ราคาทองวันนี้ ข่าวทองคำ

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 20 ก.ย.64 by HGF, GT, YLG, MTS, GCAP, TDC

819

- Advertisement -

โดย : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

Fundamental

  • ดอลลาร์แข็งจาก 2 สาเหตุ
  • อย่างแรก ตลาดเก็งว่าFed จะกำหนดวันและระดับการลดวงเงินQE ในการประชุมนี้
  • อย่างที่สอง เอเวอร์แกรนด์ส่อเค้าผิดนัดชำระหนี้ตามกำหนดในเดือนนี้ ทำให้รัฐบาลจีนอาจต้องอัดฉีดเงินเข้าอุ้มตลาด สกุลเงินฝั่งเอเชียจึงมีแนวโน้มอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์
  • ส่งผลทำให้ราคาทองคำยังคงถูกกดดันต่อไป
  • เยลเลนเตือน เพดานหนี้เป็นปัญหาที่จะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯในระยะยาว

Technical

  • RSI ปรับขึ้นมาอยู่เหนือoversold เล็กน้อย แต่ราคาอ่อนตัวลงมาจ่อจะหลุด 1,750 ซึ่งมีโอกาสจะลงลึกได้ถึงช่วง 1,677-1,717 ที่เป็นจุดต่ำสุดเดิม
  • ราคารีบาวด์ได้แค่ช่วงสั้น แล้วร่วงกลับลงมา เส้น MA กำลังกดซ้ำบังคับให้ราคาเลือกทางอีกครั้ง วันนี้อาจฝืนทรงตัวได้ แต่ต้องระวังต้นสัปดาห์มีโอกาสดิ่งหนักก่อนประกาศผลประชุม Fed
  • ทิศทางวันนี้ยืนลุ้น1,750 สถานีถัดไป 1,720
  • จับจังหวะเล่นยังไง?ถ้าขึ้นไม่ผ่าน 1,765 น่าชอร์ตซ้ำ หรือ ถ้าลงหลุด 1,745 น่าชอร์ตเพิ่ม

Attention

- Advertisement -

  • คืนวันพุธ  คาดที่ประชุม Fed จะเผยแผนการปรับลดวงเงิน QE แบบคร่าว ๆ รวมถึงย้ำว่าจะยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย
  • เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้ากำลังแพร่กระจายทั่วโลก และยังไม่มีวิธีหรือวัคซีนใดที่ป้องกันได้ผลชัดเจน
  • เชื้อโควิดสายพันธุ์มิวกำลังแพร่กระจายทั่วสหรัฐฯ

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

สัปดาห์ก่อนทองคำลงแรง ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง

สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ทองคำมีแนวรับสำคัญ 1,750 ดอลลาร์

  • สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำSpot ปรับลดลงแรงเข้าใกล้แนวรับสำคัญ 1,750 ดอลลาร์เนื่องจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเพิ่มขึ้นและข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง โดยสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 0.7% สวนทางกับที่ตลาดคาดจะลดลง 0.7% ดัชนีกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นเป็น 30.7 สวนทางกับที่ตลาดคาดจะลดลงเหลือ 18.9 ทำให้กังวลว่าเฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทางด้านกองทุน SPDRซื้อทองคำ 3.49 ตัน หลังจากขายทองคำติดต่อกัน 6 สัปดาห์
  • สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าจะมีความชัดเจนถึงช่วงเวลาเฟดจะปรับลดวงเงินมาตรการ QE และปรับมุมมองการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ซึ่งเฟดอาจจะปรับขึ้นเร็วกว่าที่เฟดเคยคาดการณ์ไว้ในเดือนมิ.ย. เมื่อดูจาก CME Fedwatch tool มุมมองของตลาดมองว่ามีโอกาสความเป็นไปได้ 54% ที่เฟดจะเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.ปีหน้า นอกจากนี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นและข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ  ได้แก่การอนุญาตก่อสร้างการเริ่มก่อสร้างบ้านและยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค.ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนก.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
  • แนวโน้มราคาทองคำคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบเพื่อรอติดตามการประชุมเฟดโดยมีแนวต้าน 1,770 ดอลลาร์และ 1,780 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับสำคัญอยู่ที่ 1,750 ดอลลาร์ ถ้าหลุดแนวรับดังกล่าวคาดจะมีแรงเทขายอย่างหนักและมีแนวโน้มปรับลดลงสู่แนวรับ  1,700 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,753.40+0.11,750/1,7301,770/1,780

