บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 18 ต.ค.64 by SCT, HGF, GT, YLG, MTS, GCAP
โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด
คำแนะนำ : ตัวเลขค้าปลีกดี ทุบทองแรงหลังยืน 1800 ไม่ได้ ต้องมาตั้งฐานใหม่
แนวรับ 1760/ 1750 / 1740 แนวต้าน 1775|1786|1800
Gold/silver USD Baht DOW (stock)
ระยะสั้น SW SW SW SW
ระยะกลาง SW/SW UP SW SW SW UP
ระยะยาว BULLISH Neutral NEUTRAL BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS 1750-86
จุดเข้า BUY 1750-60
เป้าหมาย 1775-90
SL 1740รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1750-1835
จุดเข้า BUY 1750-80 เป้าหมาย 1830/ 1850
SL 1735
บทวิเคราะห์ : คืนวันศุกร์ตัวเลขค้าปลีกสหรัฐฯออกมาดีเกินคาด ดันหุ้นพุ่ง ทองร่วงเสียรังวัดทางกราฟเทคนิคพอสมควรหลังยืน $1800 ไม่ได้ ผิดกับบิตคอยส์ที่อันตรายแต่กลับวิ่งแรงไปก่อน ดูเหมือนยังไม่ถึงรอบวิ่งของทอง(อาจจะคิวถัดไป ) สัปดาห์นี้มีตัวเลขประกาศไม่เยอะ แต่สำคัญในเรื่องภาพรวมของกราฟทองแม้ทรงยังเป็นบวก แต่ขาดแรงซื้อดันทะลุต้านจิตวิทยา $1800 / แนวรับ ในทางเทคนิคราคาทองไม่ควรปิดต่ำกว่า $1750 เพราะอาจจะเกิด PANIC SELL ได้ / ทางที่ดีสัปดาห์นี้ทองจะต้องดันขึ้นแรงๆไปให้ได้เพื่อรักษาภาพเชิงบวกในฐานะที่เป็นตัวป้องกันเงินเฟ้อและใกล้เทศกาลต่างๆแล้ว
กลยุทธ์ : จึงยังให้น้ำหนักไปทาง BUY ของทอง ซื้อเมื่อย่อตัวหรือทยอยซื้อสะสม โดยให้เริ่มระวังถ้าราคาต่ำกว่า $1750 และตั้งจุด STOP ที่ $1740 อย่างเคร่งครัด หรือจะเทรดสั้นไวๆแบบเดิมไปก่อน
โดย : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)
สัปดาห์ก่อนราคาทองคำปรับขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน
สัปดาห์นี้ติดตามการเปิดเผยรายงาน Beige Book
คาดการณ์ราคาทองคำจะปรับฐานเพื่อขึ้นได้ต่อ
- สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำ Spot ปรับขึ้นแรงทดสอบแนวต้านสำคัญ 1,800 ดอลลาร์ทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อสหรัฐสูงกว่าตลาดคาด ทำให้กังวลว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจโดยสหรัฐประกาศดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 5.4% เมื่อเทียบรายปีแต่ในวันพฤหัสทองคำมีปัจจัยลบจากสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 3 แสนรายนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิดในเดือนมี.ค.2563และในวันศุกร์มีแรงเทขายออกมาอย่างหนักเนื่องจากยอดค้าปลีกสหรัฐเดือนก.ย.แข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 0.7% สวนทางกับที่ตลาดคาดจะลดลง 0.2% ทางด้านกองทุน SPDRขายทองคำ 4.95 ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- สัปดาห์นี้ติดตามการเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟด12 เขต (Beige Book) ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะนำข้อมูล Beige Book มาใช้ประกอบการตัดสินใจนโยบายการเงินในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 2-3 พ.ย.ตัวเลขภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐเดือนก.ย.ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐเดือนต.ค.
