บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 28 ก.ย.64 by HGF, GT, SCT
โดย : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)
กองทุน SPDRขายทองคำ 3.2 ตัน
คืนนี้ติดตามการแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส
ราคาทองคำคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,737-1,760 ดอลลาร์
- ราคาทองคำSpot เมื่อวานปรับขึ้นในการซื้อขายช่วงกลางวันเนื่องจากตลาดยังมีความกังวลถึงการผิดนัดชำระหนี้ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ทำให้มีแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่มีแรงเทขายทองคำออกมาในช่วงกลางคืน ทำให้ปิดตลาดทรงตัว เนื่องจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 1.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยสหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 1.8% สูงกว่าตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 0.7%ทางด้านกองทุน SPDRขายทองคำ 3.2 ตัน หลังจากขายทองคำ 8.14 ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- คืนนี้ติดตามการแถลงต่อสภาคองเกรสของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เกี่ยวกับมุมมองเศรษฐกิจของสหรัฐและและความสำคัญของการใช้นโยบายการเงินและการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจนอกจากนี้คืนนี้สหรัฐจะประกาศดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.โดย Conference Board ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 115.2 จากระดับ 113.8 ในเดือนส.ค.
- แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,737-1,760 ดอลลาร์ โดยทองคำมีปัจจัยหนุนจากปัญหาทางการเงินของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ระยะสั้นทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,737 ดอลลาร์และ 1,730 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,760 ดอลลาร์และ 1,770 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,749.60 | +0.3 | 1,737/1,730 | 1,760/1,770 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
27,800 | +50 | 27,600/27,500 | 27,950/28,100 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
27,980 | +70 | 27,770/27,650 | 28,110/28,270 |
แนะนำเปิดสถานะขายเมื่อราคาทอง Spot ปรับขึ้นมาที่บริเวณ 1,770 ดอลลาร์ (GF 28,270 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,780 ดอลลาร์ (GF 28,400 บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,753.00 | +1.00 | 1,740/1,733 | 1,763/1,773 |
แนะนำเปิดสถานะขายเมื่อราคา GOZ21ปรับขึ้นมาที่บริเวณ 1,773 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,783ดอลลาร์
ค่าเงิน
ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ทั้งนี้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆเนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยสหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 1.8% สูงกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.7%โดยUSD Futures เดือนก.ย.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33.40บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 33.70 บาท/ดอลลาร์
News
ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์แข็งรับบอนด์ยีลด์พุ่งจับตา”พาวเวล-เยลเลน” แถลงคองเกรส
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (27 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐขณะที่นักลงทุนจับตานายเจอโรมพาวเวลประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนางเจเน็ตเยลเลนรัฐมนตรีคลังสหรัฐซึ่งมีกำหนดกล่าวถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรสในวันนี้ทั้งนี้ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.06% แตะที่ 93.3812 เมื่อคืนนี้
ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดบวกเพียง 30 เซนต์เหตุบอนด์ยีลด์พุ่งกดดันตลาด
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนที่ผ่านมา (27 ก.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาดทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 30 เซนต์หรือ 0.02% ปิดที่ 1,752 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 26.9 เซนต์หรือ 1.2% ปิดที่ 22.694 ดอลลาร์/ออนซ์
ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดพุ่ง $1.47 รับคาดการณ์ศก.โลกฟื้นหนุนดีมานด์น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีเมื่อคืนที่ผ่านมา (27 ก.ย.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าความต้องการใช้น้ำมันจะพุ่งขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้นตัวขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในวันพรุ่งนี้รวมทั้งการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรหรือโอเปกพลัสในวันที่ 4 ต.ค. สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.47 ดอลลาร์หรือ 2% ปิดที่ 75.45 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2561 สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.44 ดอลลาร์หรือ 1.8% ปิดที่ 79.53 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2561
ตลาดหุ้นต่างประเทศ : ดาวโจนส์ปิดบวก 71.37 จุดรับความหวังเศรษฐกิจฟื้นตัว
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (27 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจหลังมีรายงานว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในสหรัฐชะลอตัวลงและยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนส.ค. อย่างไรก็ดีดัชนีNasdaqและS&P500 ปิดในแดนลบเนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐได้ฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,869.37 จุดเพิ่มขึ้น 71.37 จุดหรือ +0.21% ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,443.11 จุดลดลง 12.37 จุดหรือ -0.28% ดัชนีNasdaqปิดที่ 14,969.97 จุดลดลง 77.73 จุดหรือ -0.52%
ซีอีโอไฟเซอร์คาดโลกจะกลับมาเป็นปกติภายใน1ปีแต่อาจต้องฉีดวัคซีนโควิดซ้ำทุกปี
นายอัลเบิร์ตเบอร์ลาประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทไฟเซอร์กล่าวว่าโลกจะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้งภายใน1ปีและมีแนวโน้มว่าในอนาคตวัคซีนป้องกันโควิด-19จะกลายเป็นวัคซีนประจำปีที่ทุกคนต้องฉีดซ้ำเพื่อป้องกันโรคนายเบอร์ลาเผยกับสำนักข่าวเอบีซีว่า “ภายใน1ปีผมคิดว่าเราจะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเชื้อไวรัสจะไม่กลับมาอีกฉะนั้นผมจึงไม่คิดว่าเราจะสามารถใช้ชีวิตได้โดยปราศจากวัคซีน” “การฉีดวัคซีนประจำทุกปีเป็นสถานการณ์ที่ผมคาดว่ามีความเป็นไปได้สูงเนื่องจากเชื้อไวรัสแพร่กระจายไปทั่วโลกและเรายังคงเห็นสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังเพิ่มขึ้นมาอีก” นายเบอร์ลากล่าว “ผมคิดว่าสถานการณ์ที่เป็นไปได้มากที่สุดคือการฉีดวัคซีนประจำปีแต่เราต้องรอดูข้อมูลต่อไป” รายงานระบุว่าการคาดการณ์ของนายเบอร์ลาสอดคล้องกับนายสเตฟานบองเซลผู้บริหารของโมเดอร์นาซึ่งก่อนหน้านี้เคยออกมากล่าวกับสื่อมวลชนในลักษณะเดียวกันว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19อาจสิ้นสุดลงภายในหนึ่งปีเนื่องจากการผลิตวัคซีนเพิ่มขึ้นช่วยรับประกันว่าจะมีจำนวนเพียงพอสำหรับทั้งโลก
สื่อเยอรมนีเผยพรรคSPD จ่อเอาชนะพรรคของ “แมร์เคิล” ในการเลือกตั้งทั่วไป
รายงานข่าวผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการของเยอรมนี (26ก.ย.) ระบุว่าพรรคสังคมประชาธิปไตยเยอรมนี (SPD) น่าจะเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปอย่างฉิวเฉียดซึ่งอาจทำให้พรรคSPD ขึ้นมานำรัฐบาลเยอรมนีได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี2548และหมายถึงการสิ้นสุดลงของการบริหารโดยฝ่ายอนุรักษ์นิยมอย่างพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU)/พรรคสหภาพสังคมคริสเตียน (CSU) ของนางอังเกลาแมร์เคิลก่อนหน้านี้นางแมร์เคิลประกาศว่าจะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังมีการเลือกตั้งซึ่งทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการกำหนดแนวทางในอนาคตของเยอรมนีที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรปสถานีโทรทัศน์ZDF ของเยอรมนีเผยการคาดการณ์ผลการเลือกตั้งโดยระบุว่าพรรคSPD มีแนวโน้มว่าจะได้คะแนนเลือกตั้ง26%ซึ่งมากกว่า24.5%ของพรรคCDU/CSU ทั้งสองพรรคเชื่อว่าตนสามารถขึ้นมาเป็นผู้นำรัฐบาลเยอรมนีได้แต่เนื่องจากไม่มีฝ่ายใดได้รับเสียงสนับสนุนอย่างท่วมท้นจึงคาดว่ารัฐบาลเยอรมนีที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่นั้นน่าจะมาจากการจับมือเป็นพันธมิตรระหว่างพรรคSPD และพรรคCDU/CSU แทนที่จะเป็นรูปแบบรัฐบาลผสมดังเช่นในช่วง4ปีที่ผ่านมานายโอลาฟโชลซ์ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรคSPD กล่าวว่า “เรามีคะแนนนำในทุกผลโพล” และ “เรื่องนี้ทำให้เรามีกำลังใจและแสดงให้เห็นถึงความต้องการที่ชัดเจนในการตั้งรัฐบาลเยอรมนีที่สามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ทั้งนี้นายโชลซ์เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลังในรัฐบาลของนางแมร์เคิลรวมถึงเคยเป็นนายกเทศมนตรีของเมืองฮัมบูร์ก