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
27,700-10027,600/27,35027,900/28,100

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
27,790-13027,770/27,49028,060/28,220

การเข้าซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวแนะนำที่ราคาทอง Spot1,750 ดอลลาร์ (GF 27,770 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,740 ดอลลาร์(GF 27,640 บาท) รวมทั้งแนะนำเปิดสถานะขายเมื่อราคาทอง Spot ปรับขึ้นมาที่บริเวณ 1,770 ดอลลาร์ (GF 28,060บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,780 ดอลลาร์ (GF 28,220บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,751.50-14.701,752/1,7321,772/1,782

การเข้าซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวแนะนำที่ราคา GOU211,752 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,742 ดอลลาร์รวมทั้งแนะนำเปิดสถานะขายเมื่อราคา GOU21ปรับขึ้นมาที่บริเวณ 1,772 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,782ดอลลาร์

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดอ่อนค่าลงทั้งนี้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาโดยดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนจากการเปิดเผยยอดค้าปลีกของสหรัฐที่ดีเกินคาดเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาซึ่งสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดวงเงินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ก่อนสิ้นปีนี้ซึ่งUSD Futures เดือนก.ย.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33.20บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน  33.50 บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์แข็งเทียบสกุลเงินหลักจับตาประชุมเฟดสัปดาห์หน้า

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 ก.ย.) ขณะที่ยูโรและปอนด์อ่อนค่าลงโดยดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนจากการเปิดเผยยอดค้าปลีกของสหรัฐที่ดีเกินคาดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาซึ่งสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ก่อนสิ้นปีนี้ทั้งนี้ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.28% แตะที่ 93.1881 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดลบ $5.3 เหตุดอลล์แข็งค่ากดดันราคา

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงต่อเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 ก.ย.) เนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเป็นปัจจัยกดดันตลาดเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 5.3 ดอลลาร์หรือ 0.3% ปิดที่ 1,751.4 ดอลลาร์/ออนซ์และในรอบสัปดาห์นี้สัญญาทองคำลดลง 2.3% และปิดตลาดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค.   สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 45.7 เซนต์หรือ 2% ปิดที่ 22.337 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดลบ 64 เซนต์เหตุดอลล์แข็งค่ากดดันราคา

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 ก.ย.) โดยถูกกดดันจากดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นซึ่งทำให้สัญญาน้ำมันดิบที่กำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้นมีราคาแพงขึ้นและมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นๆสัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 64 เซนต์หรือ 0.9% ปิดที่ 71.97 ดอลลาร์/บาร์เรลแต่เพิ่มขึ้น 3.2% ในรอบสัปดาห์นี้สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 33 เซนต์หรือ 0.4% ปิดที่ 75.34 ดอลลาร์/บาร์เรลแต่เพิ่มขึ้น 3.3% ในรอบสัปดาห์นี้

ตลาดหุ้นต่างประเทศ : ดาวโจนส์ปิดลบ 166.44 จุดวิตกหลายปัจจัยกดดันตลาด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 ก.ย.) เนื่องจากตลาดยังคงถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นภาษีนิติบุคคล, การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เร็วขึ้นดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,584.88 จุดลดลง 166.44 จุดหรือ -0.48%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,432.99 จุดลดลง 40.76 จุดหรือ -0.91% และดัชนีNasdaq ปิดที่ 15,043.97 จุดลดลง 137.96 จุดหรือ -0.91%   ในรอบสัปดาห์นี้ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.1%, ดัชนีS&P500 ลดลง 0.6% และดัชนีNasdaq ลดลง 0.5%