- หลังจากที่ราคาทองคำไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านสำคัญ 1,800 ดอลลาร์ ขึ้นไปได้ ทำให้เกิดสัญญาณของการย่อตัวลงทางด้านเทคนิคอย่างไรก็ดีคาดการณ์ราคาทองคำจะปรับฐานเพื่อขึ้นได้ต่อ โดยมีแนวต้าน 1,780 ดอลลาร์และ 1,800ดอลลาร์ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,760 ดอลลาร์และ 1,750 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,766.45 | -28.85 | 1,760/1,750 | 1,780/1,800 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
28,050 | -100 | 27,900/27,750 | 28,150/28,400 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
28,130 | -100 | 28,050/27,900 | 28,310/28,600 |
แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรที่ราคาทองคำ Spot1,760ดอลลาร์ (GF28,050 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,750ดอลลาร์ (GF27,900 บาท)และขายทำกำไรที่ 1,780ดอลลาร์(GF28,600 บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,771.10 | -15.30 | 1,763/1,753 | 1,783/1,803 |
แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรที่ราคา GOZ211,763ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,753ดอลลาร์และขายทำกำไรที่ 1,783ดอลลาร์
ค่าเงิน
ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ33.20-33.50 บาท/ดอลลาร์ทั้งนี้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐจากยอดค้าปลีกสหรัฐเดือนก.ย.ออกมาแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 0.7% สวนทางกับที่ตลาดคาดจะลดลง 0.2% โดยUSD Futures เดือนธ.ค.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33.20 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน33.50บาท/ดอลลาร์
News
ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์อ่อนค่านลท.ขายสกุลเงินปลอดภัยรับข้อมูลศก.แกร่ง
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยหลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นสวนทางคาดการณ์ในเดือนก.ย. ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6สกุลในตะกร้าเงินลดลง 0.02% แตะที่ 93.9394 เมื่อคืนนี้
ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดร่วง 29.6 ดอลล์ข้อมูลศก.แกร่ง-บอนด์ยีลด์เพิ่มกดดันราคา
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 ต.ค.) โดยถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่เพิ่มขึ้นและนักลงทุนยังเทขายสัญญาทองคำในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยหลังรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 29.6 ดอลลาร์หรือ 1.65% ปิดที่ 1,768.3 ดอลลาร์/ออนซ์แต่เพิ่มขึ้น 0.6% ดอลลาร์ในรอบสัปดาห์นี้สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 12.8 เซนต์หรือ 0.55% ปิดที่ 23.349 ดอลลาร์/ออนซ์
ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดบวก 97 เซนต์ขานรับแนวโน้มอุปสงค์เพิ่มทั่วโลก
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกทั้งนี้สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 97 เซนต์หรือ 1.2% ปิดที่ 82.28 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. 2557 และในรอบสัปดาห์นี้พุ่งขึ้น 3.7% สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 86 เซนต์หรือ 1% ปิดที่ 84.86 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. 2561 และในรอบสัปดาห์นี้พุ่งขึ้น 3%
ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 382.20 จุดรับผลประกอบการแกร่ง-ยอดค้าปลีกเพิ่ม
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 ต.ค.) และปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาโดยได้แรงหนุนจากการที่บริษัทโกลด์แมนแซคส์เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่งและกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ย. ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,294.76 จุดเพิ่มขึ้น 382.20 จุดหรือ +1.09%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,471.37 จุดเพิ่มขึ้น 33.11 จุดหรือ +0.75% และดัชนีNasdaq 14,897.34 จุดเพิ่มขึ้น 73.91 จุดหรือ +0.50%