สภาผู้แทนฯสหรัฐเตรียมผ่านกฎหมายการใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐานวันพฤหัสบดีนี้
นางแนนซีเพโลซีประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเปิดเผยว่าสภาผู้แทนราษฎรฯจะลงมติเพื่อผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน1ล้านล้านดอลลาร์ในวันพฤหัสบดีนี้ (30ก.ย.) นางแนนซีได้ระบุในจดหมายที่ส่งถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดโมแครตว่า “ในวันจันทร์ที่27ก.ย. เราจะเริ่มอภิปรายร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานและจากนั้นเราจะลงมติในวันพฤหัสบดีที่30ก.ย.” ทั้งนี้วุฒิสภาสหรัฐลงมติเห็นชอบต่อร่างกฎหมายดังกล่าวด้วยคะแนนเสียง69-30เสียงและได้ส่งร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐโครงการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานถือเป็นหนึ่งในโครงการที่ประธานาธิบดีโจไบเดนให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกโดยโครงการดังกล่าวครอบคลุมถึงการสร้างถนนสะพานทางรถไฟปัจจัยพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและโครงการอื่นๆซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานในสหรัฐ
โดย : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด
Fundamental
- แบงก์ชาติจีนยืนยันว่าจะมุ่งให้ความช่วยเหลือแก่นักลงทุนรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเอเวอร์แกรนด์เบี้ยวหนี้
- เยอรมนีส่อเค้าเปลี่ยนพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี นับตั้งแต่อังเกลา แมร์เคิล ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯ
- ประธานFed สาขาชิคาโกคาดว่าจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในช่วงปลายปี 2566
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวก 5 วันติด
Technical
- ราคาแกว่ง sideway up แต่เป็นการขึ้นที่ดูอ่อนแรง และดู 50/50 ระหว่างรีบาวด์ขึ้นอีกรอบหรือทิ้งตัวลงเลย
- ราคายืนระยะใกล้เส้น MA และไม่มีสัญญาณว่าจะเลือกทางไหน จึงคาดว่าการอ่อนตัวลงย้ำ 1,735-1,740 จะเป็นสัญญาณจบขาลง แต่ถ้าทิ้งตัวหลุดช่วงนี้ ให้ดูว่าจะหยุดที่ 1,715-1,720 หรือร่วงหนักลงยาว ๆ
- ทิศทางวันนี้อ่อนแรงเตรียมอ่อนตัวจับจังหวะเล่นยังไง?แบ่งไม้short เมื่อหลุด 1,745 และ
- จับจังหวะเล่นยังไง?แบ่งไม้short เมื่อหลุด 1,745 และ
Attention
- ทั่วโลกยังคงจับตาเอเวอร์แกรนด์ต่อ ว่ารัฐบาลจีนจะเข้ามาพยุงฐานะหรือจะช่วยจัดการปรับโครงสร้างหนี้หรือไม่ หลังบริษัทขอขยายเวลาชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ออกไป 1 เดือน และยังมีดอกเบี้ยหุ้นกู้ชุดอื่นที่ทยอยครบกำหนดชำระอีกเรื่อย ๆ
- คืนนี้ประธานFed และ รมว.คลัง เข้าชี้แจงต่อสภาถึงนโยบายการเงินการคลัง และมุมมองต่อเศรษฐกิจ
- วันพฤหัสฯ สส.สหรัฐฯโหวตร่างกฎหมายงบรายจ่ายโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์
โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด
คำแนะนำ : ทองแกว่งแคบๆรอข่าว ยังออกได้ 2 หน้า แนะเทรดสั้นมีจุดคัท
แนวรับ 1740/ 1730/ 1725 แนวต้าน 1770|1785|1795
Gold/silver USD Baht DOW (stock)
ระยะสั้น SW SW SW SW
ระยะกลาง SW/SW UP SW SW SW UP
ระยะยาว BULLISH Neutral NEUTRAL BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS 1740-75
จุดเข้า BUY 1743-50
เป้าหมาย 1770-85
SL 1739รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1720-1835
จุดเข้า BUY 1725-50 เป้าหมาย 1830/ 1850
SL 1700
บทวิเคราะห์ : ตลาดทองแกว่งแคบๆ พยายามประคองตัวเหนือแนวจิตวิทยา $1750 โดยรวมตลาดทองยังดูอ่อนแรง รอปัจจัยข่าวใหม่เข้ามาผลักดันทิศทาง โดยทุกคืนในสัปดาห์นี้จะมีข่าวและตัวเลขสำคัญต่อนโยบายการเงินของเฟดในเดือนถัดไป อย่างไรก็ตามตลาดเหมือนจะรับข่าวร้ายๆอย่างการลดวงเงิน QE ในเดือน พย.นี้มาพอสมควร ขั้นต่อไปตลาดรอทราบจำนวนเงินที่เฟดจะลด QE ในสถานะการณ์ที่ไม่แน่นอนเช่นนี้เท่าไหร่
ในทางเทคนิค ทองแกว่งในโซนสำคัญ $1740-70 สามารถออกได้สองหน้า และรอการเลือกข้างในเร็วๆนี้ โดยหากยืน $1750 ได้ให้ถือฝั่งซื้อเป็นหลัก คืนนี้จะมีการแถลงมุมมองเฟดต่อการแก้สถานะการณ์โควิด และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯหลายตัว จึงมองการแกว่งผันผวน และจับตารอขอการขยายเพดานหนี้สหรัฐฯที่จะสิ้นสุดในสิ้นเดือนนี้
ที่มา : gold.in.th ( 28 ก.ย. 64 )
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.