จีนพยายามเข้าร่วมข้อตกลงTPP หวังเพิ่มอิทธิพลทางเศรษฐกิจในเอเชีย

จีนได้เริ่มดำเนินการอย่างจริงจังในวันนี้เพื่อเร่งสมัครเข้าร่วมข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (TPP) ซึ่งเป็นข้อตกลงการค้าเสรีหลังจากการยื่นขอเข้าร่วมข้อตกลงดังกล่าวโดยเป็นความพยายามที่จะเพิ่มอิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกสำนักข่าวเกียวโดรายงานว่าการเข้าร่วมข้อตกลงTPP ของจีนจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการค้าในภูมิภาคโดยความพยายามนี้มุ่งตอบโต้ท่าทีของสหรัฐและพันธมิตรรายอื่นๆที่กำลังพยายามแยกตัวออกจากเศรษฐกิจจีนแต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าจีนจะได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมข้อตกลงดังกล่าวหรือไม่สำหรับการเข้าร่วมข้อตกลงนี้ซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่าComprehensive and Progressive Agreement for Trans-Pacific Partnership (CPTPP) จีนจะต้องได้รับการอนุมัติอย่างเป็นเอกฉันท์จาก11ประเทศสมาชิกและอุปสรรคอย่างหนึ่งที่จีนต้องเผชิญคือความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับออสเตรเลียซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกTPPส่วนสมาชิกรายอื่นๆของTPP ประกอบด้วยบรูไนแคนาดาชิลีญี่ปุ่นมาเลเซียเม็กซิโกนิวซีแลนด์เปรูสิงคโปร์และเวียดนามเดิมทีสหรัฐส่งเสริมข้อตกลงทางการค้านี้เพื่อต่อต้านอิทธิพลทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นของจีนหากจีนเข้าร่วมข้อตกลงTPP ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของประเทศที่เข้าร่วมจะมีสัดส่วนประมาณ30%ของGDP โลกเมื่อเทียบกับปัจจุบันที่มากกว่า10%นอกจากนี้ยังจะเป็นความสำเร็จอีกขั้นสำหรับจีนซึ่งคล้ายกับการเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) เมื่อปี2544

อังกฤษจ่อทดลองฉีดวัคซีนโควิด-19สูตรไขว้ในเด็กอายุ12-16ปี

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าอังกฤษทำการศึกษาเพื่อตรวจดูการตอบสนองด้านภูมิคุ้มกันของเด็กๆที่มีต่อการฉีดวัคซีนโควิด-19สูตรไขว้ขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามจะค้นหาแนวทางการฉีดวัคซีนเข็ม2ที่ดีที่สุดสำหรับเยาวชนเนื่องจากมีความเสี่ยงเล็กน้อยที่จะเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบทั้งนี้การศึกษาCom-COV3จะทดลองฉีดวัคซีนที่แตกต่างกันในเด็กอายุ12-16ปีเพื่อดูการตอบสนองด้านภูมิคุ้มกันและผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนในลักษณะดังกล่าวศาสตราจารย์แมทธิวสเนปหัวหน้านักวิจัยในการทดลองครั้งนี้จากกลุ่มวัคซีนแห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (Oxford Vaccine Group) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า “เรื่องที่กังวลกันก็คือความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ชายวัยรุ่นที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์เข็ม2”   “การทดลองครั้งนี้จะเป็นข้อมูลสำคัญให้กับคณะกรรมการร่วมด้านการฉีดวัคซีนและการสร้างภูมิคุ้มกัน (JCVI) ในการให้คำแนะนำด้านการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับวัยรุ่นในสหราชอาณาจักร” ศาสตราจารย์สเนปกล่าว

