ราคาทองวันนี้ ข่าวทองคำ

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 12 ต.ค.64 by SCT, HGF, GT, YLG, MTS, TDC

812

- Advertisement -

โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด

คำแนะนำ : ทองคงที่ แต่บาทแข็งรับข่าวเปิดประเทศเดือนหน้า วันนี้ทองยังต้องลุ้นต่อ

แนวรับ 1748/ 1740 / 1730  แนวต้าน 1770|1780|1790
              Gold/silver           USD                       Baht        DOW (stock)
ระยะสั้น     SW                       SW                        SW                    SW 
ระยะกลาง  SW/SW UP           SW                       SW                SW UP
ระยะยาว BULLISH              Neutral            NEUTRAL         BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS  1740-70
จุดเข้า BUY 1740-50
เป้าหมาย 1775-1800
SL 1719รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1720-1835
จุดเข้า BUY 1730-40 เป้าหมาย 1830/ 1850
SL 1719   

บทวิเคราะห์ : เมื่อวานทองแกว่งแคบตลาดสหรัฐฯปิดวันหยุด แต่บาทไทยแข็งค่ามากรับข่าวเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเดือนหน้า วันนี้ตลาดสหรัฐฯเปิดปกติเตรียมรับมือความผันผวนทั้งทองและค่าเงินบาท โดยบาทมีแนวรับที่ 33.3 ต้าน 33.7 คาดว่าบาทจะแข็งช่วงสั้นๆแล้วอ่อนค่าต่อตามวงจรใหญ่ที่จะอ่อนค่าต่อไปเรื่อยๆตามที่ไทยขยายเพดานหนี้ระยะยาว ส่วนราคาทองตอนนี้ยังลูกผีลูกคน ออกได้สองหน้า จุดเปลี่ยนเกม $1745/$1770 ตลาดรอตัวเลขเงินเฟ้อคืนพรุ่งนี้และปัจจัยข่าวใหม่ๆเข้ามาปั่นราคารอบใหม่
กลยุทธ์ : บาทแข็งแบบนี้ ต้องระวัง ยังไงเดือนนี้ต้องเน้นความไวซื้อๆขายๆเป็นหลัก นักลงทุนระยะกลางรอซื้อสะสมช่วงย่อตัวแรง ไม่เร่ง เพราะค่าเงินสหรัฐฯยังปิดแดนบวกและการเปิดประเทศทั่วโลกทำให้คนเชื่อว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวแล้ว ส่วนทองต้องรอความกังวลเงินเฟ้อจากราคาน้ำมันและความขัดแย้งจีนสหรัฐฯตลอดจนความไม่แน่นอนต่างๆต่อไปสักพัก

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

ทองคำปรับลดลง เนื่องจากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

- Advertisement -

คืนนี้สหรัฐจะประกาศจำนวนตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัคร

ทองคำในช่วงระหว่างวันคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ

  • ราคาทองคำ Spot เมื่อวานปรับลดลง เนื่องจากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่เลื่อนแผนการปรับลดวงเงินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) แม้ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาดโดยเพิ่มขึ้นเพียง 194,000 ตำแหน่ง แต่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.8% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2563 ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ถือครองทองคำเท่าเดิมเมื่อวาน หลังจากขายทองคำ 1.49 ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
  • คืนนี้สหรัฐจะประกาศจำนวนตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัครเดือนส.ค. ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 10.95 ล้านตำแหน่งจาก 10.93 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. ส่วนคืนพรุ่งนี้ติดตามการเปิดเผยรายงานการประชุม FOMCและสหรัฐจะประกาศดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ย.
  • แนวโน้มราคาทองคำในช่วงระหว่างวันคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยทองคำขาดปัจจัยที่เข้ามากระทบ ระยะสั้นทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,745 ดอลลาร์และ 1,737 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,760 ดอลลาร์และ 1,770 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,753.60-3.031,745/1,7371,760/1,770

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
28,150-5027,850/27,75028,050/28,200

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,090-16028,020/27,90028,170/28,330

แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรที่ราคาทองคำ Spot1,745ดอลลาร์ (GF28,020บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,737 ดอลลาร์ (GF27,900บาท) รวมทั้งเปิดสถานะขายที่ราคาทอง Spot1,770 ดอลลาร์(GF28,330 บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,756.50+0.101,748/1,7401,763/1,773

แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรที่ราคา GOZ211,748ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,740ดอลลาร์รวมทั้งเปิดสถานะขายที่ราคา GOZ211,773ดอลลาร์

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดจะอ่อนค่าลง ทั้งนี้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่เลื่อนแผนการปรับลดวงเงินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) แม้ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาดโดยUSD Futures เดือนธ.ค.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33.60 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 33.90 บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์แข็งค่ารับคาดการณ์เฟดลดQE แม้จ้างงานซบเซา

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบสกุลเงินหลักในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (11 ต.ค.) ขานรับกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศลดวงเงินในโครงการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนหน้าแม้ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาดก็ตามดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.26% แตะที่ 94.3165 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดลบ $1.7 เหตุดอลล์แข็ง-กังวลเฟดลดQE

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (11 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์รวมทั้งกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่เลื่อนแผนการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) แม้ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาดในเดือนก.ย.  ทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.7 ดอลลาร์หรือ 0.1% ปิดที่ 1,755.7  ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 4 เซนต์หรือ 0.18% ปิดที่ 22.665 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดบวก $1.17 รับดีมานด์ฟื้น-อุปทานตึงตัว

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (11 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกที่สูงขึ้นหลังจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ภาวะอุปทานตึงตัวที่เกิดขึ้นในหลายประเทศรวมทั้งจีนและอินเดียยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องสัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์หรือ 1.5% ปิดที่ 80.52 ดอลลาร์/บาร์เรลสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.26 ดอลลาร์หรือ 1.5% ปิดที่ 83.65 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2563

ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดร่วง 250.19 จุดวิตกน้ำมันพุ่งฉุดผลประกอบการ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนที่ผ่านมา (11 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทเอกชนและการใช้จ่ายของผู้บริโภคนอกจากนี้นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกนเชสดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,496.06 จุดลดลง 250.19 ขุดหรือ -0.72% ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,361.19 จุดลดลง 30.15 จุดหรือ -0.69% ดัชนีNasdaqปิดที่ 14,486.20 จุดลดลง 93.34 จุดหรือ -0.64%

“เฟาชี” เตือนปชช.อย่าชะล่าใจหลังยอดโควิดลดแนะการ์ดอย่าตกช่วงฮัลโลวีน

นายแพทย์แอนโทนีเฟาชีแพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19ของทำเนียบขาวแสดงมุมมองบวกเกี่ยวกับการรับมือโควิด-19ของสหรัฐโดยระบุว่าสถิติการระบาดมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงทั่วประเทศอย่างไรก็ดีนายแพทย์เฟาชีได้เตือนประชาชนให้ระมัดระวังกันต่อไปเนื่องจากขณะนี้ยังไม่สามารถประกาศชัยชนะได้ในหลายๆด้าน”      นายแพทย์เฟาชีให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวCNN เมื่อวานนี้โดยได้เตือนว่า “ยังมีประชาชนอีก68ล้านคนที่เข้าเกณฑ์ฉีดวัคซีนแต่ยังไม่ได้รับวัคซีนคุณเฝ้ารอคอยช่วงเทศกาลวันหยุดเพื่อใช้เวลากับครอบครัวและทำกิจกรรมด้วยกันแต่อย่าเพิ่งการ์ดตกและบอกว่ามันจบแล้ว… หากคุณดูสถานการณ์การระบาดและยอดผู้ติดเชื้อที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมาตัวเลขดังกล่าวอาจกลับมาเพิ่มขึ้นอีก”     ผู้สื่อข่าวของCNN ได้หยิบยกเทศกาลฮัลโลวีนในระหว่างสัมภาษณ์พร้อมกับถามว่าหากผู้ปกครองและบุตรหลานจะเล่นทริกออร์ทรีต (Trick or Treat) จะปลอดภัยหรือไม่เพราะมีพ่อแม่ผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยที่ไม่แน่ใจว่าควรจะทำอย่างไรคุณมีคำแนะนำในเรื่องนี้อย่างไรโดยนายแพทย์เฟาชีตอบว่า “คุณสามารถทำได้ในช่วงเทศกาลฮัลโลวีนโดยเฉพาะหากฉีดวัคซีนแล้ว” พร้อมทั้งแนะนำให้คนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนให้เข้ารับวัคซีนด้วย   “หากคุณยังไม่ฉีดวัคซีนขอให้คิดดูให้ดีว่าการฉีดวัคซีนจะช่วยเสริมเกราะป้องกันอีกชั้นหนึ่งให้ตัวคุณเองลูกๆคนในครอบครัวและชุมชนของคุณด้วยนี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะชี้ให้เห็นว่าเพราะเหตุใดการฉีดวัคซีนจึงเป็นสิ่งสำคัญแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณยังออกไปทำกิจกรรมและสนุกกับเทศกาลฮัลโลวีนได้รวมถึงเทศกาลอื่นๆที่จะตามมา”