IMF เผยธนาคารกลางจับตาเงินเฟ้อใกล้ชิดพร้อมดำเนินการอย่างเหมาะสม
หน่วยงานกำหนดนโยบายของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่าธนาคารกลางต่างๆกำลังติดตามภาวะเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิดและจะ “ดำเนินการอย่างเหมาะสม” กับความเสี่ยงจากแรงกดดันด้านราคาที่พุ่งสูงขึ้นแถลงการณ์ที่ออกโดยคณะกรรมการจัดการกองทุนการเงินของIMF (IMFC) สะท้อนถึงข้อกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันด้านราคาที่อาจยืดเยื้อหากห่วงโซ่อุปทานยังคงหยุดชะงักจากผลกระทบของโรคโควิด-19 นานกว่าที่คาดไว้นางคริสตาลินาจอร์เจียวาผู้อำนวยการIMF กล่าวในงานแถลงข่าวหลังการประชุมคณะกรรมการว่าอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบันถือเป็น “เรื่องชั่วคราว” ท่ามกลางปัญหาคอขวดที่เกิดขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจบางส่วนฟื้นตัวจากโควิด-19 ได้เร็วกว่าส่วนอื่นๆส่งผลให้อุปสงค์และอุปทานไม่สมดุลกัน “แต่เราเฝ้าจับตาดูอยู่เราจะระมัดระวังให้มากเพราะมีปัจจัยอื่นๆที่อาจกดดันราคาได้” นางจอร์เจียวากล่าวเสริมแถลงการณ์ระบุว่า “ธนาคารกลางต่างๆกำลังติดตามความเคลื่อนไหวของราคาอย่างใกล้ชิดและสามารถมองข้ามแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เป็นเรื่องชั่วคราวได้ธนาคารกลางจะดำเนินการอย่างเหมาะสมหากความเสี่ยงจากการคาดการณ์เงินเฟ้อกลายเป็นรูปธรรม” นอกจากนี้ทางคณะกรรมการฯยอมรับมติของIMF ที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนให้นางคริสตาลินาจอร์เจียวาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการIMF ต่อไปหลังจากคณะกรรมการได้ทำการทบทวนข้อกล่าวหาที่ระบุว่านางจอร์เจียวาเคยกดดันเจ้าหน้าที่ของธนาคารโลกให้เปลี่ยนแปลงข้อมูลในรายงานเศรษฐกิจเพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้จีนระหว่างที่เธอดำรงตำแหน่งสำคัญในธนาคารโลก
ที่ปรึกษาFDA หนุนฉีดวัคซีนบูสเตอร์ของโมเดอร์นาให้ผู้สูงอายุ-กลุ่มเสี่ยง
คณะที่ปรึกษาของสำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐได้ลงมติเป็นเอกฉันท์สนับสนุนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19เข็มที่3หรือวัคซีนบูสเตอร์ของบริษัทโมเดอร์นาให้กับชาวอเมริกันที่มีอายุตั้งแต่65ปีขึ้นไปหรือผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการเจ็บป่วยรุนแรงการลงมติสนับสนุนวัคซีนบูสเตอร์ของโมเดอร์นาถือเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนที่สหรัฐจะเริ่มดำเนินการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ให้กับประชาชนกว่า69ล้านคนซึ่งได้รับวัคซีนของโมเดอร์นาครบสองโดสแล้วก่อนหน้าการตัดสินใจของคณะที่ปรึกษาด้านวัคซีนและชีวเวชภัณ์ของFDA จะช่วยให้วัคซีนบูสเตอร์ของโมเดอร์นาอยู่ในทิศทางเดียวกับวัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคโดยเมื่อวันที่17ก.ย.ที่ผ่านมาคณะที่ปรึกษาของFDA ได้ให้การรับรองในการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคให้กับชาวอเมริกันที่มีอายุ65ปีขึ้นไปและผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการรุนแรงหลังจากที่ประชาชนในกลุ่มดังกล่าวได้รับวัคซีนป้องกันโควิดครบโดสแล้วเป็นระยะเวลา6เดือนทั้งนี้คาดว่าFDA จะสรุปผลการตัดสินใจขั้นสุดท้ายสำหรับวัคซีนบูสเตอร์ของโมเดอร์นาภายในไม่กี่วันข้างหน้านี้ก่อนที่จะส่งต่อให้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐพิจารณาเป็นลำดับต่อไปในสัปดาห์หน้าโดยหากได้รับความเห็นชอบและการอนุมัติจากCDC แล้วสหรัฐก็จะเริ่มกระบวนการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ให้กับชาวอเมริกันที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วเป็นเวลาอย่างน้อย6เดือน
โดย : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด
Fundamental
- จีนประกาศจะไม่มีวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดจากหนี้เสียของบริษัทเอเวอร์แกรนด์แต่แบงก์ชาติยังเตือนความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้เพราะความผิดพลาดในการบริหารจัดการด้านการเงินของบริษัทเอกชน
- ไบเดนเซ็นบังคับใช้กฎหมายขยายเพดานหนี้ชั่วคราวให้รัฐบาลสหรัฐฯไม่ต้องผิดนัดชำระหนี้จนถึง 3 ธ.ค.