“พาวเวล” สั่งทบทวนด้านจริยธรรมหลังจนท.เฟดลงทุนหุ้นหลายล้านดอลล์ นายเจอโรมพาวเวลประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการทบทวนหลักจริยธรรมของเฟดในเรื่องการทำธุรกรรมทางการเงินอย่างเหมาะสมหลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสหลายคนของเฟดได้ทำการซื้อขายหุ้นมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ในปี2563และเจ้าหน้าที่อีกบางส่วนมีการลงทุนจำนวนมากคำสั่งดังกล่าวของนายพาวเวลเกิดขึ้นหลังจากวุฒิสมาชิกอลิซาเบธวอรร์เรนได้ส่งจดหมาย12ฉบับถึงประธานเฟดสาขาต่างๆโดยเรียกร้องให้มีการตรวจสอบด้านจริยธรรมของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดอย่างเข้มงวดนางวอร์เรนซึ่งเป็นวุฒิสมาชิกจากรัฐแมสซาชูเซตส์สังกัดพรรคเดโมแครตได้เรียกร้องให้ประธานเฟดแต่ละสาขาใช้มาตรการสั่งห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดถือครองหุ้นและซื้อขายหุ้น

โดย : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

Fundamental

  • ดอลลาร์แข็งจาก 2 สาเหตุ
  • อย่างแรก ตลาดเก็งว่าFed จะกำหนดวันและระดับการลดวงเงินQE ในการประชุมนี้
  • อย่างที่สอง เอเวอร์แกรนด์ส่อเค้าผิดนัดชำระหนี้ตามกำหนดในเดือนนี้ ทำให้รัฐบาลจีนอาจต้องอัดฉีดเงินเข้าอุ้มตลาด สกุลเงินฝั่งเอเชียจึงมีแนวโน้มอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์
  • ส่งผลทำให้ราคาทองคำยังคงถูกกดดันต่อไป
  • เยลเลนเตือน เพดานหนี้เป็นปัญหาที่จะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯในระยะยาว

Technical

  • RSI ปรับขึ้นมาอยู่เหนือoversold เล็กน้อย แต่ราคาอ่อนตัวลงมาจ่อจะหลุด 1,750 ซึ่งมีโอกาสจะลงลึกได้ถึงช่วง 1,677-1,717 ที่เป็นจุดต่ำสุดเดิม
  • ราคารีบาวด์ได้แค่ช่วงสั้น แล้วร่วงกลับลงมา เส้น MA กำลังกดซ้ำบังคับให้ราคาเลือกทางอีกครั้ง วันนี้อาจฝืนทรงตัวได้ แต่ต้องระวังต้นสัปดาห์มีโอกาสดิ่งหนักก่อนประกาศผลประชุม Fed
  • ทิศทางวันนี้ยืนลุ้น1,750 สถานีถัดไป 1,720
  • จับจังหวะเล่นยังไง?ถ้าขึ้นไม่ผ่าน 1,765 น่าชอร์ตซ้ำ หรือ ถ้าลงหลุด 1,745 น่าชอร์ตเพิ่ม

Attention

  • คืนวันพุธ  คาดที่ประชุม Fed จะเผยแผนการปรับลดวงเงิน QE แบบคร่าว ๆ รวมถึงย้ำว่าจะยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย
  • เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้ากำลังแพร่กระจายทั่วโลก และยังไม่มีวิธีหรือวัคซีนใดที่ป้องกันได้ผลชัดเจน
  • เชื้อโควิดสายพันธุ์มิวกำลังแพร่กระจายทั่วสหรัฐฯ

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

เข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,745-1,739 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ และทยอยปิดสถานะทำกำไรบางส่วนหากไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,767-1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,739 1,713 1,697  แนวต้าน : 1,767 1,779 1,802