“เยลเลน” หวังคองเกรสเห็นชอบข้อตกลงกำหนดภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลก

นางเจเน็ตเยลเลนรัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวว่าเธอคาดหวังว่าสภาคองเกรสแห่งสหรัฐจะอนุมัติข้อตกลงการกำหนดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลกซึ่งได้รับความเห็นชอบจากประเทศและเขตปกครองจำนวน136แห่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานางเยลเลนกล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการ “This Week” ของสถานีโทรทัศน์เอบีซีว่า ” ฉันมั่นใจว่าสิ่งที่เราต้องทำเพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงภาษีขั้นต่ำจะรวมอยู่ในแผนการใช้จ่ายที่ทำเนียบขาวและสมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรคเดโมแครตกำลังเจรจากันอยู่ในขณะนี้        “ฉันหวังว่าข้อตกลงดังกล่าวจะได้รับการอนุมัติและเราจะสร้างความมั่นใจให้แก่โลกว่าสหรัฐจะทำหน้าที่ของตน” นางเยลเลนกล่าว

โกลด์แมนแซคส์หั่นคาดการณ์GDP สหรัฐปีนี้-ปีหน้าเหตุโควิดฉุดการใช้จ่ายผู้บริโภคชะลอตัว

โกลด์แมนแซคส์ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐในปี2564ลงสู่ระดับ5.6%จากระดับ5.7%เมื่อเทียบเป็นรายปีและปรับลดGDP ในปี2565ลงสู่ระดับ4%จากระดับ4.4%โดยระบุว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้และคาดว่ามาตรการสนับสนุนด้านการคลังของสหรัฐจะชะลอตัวลงจนถึงสิ้นปี2565ทีมนักวิเคราะห์ของโกลด์แมนแซคส์ซึ่งรวมถึงแจนแฮทเซียสเปิดเผยในรายงานคาดการณ์ว่าการแพร่ระบาดที่ยาวนานของไวรัสโควิด-19ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจด้านการบริการผู้บริโภคในสหรัฐส่วนปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์นั้นคาดว่าจะยังไม่มีแนวโน้มคลี่คลายลงจนถึงช่วงครึ่งแรกของปี2565ซึ่งจะส่งผลให้ภาคเอกชนประสบกับความล่าช้าในการเติมสต็อกสินค้าจนถึงปีหน้านักวิเคราะห์ของโกลด์แมนแซคส์ยังกล่าวด้วยว่าในระยะกลางนี้คาดว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19จะส่งให้การใช้จ่ายด้านการบริการและการซื้อสินค้ายังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าก่อนช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากภาคเอกชนปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นการทำงานทางไกลก็จะยิ่งทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลงด้วย