- ตลาดคาด กลต.สหรัฐฯจะรับรองให้ออกกองทุน ETF บิตคอยน์เพื่อเป็นหลักทรัพย์อ้างอิงในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
- รัสเซียส่งสัญญาณว่าอาจจะอนุญาตให้ใช้บิตคอยน์
Technical
- ราคาขึ้นไม่ผ่านแนวต้านสำคัญที่ระดับ1,800 แล้วร่วงหนักลงมาพักลึกถึงเส้น MA และเส้นแนวโน้มขาขึ้น ระยะสั้นเป็นการฟอร์มตัวเพื่อกลับขึ้นไปใหม่
- RSIลงยาวรวดเดียวถึงoversold แล้วดีดขึ้น เป็นสัญญาณว่าราคาน่าจะหยุดลงแล้ว และพยายามแกว่งทรงตัวเพื่อรอเลือกทางใหม่
- ทิศทางวันนี้ตั้งหลักใหม่
- จับจังหวะเล่นยังไง?ซื้อสะสม ถ้าหลุด 1,765 ให้ stop loss แล้ว follow short เพื่อเก็บกำไรช่วงสั้น
Attention
- เช้านี้ คาด GDP จีนจะโตแค่ 5% เพราะโดนปัญหาหนี้เสียของเอเวอร์แกรนด์เล่นงานเศรษฐกิจ
- หลายประเทศกำลังประสบปัญหาขาดแคลนพลังงาน ดันให้ราคาโภคภัณฑ์สำคัญที่เกี่ยวข้องขึ้นสูงต่อเนื่อง ทำให้เกิดความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้า
โดย : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)
คำแนะนำ :
เน้นเก็งกำไรในกรอบจากการแกว่งตัว หากราคายังไม่ผ่านโซน 1,781 ดอลลาร์ต่อออนซ์ รอเปิดสถานะซื้อในบริเวณ 1,764-1,757 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,757 ดอลลาร์ต่อออนซ์) เพื่อไปรอพิจารณาแนวรับถัดไป
แนวรับ : 1,757 1,745 1,731 แนวต้าน : 1,781 1,800 1,817
ปัจจัยพื้นฐาน :
ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดดิ่งลง 28.85ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากปัจจัยต่างๆ ได้แก่ (1.) การเปิดเผยตัวเลขยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนก.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าอาจลดลง 0.2% ซึ่งปัจจัยดังกล่าวหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ1.574%จนส่งผลกดดันราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย (2.) ราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยยังคงได้รับแรงกดดันเพิ่มจากการทะยานขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันศุกร์ และปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากการที่บริษัทโกลด์แมน แซคส์เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่ง รวมถึงตัวเลขยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ย. (3.) บิตคอยน์พุ่งขึ้นทะลุขึ้นมาเคลื่อนไหวเหนือระดับ 61,000 ดอลลาร์จากการคาดการณ์ว่าคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) จะให้การอนุมัติจัดตั้งกองทุน ETF บิตคอยน์เพื่อทำการซื้อขายในตลาดล่วงหน้า สถานการณ์ดังกล่าวบั่นทอนเม็ดเงินเก็งกำไรออกจากตลาดทองคำ และ (4.) กองทุนSPDR ถือครองทองลดลง -2.62 ตัน สู่ระดับ 980.10ตัน ทำให้ในปี 2021 กองทุน SPDR ถือครองทองลดลงแล้ว -190.64ตันสะท้อนกระแสเงินทุนที่ไหลออกจาก ETF ทองคำ ปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดกดดันให้ราคาทองคำดิ่งลงหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันบริเวณ 1,776 ดอลลาร์ต่อออนซ์จนกระตุ้นแรงขายตามทางเทคนิคเพิ่มเติม นั่นทำให้ราคาทองร่วงลงต่อจนทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,764.88 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ