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดทรงตัวแทบไม่เปลี่ยนแปลง  แม้ในระหว่างวันราคาทองคำจะเกิดการดีดตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ  1,767.42ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยได้รับแรงหนุนจากดัชนีดอลลาร์ที่เกิดการพักตัว  แต่ดัชนีดอลลาร์กลับมาฟื้นตัวขึ้นในเวลาต่อมา  และแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ พร้อมปิดตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยการแข็งค่าขึ้น 0.6% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนส.ค.  จากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งสัญญาณปรับลดการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ก่อนสิ้นปีนี้ในการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 21-22 ก.ย.นี้  ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนที่ 1.3855% ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยเพิ่ม  ส่งผลกดดันให้ราคาทองคำร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,747.30ดอลลาร์ต่อออนซ์  แต่จะสังเกตได้ว่าราคาทองคำไม่ได้ทำระดับต่ำสุดใหม่จากวันทำการก่อนหน้า  เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐ  ขณะที่บางส่วนเข้าซื้อทองคำเพื่อเก็งกำไรหลังจากราคาทองคำปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 เดือน  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองเพิ่ม +1.74 ตัน  สู่ระดับ 1,001.66 ตันเป็นอีกปัจจัยที่พยุงตลาดทองคำให้ขึ้นมาปิดตลาดทรงตัวได้  สำหรับวันนี้  ปริมาณการซื้อขายทองคำในช่วงเช้าอาจเบาบางกว่าปกติเนื่องจากตลาดจีนปิดทำการ 2 วันในวันจันทร์และอังคารในเทศกาลไหว้พระจันทร์  แต่แนะนำติดตามการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านจากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐ

ปัจจัยทางเทคนิค :

แรงขายยังคงสลับออกมากดดันแต่ก็มีแรงซื้อเข้าพยุงอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ราคายังมีโอกาสดีดตัวขึ้นช่วงสั้นแต่หากไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านระดับ 1,767-1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อาจทำให้เกิดแรงขายกดดันให้ปรับตัวลงสู่ระดับ 1,745-1,739 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

เปิดสถานะซื้อในบริเวณ 1,745-1,739 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาหลุด 1,739 ดอลลาร์ต่อออนซ์) โดยหากราคาทองคำดีดตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,767-1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือไม่สามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวแนะนำให้ปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไร

