที่ว่าECB มีความกังวลต่อการที่เงินเฟ้ออยู่สูงกว่าเป้าหมายมากกว่ากังวลต่อการที่เงินเฟ้ออยู่ต่ำกว่าเป้าหมายทำให้ECB ได้ข้อสรุปในวันนี้ว่าการขยายตัวของราคาทั้งอยู่เหนือและอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายล้วนเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์อย่างไรก็ดีECB ชี้แจงว่าภายใต้บางสถานการณ์ที่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากนโยบายการเงินอย่างเข้มข้นและอย่างต่อเนื่องเงินเฟ้อสามารถดีดตัวขึ้นชั่วคราวเหนือระดับเป้าหมายถ้อยแถลงของประธานECB หมายความว่าECB ไม่น่าจะคุมเข้มนโยบายการเงินก่อนกำหนดและหนุนความคาดหวังว่าเงินจะเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้นในอนาคตหลังอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายของECB เป็นระยะเวลาส่วนใหญ่ในรอบ10ปีที่ผ่านมาสัญญาณชี้นำนโยบายการเงินปัจจุบันของECB ระบุว่าECB จะซื้อพันธบัตรให้นานเท่าที่จำเป็นและรักษาระดับดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับปัจจุบันซึ่งต่ำสุดเป็นประวัติการณ์จนกว่าจะเห็นว่าแนวโน้มเงินเฟ้อเริ่มไต่ขึ้นสู่ระดับเป้าหมาย

นายกฯอังกฤษเตือนโควิดยังไม่จบย้ำปชช.ระมัดระวังหลังยกเลิกมาตรการควบคุมโรค

นายบอริสจอห์นสันนายกรัฐมนตรีอังกฤษเตรียมประกาศเตือนให้ประชาชนใช้ความระมัดระวังขณะที่หลายฝ่ายจับตาการแถลงยกเลิกมาตรการควบคุมโรคโควิด-19ส่วนใหญ่ในวันนี้โดยคาดว่านายกรัฐมนตรีอังกฤษจะยืนยันการตัดสินใจดังกล่าวซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่19ก.ค. เป็นต้นไปขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศพุ่งสูงขึ้นในรอบหลายเดือน    “การระบาดทั่วโลกยังไม่จบ” และ “ยอดผู้ติดเชื้อจะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเรายกเลิกมาตรการควบคุมโรคการสื่อสารของเราจะต้องชัดเจนการออกคำเตือนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเราทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกันไม่อย่างนั้นก็จะเดินหน้าต่อไปไม่ได้” นายจอห์นสันระบุในแถลงการณ์วานนี้ก่อนหน้านี้นายจอห์นสันได้เสนอให้ยกเลิกมาตรการควบคุมโรคบางส่วนได้แก่การสวมหน้ากากอนามัยและการเว้นระยะห่างทางสังคมรวมถึงคำสั่งให้ทำงานจากที่บ้านแม้ว่าอังกฤษจะดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19ได้รวดเร็วมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลกโดยมีประชากรวัยผู้ใหญ่กว่า87%ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อยหนึ่งโดสขณะที่66%ได้รับวัคซีนครบทั้งสองโดสแล้วอย่างไรก็ดียอดผู้ติดเชื้อในอังกฤษกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งโดยแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ฤดูหนาวเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาทางด้านรัฐบาลอังกฤษให้เหตุผลว่าแม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นแต่ยอดผู้เสียชีวิตและผู้ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลจากโควิด-19ยังคงลดลงกว่าเมื่อก่อนมากนอกจากนี้ยังมีหลักฐานบ่งชี้ว่าวัคซีนสามารถช่วยชีวิตคนและช่วยให้การกลับมาเปิดเศรษฐกิจมีความปลอดภัยมากขึ้นทั้งนี้ทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษระบุว่าการอนุมัติยกเลิกมาตรการควบคุมโรคขึ้นอยู่กับปัจจัยสี่ข้อได้แก่จำนวนผู้ฉีดวัคซีนมีมากพอ, จำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลและเสียชีวิตที่ลดลงหลังฉีดวัคซีน, โรงพยาบาลไม่อยู่ในสภาพที่ต้องแบกรับภาระหนักจากการดูแลผู้ป่วยและการที่เชื้อไวรัสโควิด-19สายพันธุ์ใหม่ไม่เพิ่มความเสี่ยงที่รุนแรง

ไฟเซอร์เตรียมหารือกับสาธารณสุขสหรัฐประเด็นฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกัน

บริษัทไฟเซอร์ผู้ผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19ประกาศว่าบริษัทเตรียมจัดการประชุมกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานสาธารณสุขของสหรัฐอย่างเร็วที่สุดภายในวันนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับความจำเป็นของการฉีดวัคซีนเข็มที่3เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายโดยบริษัทได้แสดงความต้องการการอนุมัติจากหน่วยงานที่กำกับดูแลก่อนหน้านี้หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่าไฟเซอร์มีกำหนดการเข้าพบตัวแทนของคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ซึ่งตรงกับที่ตัวแทนของไฟเซอร์เปิดเผยในวันนี้อย่างไรก็ดีวอชิงตันโพสต์ยังรายงานว่าการประชุมดังกล่าวอาจต้องเลื่อนกำหนดการไปเป็นวันอื่นการจัดการประชุมครั้งนี้มีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากบริษัทไฟเซอร์และบริษัทบิออนเทคซึ่งเป็นหุ้นส่วนประกาศแผนขอการอนุมัติจากหน่วยด้านกำกับดูแลของสหรัฐและยุโรปสำหรับการฉีดวัคซีนโดสที่3ของบริษัทท่ามกลางการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ใหม่และข้อมูลที่บ่งชี้ว่าผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วอาจมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป6เดือนหลังจากการฉีดวัคซีนครั้งแรกรายชื่อของผู้ที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้มีทั้งผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ (NIH), ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) และนายแพทย์แอนโทนีเฟาชีแพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19ของทำเนียบขาวและผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (NIAID)อย่างไรก็ตามการประกาศดังกล่าวได้ทำให้FDA และCDC ออกมาประกาศทันควันว่าประชาชนในสหรัฐยังไม่จำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิในขณะนี้ส่วนทางด้านกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐยังไม่ได้มีการแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้แต่อย่างใด

โดย  : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

Fundamental

  • Fed เผยผลสำรวจชี้ผู้บริโภคในสหรัฐฯว่าคาดเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นเป็น4.8% ในปีหน้า
  • ผู้เชี่ยวชาญคาดตัวเลข CPI สหรัฐฯคืนนี้จะอยู่ที่ +5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งสูงขึ้นกว่าเดือนก่อนเล็กน้อย
  • ประธาน ECB เผย แบงก์ชาติยุโรปกำลังเตรียมตัวเปลี่ยนนโยบายการเงิน และจะเสนอแผนของปีหน้าที่เน้นจัดการเงินเฟ้อ ในการประชุมเดือนนี้
  • WHO เตือนนานาชาติระวังการผสมวัคซีนโควิดจากต่างบริษัทมาฉีดให้ประชาชน เพราะยังไม่มีผลวิจัยที่รับรองว่าปลอดภัยและยังประเมินผลข้างเคียงไม่ได้

Technical

  • รูปซ้ายเมื่อวานราคาเกิดการทิ้งตัวแล้วดึงกลับทันที ซึ่งเป็นลักษณะของ bear trap จึงยังคงbias ทางขึ้น
  • รูปขวาการแกว่งของราคาในระยะสั้นยังคงผันผวนและไม่สามารถคาดเดาทิศทางได้ และอาจจะเกิดซ้ำได้ทั้ง bull trap และ bear trap
  • ทิศทางวันนี้มองหาปัจจัยใหม่
  • จับจังหวะเล่นยังไง?ซื้อสะสม แต่ถ้าลงต่ำกว่า 1,790 ให้stop loss แล้ว follow short เน้นจบในวัน

Attention

  • 14-15ก.ค.ประธานFed ต้องตอบข้อซักถามของสภา
    ไม่น่ามีอะไรเซอร์ไพรซ์ แต่ตลาดยังคงเฝ้าระวังกับทุกคำพูดของเจอโรม พาวเวลล์ เพราะอาจมีอะไรที่ใบ้ถึงช่วงเวลาที่แน่นอนในการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน
  • ติดตามผลการเจรจาวงเงินเบิกจ่าย 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ ระหว่างพรรคเดโมแครตกับพรรครีพับลิกัน
  • เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้ากำลังแพร่กระจายทั่วโลก หลายประเทศทยอยห้ามการเดินทางระหว่างประเทศ แม้ว่าได้รับการฉีดวัคซีนที่ประเทศต้นทางแล้วก็ตาม

ที่มา : gold.in.th( 13 ก.ค.64 )

- Advertisement -

Leave a Reply