ปัจจัยทางเทคนิค :
หากราคาทองคำไม่สามารถขึ้นไปยืนเหนือ 1,781 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้มีแนวโน้มอ่อนตัวลงสู่บริเวณ 1,764-1,757 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามในโซน 1,781-1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาผ่านไม่ได้การเคลื่อนไหวในระยะสั้นจะมีรูปแบบแกว่งตัวออกด้านข้างที่ชัดเจนขึ้น และราคาอาจอ่อนตัวลงทดสอบกรอบแนวรับด้านล่างอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน :
เน้นทำกำไรระยะสั้นโดยเปิดสถานะซื้อ หากราคาไม่หลุด 1,764-1,757 ดอลลาร์ต่อออนซ์ลงมา เพื่อหวังขายทำกำไรหากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านโซน 1,781-1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามควรลดสถานะซื้อลงหากราคาหลุด 1,757 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) เฟดนิวยอร์คเผยดัชนีภาคการผลิตต่ำกว่าคาดในเดือนต.ค.ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ต่ำกว่าคาดในวันนี้ ทั้งนี้ เฟดสาขานิวยอร์ก รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตร่วงลงสู่ระดับ 19.8 ในเดือนต.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 26.5 จากระดับ 34.3 ในเดือนก.ย. ดัชนีภาคการผลิตได้รับผลกระทบจากภาวะคอขวดของอุปทาน ขณะที่คำสั่งซื้อใหม่ปรับตัวลง และการจ้างงานชะลอตัว
- (+) ผลสำรวจม.มิชิแกนชี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคร่วงลง สวนทางคาดการณ์ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 71.4 ในเดือนต.ค. จากระดับ 72.8 ในเดือนก.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าดัชนีจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 73.0
- (+) สหรัฐเผยเกาหลีเหนืออาจทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลในปีหน้าสำนักข่าวกรองกลาโหมสหรัฐ (DIA) รายงานว่า เกาหลีเหนืออาจเริ่มทำการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลอีกครั้งในปีหน้า พร้อมเตือนว่าเกาหลีเหนือจะยังคงเป็นภัยคุยคักคามมั่นคงที่สำคัญของสหรัฐและชาติพันธมิตร รายงานดังกล่าวซึ่งเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เป็นการส่งสัญญาณเตือนครั้งล่าสุดเกี่ยวกับความพยายามของเกาหลีเหนือที่จะยกระดับแสนยานุภาพของกองทัพแม้ว่าจะไม่ได้ทำการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปหรืออุปกรณ์นิวเคลียร์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็ตาม
- (+) ETF บิตคอยน์กองแรกในสหรัฐจ่อเริ่มเทรดในสัปดาห์หน้าProSharesบริษัทจัดการสินทรัพย์ของสหรัฐได้เปิดเผยรายงานที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ของสหรัฐเมื่อวันศุกร์ (15 ต.ค.) บ่งชี้ว่า กองทุน ETF สัญญาล่วงหน้าบิตคอยน์ของ ProSharesจะเริ่มการซื้อขายในสัปดาห์หน้า ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมคริปโตในสหรัฐ สำนักข่าว CNBC รายงานว่า SEC ยังไม่ได้อนุมัติจัดตั้งกองทุน ETF สัญญาล่วงหน้าบิตคอยน์อย่างเป็นทางการในช่วงบ่ายวันศุกร์ และอาจจะไม่ประกาศอนุมัติจัดตั้งกองทุน ETF บิตคอยน์อย่างเป็นทางการ แต่การประกาศของ ProSharesบ่งชี้ว่า SEC ไม่มีแนวโน้มที่จะขัดขวางการจดทะเบียนกองทุน ETF บิตคอยน์ดังกล่าวในเวลานี้