“เยลเลน” มั่นใจสภาคองเกรสไฟเขียวเพิ่มเพดานหนี้ช่วยสหรัฐเลี่ยงผิดนัดชำระหนี้

นางเจเน็ตเยลเลนรัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการ “This Week” ของสถานีโทรทัศน์เอบีซีว่าการเพิ่มเพดานหนี้เป็นความรับผิดชอบของสภาคองเกรสและเธอมั่นใจว่าท้ายที่สุดแล้วสภาคองเกรสอนุมัติการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐซึ่งจะช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์นางเยลเลนกล่าวว่าขณะนี้ร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐซึ่งเธอเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วสภาผู้แทนราษฎรจะให้การอนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าวและส่งให้ประธานาธิบดีโจไบเดนลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายก่อนกำหนดเส้นตายวันที่18ต.ค.นี้นอกจากนี้เธอเชื่อว่าสภาคองเกรสจะให้การอนุมัติการเพิ่มเพดานหนี้อีกครั้งหลังวันที่3ธ.ค.นี้    “เมื่อสภาคองเกรสและคณะบริหารของปธน.ไบเดนได้ตัดสินใจร่วมกันเกี่ยวกับแผนการใช้จ่ายและภาษีดิฉันก็เชื่อว่าพวกเขาจะแสดงความรับผิดชอบกับผลที่ตามมานั่นคือการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลและแน่นอนว่าเราควรมีการอภิปรายเกี่ยวกับนโยบายการคลังของรัฐบาลด้วย” นางเยลเลนกล่าวนางเยลเลนกล่าวว่าหากสภาคองเกรสไม่เพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยและหากสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ก็จะส่งผลให้บางประเทศลดการถือครองพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐและทำให้ความต้องการถือครองสกุลเงินดอลลาร์ลดลงด้วยซึ่งอาจเปิดทางให้สกุลเงินหยวนของจีนเข้ามามีบทบาทแทนสกุลเงินดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินที่ได้รับความนิยมในตลาดโลก   “ดิฉันมั่นใจว่านางแนนซีเพโลซีประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐและนายชัคชูเมอร์ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้หากเกิดความขัดแย้งในสภาคองเกรสเพื่อที่สหรัฐจะไม่เผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายเหล่านี้” นางเยลเลนกล่าวในรายงานThis Weekทั้งนี้เพดานหนี้คือจำนวนเงินทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐได้รับอนุญาตให้ทำการกู้ยืมเพื่อให้รัฐบาลสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมายซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการด้านประกันสังคมและด้านสุขภาพ, ดอกเบี้ยตราสารหนี้ของรัฐบาลและการใช้จ่ายอื่นๆ

โดย : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

Fundamental

  • ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี  หลายประเทศกำลังประสบภาวะขาดแคลนพลังงาน ตอกย้ำความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโตต่ำ แต่เงินเฟ้อสูง
  • อังกฤษอาจขึ้นดอกเบี้ยก่อนสหรัฐฯเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
  • แอสตร้าเซนเนก้าเผยผลการทดลองขั้นสุดท้ายของยาต้านโควิดสำหรับผู้ติดเชื้อและเพิ่งแสดงอาการมาไม่เกิน 7 วัน โดยสามารถลดอาการป่วยขั้นรุนแรงได้ถึงครึ่งหนึ่งและมีผลป้องกันต่อไปได้อีก 6 เดือน

Technical

  • การยืนเหนือเส้นแนวโน้มขาลง แต่อยู่ใต้เส้น MA และ RSI อยู่แถว 50 ทำให้บอกอะไรไม่ได้ว่าราคาในระยะสั้นจะเลือกวิ่งไปทางไหน
  • การที่ราคาแกว่งออกข้างตลอดสัปดาห์ที่แล้ว จึงยังคงมองว่าเป็นการสะสมกำลังและรอปัจจัยใหม่เข้ามาดันราคาให้ขึ้นต่อ
  • ทิศทางวันนี้แกว่งแคบ ยังไม่เลือกทาง
  • จับจังหวะเล่นยังไง?trading ในกรอบ 1,745-1,770เล่นรอบรอซื้ออ่อนตัวและ stop loss เมื่อหลุด 1,745

Attention

  • วันนี้คณะกรรมการบริหาร IMF ประชุมตัดสินว่าจะลงโทษนายใหญ่ IMF คริสตาลินา จอร์เจียว่า อย่างไรสำหรับกรณีที่เคยบีบบังคับให้เจ้าหน้าที่ IMF ปรับตัวเลขในรายงานเศรษฐกิจเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่จีน
  • ทั่วโลกยังคงจับตาเอเวอร์แกรนด์ต่อ ว่ารัฐบาลจีนจะเข้ามาพยุงฐานะหรือจะช่วยจัดการปรับโครงสร้างหนี้หรือไม่ หลังบริษัทขอขยายเวลาชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ออกไป 1 เดือน และยังมีดอกเบี้ยหุ้นกู้ชุดอื่นที่ทยอยครบกำหนดชำระอีกเรื่อย ๆ