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ดาวโจนส์ปิดลบ 166.44 จุด วิตกหลายปัจจัยกดดันตลาดดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) เนื่องจากตลาดยังคงถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นภาษีนิติบุคคล, การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เร็วขึ้น  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,584.88 จุด ลดลง 166.44 จุด หรือ -0.48%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,432.99 จุด ลดลง 40.76 จุด หรือ -0.91% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,043.97 จุด ลดลง 137.96 จุด หรือ -0.91%
  • (+) ฝรั่งเศสเรียกทูตสหรัฐ,ออสเตรเลียกลับประเทศหลังถูกฉีกสัญญาซื้อเรือดำน้ำนายฌอง-อีฟว์ เลอ ดริยอง รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศสเปิดเผยแถลงการณ์ในวันศุกร์ (17 ก.ย.) ระบุว่า ฝรั่งเศสได้ตัดสินใจเรียกเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำสหรัฐและออสเตรเลียกลับประเทศ หลังจากออสเตรเลียยกเลิกสัญญาซื้อเรือดำน้ำของฝรั่งเศส และหันไปซื้อเรือดำน้ำของสหรัฐแทน  นายเลอ ดริยองระบุในแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ว่า “ผมได้ตัดสินใจทันทีที่จะเรียกเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำสหรัฐและออสเตรเลียกลับประเทศ ตามที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสเรียกร้อง โดยการตัดสินใจครั้งนี้เป็นผลมาจากการประกาศของออสเตรเลียและสหรัฐเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา”
  • (+) ฝรั่งเศสฉุนออสซี่ “แทงข้างหลัง” เหตุรับเทคโนโลยีเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์จากสหรัฐทางการฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ฝรั่งเศสไม่สามารถเชื่อถือออสเตรเลียได้อีกต่อไปในการเจรจาการค้ากับสหภาพยุโรป หลังจากที่ออสเตรเลียฉีกข้อตกลงที่ว่าจ้างให้ฝรั่งเศสสร้างเรือดำน้ำ และหันมารับเทคโนโลยีเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐแทน  ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังสหรัฐ อังกฤษ และออสเตรเลีย เปิดเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า ทั้ง 3 ประเทศจะจัดตั้งพันธมิตรด้านความมั่นคงในเขตอินโดแปซิฟิกภายใต้ชื่อ AUKUS ซึ่งรวมถึงการช่วยเหลือออสเตรเลียในการจัดหาเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์
  • (-) ดอลล์แข็งเทียบสกุลเงินหลัก จับตาประชุมเฟดสัปดาห์หน้าดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) ขณะที่ยูโรและปอนด์อ่อนค่าลง โดยดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนจากการเปิดเผยยอดค้าปลีกของสหรัฐที่ดีเกินคาดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ก่อนสิ้นปีนี้  ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.28% แตะที่ 93.1881 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.91 เยน จากระดับ 109.70 เยน, แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9322 ฟรังก์ จากระดับ 0.9269 ฟรังก์ และดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2745 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2679 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1729 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1754 ดอลลาร์, เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3738 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3789 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7273 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7294 ดอลลาร์
  • (-) CDC สหรัฐชี้วัคซีนโมเดอร์นามีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันผู้ติดโควิดเข้าโรงพยาบาลศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐเปิดเผยผลการศึกษาใหม่ในวันศุกร์ (17 ก.ย.) ระบุว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทโมเดอร์นามีประสิทธิภาพมากที่สุดในการป้องกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ขณะที่วัคซีนของไฟเซอร์และของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) มีประสิทธิภาพรองลงมาตามลำดับในการป้องกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อโควิดต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล  CDC ระบุว่า ประสิทธิภาพดังกล่าวของวัคซีนโมเดอร์นาอยู่ที่ระดับ 93%, ของไฟเซอร์/ไบออนเทคอยู่ที่ 88% และของ J&J อยู่ที่ 71%  รายงานของ CDC ระบุว่า “แม้ข้อมูลจากการศึกษาบ่งชี้ว่าวัคซีนมีระดับการป้องกันที่แตกต่างกัน แต่วัคซีนทั้งหมดก็สามารถป้องกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล”
  • (+/-)ที่ปรึกษา FDA หนุนฉีดบูสเตอร์โควิดให้เฉพาะผู้สูงอายุ-กลุ่มเสี่ยงสูงในสหรัฐคณะที่ปรึกษาของสำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐได้รับรองในวันศุกร์ (17 ก.ย.) ให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มกระตุ้นหรือบูสเตอร์ของไฟเซอร์-ไบออนเทคให้กับชาวอเมริกันที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปและผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการรุนแรง หลังจากที่ประชาชนในกลุ่มดังกล่าวได้รับวัคซีนป้องกันโควิดครบโดสแล้วเป็นระยะเวลา 6 เดือน  อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวัคซีนและผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่เกี่ยวข้อง ไม่แนะนำให้ FDA อนุมัติการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ให้กับประชาชนทั่วไปที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป

โดย  : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำปรับตัวลดลงในคืนวันศุกร์ หลังจากที่มีการปรับตัวลดลงในคืนวันพฤหัสบดี หลังจากที่ตัวเลขออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี จึงเพิ่มความคาดหวังว่าเฟดจะทำการ Tapering QE ภายในปีนี้ได้มากขึ้น ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจวันศุกร์ออกมาในเกณฑ์ทรงตัว หลังจากที่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา Retail Sales ออกมาดีขึ้นเกินคาด ทางด้าน SPDR ซื้อทองคำเพิ่ม 1.74 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ 1,001.66 ตัน ด้านเงินบาทอ่อนค่าขึ้นมาท่ามกลางแรงเทขายพันธบัตรในไทยออกมามากพอสมควร ขณะที่การส่งออกเองยังมีการเจริญเติบโตได้ค่อนข้างดี แต่สภาวะเศรษฐกิจในประเทศย่ำแย่ ทางด้านดัชนีดอลลาร์ทะลุ 93 จุดในคืนวันศุกร์ ทำ High บริเวณ 93.22 จุดและเช้านี้แข็งค่าต่อทดสอบ 93.30 บาท/ดอลลาร์ และเงินบาทมีโอกาสทดสอบ 33.50 บาท/ดอลลาร์ โดยเช้านี้แตะ 33.39 บาท/ดอลลาร์