- (+) ดอลล์อ่อนค่า นลท.ขายสกุลเงินปลอดภัยรับข้อมูลศก.แกร่งดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นสวนทางคาดการณ์ในเดือนก.ย. ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.02% แตะที่ 93.9394 เมื่อคืนนี้ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9227 ฟรังก์ จากระดับ 0.9233 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นที่ระดับ 114.26 เยน จากระดับ 113.66 เยน และที่ระดับ 1.2383 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.2368 ดอลลาร์แคนาดา ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1605 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1599 ดอลลาร์, เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3748 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3686 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7420 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7417 ดอลลาร์
- (-) ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (15 ต.ค.)และปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากการที่บริษัทโกลด์แมน แซคส์เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่ง และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ย. ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,294.76 จุด เพิ่มขึ้น 382.20 จุด หรือ +1.09%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,471.37 จุด เพิ่มขึ้น 33.11 จุด หรือ +0.75% และดัชนี Nasdaq 14,897.34 จุด เพิ่มขึ้น 73.91 จุด หรือ +0.50%
- (-) บิตคอยน์พุ่งไม่หยุดใกล้ทุบนิวไฮ ล่าสุดทะลุ $61,000 ยืนเหนือ 2,000,000บาทบิตคอยน์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดทะลุระดับ 61,000 ดอลลาร์ และอยู่เหนือระดับ 2,000,000 บาท ขณะที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) จะให้การอนุมัติจัดตั้งกองทุน ETF บิตคอยน์เพื่อทำการซื้อขายในตลาดล่วงหน้า ณ เวลา 00.33 น.ตามเวลาไทย บิตคอยน์ทะยานขึ้น 5.98% สู่ระดับ 61,333.62 ดอลลาร์ หรือราว 2,042,400 บาท ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม Coinbase
- (-) สหรัฐเผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นในเดือนก.ย. สวนทางคาดการณ์กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนก.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 0.2% หลังจากดีดตัวขึ้น 0.9% ในเดือนส.ค. ถึงแม้ยอดค้าปลีกดีดตัวขึ้นในเดือนก.ย. แต่นักลงทุนกังวลว่าภาวะตึงตัวของอุปทานจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลวันหยุด ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนก.ย. หลังจากพุ่งขึ้น 2.6% ในเดือนส.ค.