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

ราคาอยู่ในช่วงการพักฐาน โดยเน้นการซื้อขายทำกำไรระยะสั้น หากราคาไม่สามารถยืนเหนือโซนแนวต้านบริเวณ 1,766-1,771 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ จะทำให้ราคายังคงมีโอกาสขยับลงทดสอบแนวรับบริเวณ 1,747-1,735 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,747 1,735 1,721  แนวต้าน : 1,771 1,787 1,808

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง  3.03  ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยตลอดทั้งวัน  ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบจากระดับต่ำสุดถึงระดับสูงสุดเพียง 10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายในช่วงตลาดสหรัฐที่เบาบางกว่าปกติเนื่องจากภาคธนาคารของสหรัฐปิดทำการเนื่องในวัน Columbus Day  ทั้งนี้  ราคาทองคำดีดตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,760.92 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างวันจากแรงซื้อ Buy the Dip ของนักลงทุน  แต่แรงขายทำกำไรยังคงสกัดช่วงบวกราคาทองคำเอาไว้เช่นกัน  นอกจากนี้  ราคาทองคำยังคงได้รับแรงกดดันจากการดัชนีดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น 0.24% แตะที่ 94.361 เมื่อคืนนี้  เนื่องจากนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะประกาศแผนลดการซื้อสินทรัพย์ในเดือนหน้า แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐจะชะลอตัวลงก็ตาม ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปียังคงเคลื่อนไหวเหนือระดับ 1.6% ต่อเนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อหลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี  ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย  ในขณะที่ราคาทองคำในประเทศมีแนวโน้มได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของค่าเงินบาทหลังจากวานนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ “เปิดรับท่องเที่ยวโดยไม่ต้องกักตัว”  เริ่มต้น1 พ.ย. นี้  ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ3 สัปดาห์ที่ 33.50 บาทต่อดอลลาร์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจขนาดเล็กจาก NFIB และจํานวนตําแหน่งงานว่างเปิดใหม่รวมถึงถ้อยแถลงของนายคลาริดา รองประธานเฟด และนายบอสติก ประธานเฟดแอตแลนตา

ปัจจัยทางเทคนิค :

วานนี้ราคาอ่อนตัวลงสร้างระดับต่ำสุดใหม่จากวันก่อนหน้า หากวันนี้ราคาทองคำพยายามขึ้นไปทดสอบแนวต้านในโซน  1,766-1,771 ดอลลาร์ต่อออนซ์แต่หากยืนไม่ได้ อาจทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับโซน1,747 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวรับถัดไปอยู่ในบริเวณ 1,735 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

ราคาทองคำมีจุดเปิดสถานะขายระยะสั้นบริเวณ 1,766-1,771ดอลลาร์ต่อออนซ์  (ตัดขาดทุนหากยืน1,787 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้) เมื่อราคาอ่อนตัวลงให้พิจารณาบริเวณ 1,747 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นจุดปิดสถานะขายทำกำไรแต่หากหลุดโซนดังกล่าวแนะนำให้ชะลอการปิดสถานะขายไปโซนแนวรับถัดไป