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ทองคำเคลื่อนไหวในทิศทางแนวโน้มขาลง และทองคำเริ่มเข้าสู่แนวโน้มจุดต่ำสุดเดิม 1,730 เหรียญ และ 1,700 เหรียญ คาดวันนี้จะเห็นแนวรับ 1,730 เหรียญ และมีแนวต้าน 1,765 เหรียญ ในส่วนของ Gold Online Futures และ Comex Gold คาดจะมีแนวรับ 1,733 เหรียญ และแนวต้าน 1,768 เหรีย

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

แนะนำทำกำไรขาลง หาจังหวะขายก่อนตามการรีบาวน์ และรอซื้อปิดทำกำไรตามแนวรับ มี Stop Loss หากสูงกว่า 1,765 เหรียญ

– นักลงทุนที่ถือ Long Position 

ไม่แนะนำให้ถือครองสถานะในเวลานี้

– นักลงทุนที่ถือ Short Position

แนะนำให้หาจังหวะเปิดขายตามการรีบาวน์ และซื้อปิดทำกำไรเมื่อราคาอ่อนตัว ควรตั้ง Stop Loss เสมอเพื่อป้องกันความเสี่ยง

Gold Futures 10V21 จะมีแนวรับที่ระดับ 27,600 บาท และแนวต้านที่ระดับ 27,900 บาท

โดย : บริษัท จีแคป จำกัด

นวโน้มราคาทองคำช่วงเช้า
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) ขณะที่ยูโรและปอนด์อ่อนค่าลง โดยดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนจากการเปิดเผยยอดค้าปลีกของสหรัฐที่ดีเกินคาดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
ก่อนสิ้นปีนี้
มุมมองทองคำภาคเช้า
ราคาทองคำปรับตัวลดลงเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯได้เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยเฉพาะยอดค้าปลีกเดือนส.ค.ปรับตัวขึ้นสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายในช่วงก่อนเปิดเทอมการศึกษาในสหรัฐ นอกจากนี้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกพุ่งขึ้นเช่นกัน โดยการพุ่งขึ้นของดัชนีได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 21-22 ก.ย.นี้ เพื่อหาสัญญาณการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด
สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) ขณะที่ยูโรและปอนด์อ่อนค่าลงโดยดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนจากการเปิดเผยยอดค้าปลีกของสหรัฐที่ดีเกินคาดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
ก่อนสิ้นปีนี้
แนะแนวทางการลงทุน
แนวรับ 1,741 – 1,735- 1,730
แนวต้าน 1,765 – 1,769 – 1,775
ราคาทองคำปิดตลาดลดลงอีกครั้ง นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าและบอนด์ยีลด์ดีดตัวขึ้น จากข้อมูลเศรษฐ-กิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ นอกจากนี้นักลงทุนจับตาการประชุม เฟด ในวันที่ 21-22 ก.ย.นี้ เพื่อหาสัญญาณการปรับลด QE ระหว่างวันอาจเห็นการรีบาวน์ระยะสั้น

โดย : บริษัท ที.ดี.ซี. โกลด์ จำกัด

ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงโดยเฉลี่ย -1 จากความกังวลเรื่องการระบาดของสายพันธุ์ Delta และนักลงทุนกำลังจับตาการประชุม FOMC ในคืนวันอังคารและพุธที่จะถึงนี้ว่าจะมีส่งสัญญาณอะไรออกมาหรือไม่ ในเบื้องต้นตลาดกำลังจับตามอง QE taperingสำหรับทิศทางราคาทองคำมองการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นออกจากแนวรับ $1750 ซึ่งมีแนวต้านระยะสั้นคือ $1766 และ $1770 มองว่ากรอบดังกล่าวสามารถเก็งกำไรแนวรับแนวต้านตามกรอบได้ในเบื้องต้น ทางฝั่งเงินบาทมองอ่อนค่าเร็วเกินไปในระยะสั้น

ที่มา : gold.in.th ( 20 ก.ย.64 )

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.