โดย : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวลดลงในคืนวันศุกร์ หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯดีเกินคาด ทั้ง Retail Sales และ Core Retail Sales ที่ดีขึ้นอย่างมาก ด้านดัชนีดอลลาร์มีการปรับขึ้นจาก 93.84 จุด ปิดตลาดที่ 93.95 จุด และเช้านี้อยู่บริเวณ 94.06 จุด ในส่วนของเงินบาทเริ่มกลับมาอ่อนค่าอีกครั้งหลังทดสอบแนวรับระยะกลาง 33.20 บาท/ดอลลาร์ เช้านี้อยู่ที่ 33.42 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่กองทุน SPDR ขายออกอีก 2.62 ตัน ปัจจุบันลดการถือครองลงมาที่ระดับ 980.1 ตัน และภาพรวมเศรษฐกิจโลก ณ ปัจจุบันยังดูไม่สดใสนัก อันจะเห็นได้จากยอดระบาดของ Covid-19 ที่ยังระบาดต่อเนื่อง และในประเทศไทยเองจะเห็นการระบาดรายวันราว 10,000 คน ท่ามกลางนโยบายจะเปิดประเทศ 1 พ.ย. และ 1 ธ.ค. ภายใต้แรงกดดันทางด้านเศรษฐกิจที่ทำให้ไทยต้องตัดสินใจเปิดประเทศแม้จะมีการระบาดของ Covid-19 อยู่ก็ตาม สำหรับคืนนี้ต้องติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้แก่ Industrial Production ที่คาดจะออกมาแย่ลงเล็กน้อย สำหรับไทยมีรายงานจะใช้บาทดิจิทัลทดลองใช้ราวไตรมาสที่ 2/2565 เช่นเดียวกับหยวนดิจิทัลของจีน
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ทองคำปรับตัวลงหลังพยายามยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะกลางเพียง 2 วัน ก็จะเห็นถึงแรงเทขายที่เข้ามาปรับลงหลุดเส้นค่าเฉลี่ยระยะกลางและระยะยาวอีกครั้ง จึงทำให้ภาพรวมของทองคำยังไม่ชัดเจนในทิศทางว่าจะปรับตัวสูงขึ้นหรือลดลง หลังจากที่ปรับตัวลดลงมาในคืนวันศุกร์ ณ ขณะนี้ เคลื่อนไหวแถวเส้นค่าเฉลี่ยระยะกลาง 1,770 เหรียญ วันนี้คาดว่าจะเห็นแนวรับ 1,760 เหรียญ และแนวต้าน 1,780 เหรียญ สำหรับ Gold Online Futures และ Comex คาดจะมีแนวรับ 1,763 เหรียญ และแนวต้าน 1,783 เหรียญ ในส่วนทองไทยคาดเปิดเท่าเดิม
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
แนะนำ Sideways เล่นสั้นในกรอบ ควรบริหารความเสี่ยงให้สมดุล ท่ามกลางราคาที่ยังเคลื่อนไหวไม่ชัดเจนในกรอบ
– นักลงทุนที่ถือ Long Position
แนะนำเล่นสั้น ลงซื้อขึ้นขายในกรอบ หากต่ำกว่า 1,760 เหรียญ แนะนำให้ทำ Cut Loss
– นักลงทุนที่ถือ Short Position
แนะนำเล่นสั้นๆ ในกรอบ เข้าออกเร็วในวัน มี Stop Loss หากสูงกว่า 1,780 เหรียญ
Gold Futures 10V21 จะมีแนวรับที่ระดับ 28,050 บาท และแนวต้านที่ระดับ 28,350 บาท
โดย : บริษัท จีแคป จำกัด
แนวโน้มราคาทองคำช่วงเช้า
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (15 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นสวนทางคาดการณ์ในเดือนก.ย.
มุมมองทองคำภาคเช้า ทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 ต.ค.) โดยถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่เพิ่มขึ้น สู่ระดับ 1.574% เมื่อคืนนี้ ซึ่งการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย และนอกจากนี้นักลงทุนได้เทขายสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนก.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจลดลง 0.2% หลังจากดีดตัวขึ้น 0.9% ในเดือนส.ค.
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ดัชนีเริ่มต้นสร้างบ้าน ใบอนุญาติก่อสร้างที่อยู่อาศัย รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน ดัชนีภาคการผลิต เฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย ยอดขายบ้านมือสองดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ เป็นต้น
สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (15 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นสวนทางคาดการณ์ในเดือนก.ย.
แนะแนวทางการลงทุน
แนวรับ 1,757- 1,753- 1,749
แนวต้าน 1,779–1,784– 1,789
ราคาทองคำปิดตลาดลดลง โดยถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่เพิ่มขึ้นนักลงทุนได้เทขายสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะตัวเลขยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้น ส่งผลสัญญาณกราฟทองคำระยะสั้นมองเป็นลบ แนะรอขาย
ที่มา : gold.in.th ( 18 ต.ค. 64 )
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.