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ดาวโจนส์ปิดร่วง 250.19 จุด วิตกน้ำมันพุ่งฉุดผลประกอบการดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทเอกชนและการใช้จ่ายของผู้บริโภค นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน เชส  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,496.06 จุด ลดลง 250.19 ขุด หรือ -0.72% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,361.19 จุด ลดลง 30.15 จุด หรือ -0.69% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,486.20 จุด ลดลง 93.34 จุด หรือ -0.64%
  • (+) ล้มเหลว! อินเดีย-จีน ไม่สามารถเจรจาลดความตึงเครียดแถบชายแดนได้ดังหวัง ความพยายามระหว่างกองทัพอินเดียและจีน ที่จะเจรจาเพื่อลดความตึงเครียดที่บริเวณชายแดนที่กองทหารของสองประเทศมีการเผชิญหน้ากันอยู่ ประสบความล้มเหลวในการหาข้อยุติข้อขัดแย้งที่ดำเนินมานาน 17 เดือนและทำให้เกิดการสูญเสียจากทั้งสองได้  คำยืนยันจากกองทัพของทั้งสองประเทศว่า ความพยายามเจรจาระหว่างทั้งคู่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ที่มีออกมาในวันจันทร์หมายความว่า ทั้งคู่ยังจะต้องตรึงกำลังทหารไว้ที่แถบพรมแดนในภูมิภาคลาดัก ของอินเดียในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงอีกครั้ง  กองทัพอินเดียออกแถลงการณ์ที่ระบุว่า ทางตนได้เสนอ ‘ข้อแนะนำในเชิงสร้างสรรค์’ ไป แต่ทางจีน “ไม่ยอมตกลง” และ ไม่ได้ยื่นข้อเสนอที่จะนำพาทุกอย่างไปสู่สภาพการณ์ที่ดีขึ้นในอนาคตได้ ขณะที่ โฆษกกองทัพจีน ระบุในแถลงการณ์ของฝ่ายตนว่า “ทางอินเดียยังคงยึดติดอยู่กับข้อเรียกร้องที่ไม่สมเหตุสมผลและเป็นไปไม่ได้ จนทำให้การเจรจามีปัญหา”  ผู้บัญชาการเหล่าทัพของทั้งสองประเทศเข้าร่วมการเจรจาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่บริเวณมอลโด (Mold) ซึ่งอยู่ในการควบคุมของจีน ในภูมิภาคลาดัก ของอินเดีย
  • (-) “เมอร์ค” ยื่นขอ FDA อนุมัติใช้ยาโมลนูพิราเวียร์เป็นกรณีฉุกเฉินในสหรัฐเมอร์ค แอนด์ โค ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ได้ยื่นขออนุมัติใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ (molnupiravir) ซึ่งเป็นยาเม็ดสำหรับรักษาโรคโควิด-19 เป็นกรณีฉุกเฉินจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐ  หากได้รับอนุมัติ ยาโมลนูพิราเวียร์ ซึ่งเมอร์คพัฒนาขึ้นร่วมกับบริษัทริดจ์แบ็ค ไบโอเทราพิวติกส์นั้น จะเป็นยาชนิดรับประทานตัวแรกที่ใช้ต้านไวรัสโควิด-19
  • (-) แอสตร้าเซนเนก้าเผยผลการทดลองยารักษาโควิดขั้นสุดท้ายได้ผลน่าพอใจบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าเปิดเผยผลการศึกษาทดลองขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับประสิทธิภาพของยาแอนติบอดีแบบผสมหรือแอนติบอดีค็อกเทล (Antibody cocktail) สำหรับรักษาโควิด-19 ของบริษัทว่า ประสบความสำเร็จในการลดอาการป่วยที่รุนแรง รวมถึงการเสียชีวิตในกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษาในโรงพยาบาลยาดังกล่าวมีชื่อว่า AZD7442 ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่อาการป่วยจากโควิด-19 จะถึงขั้นรุนแรงหรือเสียชีวิตลงได้ถึง 50% ในผู้ป่วยที่แสดงอาการมาไม่เกิน 7 วัน ซึ่งตรงตามเป้าหมายหลักของการทดลอง
  • (-)ดอลล์แข็งค่า รับคาดการณ์เฟดลด QE แม้จ้างงานซบเซาดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบสกุลเงินหลัก ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) ขานรับกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศลดวงเงินในโครงการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนหน้า แม้ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาดก็ตาม  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.26% แตะที่ 94.3165 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.32 เยน จากระดับ 112.19 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9272 ฟรังก์ จากระดับ 0.9264 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2479 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2459 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1560 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1576 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3609 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3620 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7353 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7312 ดอลลาร์
  • (-) นายกฯ สั่งเปิดรับนักท่องเที่ยวไม่ต้องกักตัวเริ่ม 1 พ.ย.-เปิดผับบาร์ 1 ธ.ค.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ “เปิดรับท่องเที่ยวโดยไม่ต้องกักตัว” โดยระบุว่า ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศที่เป็นนักท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย ต่างค่อยๆ เริ่มอนุญาตให้ประชาชนเดินทางได้โดยไม่มีเงื่อนไขที่ยุ่งยากมากมาย อย่างเช่น อังกฤษ เพิ่งอนุญาตให้ประชาชนเดินทางมาประเทศไทยได้โดยไม่ยุ่งยาก หรืออย่าง สิงคโปร์ และออสเตรเลียเริ่มผ่อนคลายเงื่อนไข ในการเดินทางไปต่างประเทศของประชาชน

โดย  : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำยังเคลื่อนไหวในกรอบเดิม ระหว่าง 1,750 – 1,765 เหรียญ ขณะที่เงินบาทแกว่งตัวอย่างมากหลังจากที่นายกรัฐมนตรีไทยแถลงจะเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย. หรือประมาณอีก 2 สัปดาห์ จึงทำให้เงินบาทจากแถว 33.80 บาท/ดอลลาร์ กลับมาเคลื่อนไหวแถว 33.60  -33.70 บาท/ดอลลาร์ และเงินบาทก็ยังปรบัแข็งค่าต่อเนื่องมาทดสอบแถว 33.50 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งน่าจะกดดันการเคลื่อนไหวของราคาทองคำไทย ขณะที่ทองคำตลาดโลกค่อนข้างทรงตัวหรือปรับตัวเพียงเล็กน้อย ด้านดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าเล็กน้อยที่ 94.36 จุด โดยจะเห็นได้ว่าเงินบาทแข็งค่าจากปัจจัยในประเทศ และจะเห็นได้ว่าเงินดอลลาร์มีการเคลื่อนไหวแข็งค่าและมีโอกาสขึ้นได้อีกหากยังยืนเหนือ 94.10 จุด เมื่อวานนี้ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ขณะที่คืนนี้จะมีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ได้แก่ Jolts Job Openings ที่คาดว่าจะออกมาทรงตัว รวมถึงถ้อยแถลงของสมาชิกบอร์ดบริหารของเฟด และประธานเฟดสาขาแอตแลนต้าa

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำยังเคลื่อนไหวในกรอบ 1,750 – 1,765 เหรียญ โดยยังมีทิศทางการแกว่งตัวค่อนข้างมาก อย่างไรก็ดี คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนตัวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยระยะกลางและระยะยาว ซึ่งถือเป็นทิศทางแนวโน้มขาลง สำหรับ Gold Online Futures และ Comex Gold จะมีแนวรับ 1,748 เหรียญ และแนวต้าน 1,768 เหรียญ ในขณะที่ Gold Spot คาดจะมีแนวรับ 1,745 เหรียญ และแนวต้าน 1,765 เหรียญ ด้านราคาทองคำไทยคาดว่าจะเปิด -250 บาท/บาททองคำ

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

แนะนำเล่นสั้น Sideway มีโอกาสปรับตัวลงได้จากราคาที่เคลื่อนต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นและกลาง

– นักลงทุนที่ถือ Long Position 

เล่นสั้น หาจังหวะปิดลดสถานะตามการรีบาวน์ ควรเน้นปรับพอร์ตการลงทุนให้สมดุล

– นักลงทุนที่ถือ Short Position

แนะนำเล่นสั้น หากไม่ผ่าน 1,765 – 1,770 เหรียญ รอเปิดขาย และรอซื้อปิดทำกำไรตามแนวรับ หรือเมื่อราคาอ่อนตัว มี Stop Loss หากสูงกว่า 1,770 เหรียญ

Gold Futures 10V21 จะมีแนวรับที่ระดับ 27,850 บาท และแนวต้านที่ระดับ 28,150  บาท

โดย : บริษัท ที.ดี.ซี. โกลด์ จำกัด

ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงอีกครั้ง สาเหตุหนึ่งมาจากทางฝั่งอเมริกาที่ปรับตัวลดลงจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวพร้อมกับราคาน้ำมันที่ทรงตัวระดับสูง และเช้านี้มีประเด็นเรื่องของ Evergrandeเริ่มผิดนัดชำระหนี้ ส่งผลให้ความกังวลปกคลุมตลาดเอเชียเช้านี้ ทั้งนี้การปรับตัวลดลงนั้นเป็นไปอย่างจำกัดไม่ได้ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง สาเหตุหนึ่งเพราะมองว่าท้ายที่สุดรัฐบาลจะเข้ามาช่วยเหลือ(ทางอ้อม)  ฝั่งทิศทางทองคำยังมองปรับตัวลดลงสู่ $1750 และ $1740

ที่มา : gold.in.th ( 12 ต.ค. 64 )

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.