ราคาทองวันนี้ ข่าวทองคำ

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 1 พ.ย.64 by HGF, SCT, GT, YLG, MTS, GCAP

564

- Advertisement -

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบ

สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมเฟด การจ้างงานสหรัฐ

ราคาทองคำคาดจะเคลื่อนไหว Sideways down

  • สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำ Spot เคลื่อนไหวในกรอบ 1,782-1,810 ดอลลาร์  ทองคำมีปัจจัยบวกจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐเติบโตเพียง 2.0% ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเติบโต 2.8% และเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำที่สุดในรอบกว่า 1 ปี หลังจากที่ไตรมาส 2 เติบโต 6.7%และกองทุน SPDRGold Trust ซื้อทองคำ 4.07 ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมาแต่มีปัจจัยลบจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐบางตัวแข็งแกร่ง ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค. และยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.
  • สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ซึ่งติดตามว่าเฟดจะประกาศปรับลดวงเงินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หรือไม่ การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเดือนต.ค. ซึ่งคาดราคาทองคำจะผันผวนถ้าการจ้างงานสหรัฐออกมาแตกต่างจากที่ตลาดคาดไว้มาก ซึ่งตลาดคาดการจ้างงานภาคเอกชน ADP และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.จะเพิ่มขึ้น 400,000 ตำแหน่ง และเพิ่มขึ้น 397,000 ตำแหน่งตามลำดับ
  • แนวโน้มราคาทองคำ Spotระยะสั้นคาดจะเคลื่อนไหวSideways downเนื่องจากนักลงทุนรอดูผลการประชุมเฟดที่จะทราบผลในคืนวันพุธระยะสั้นทองคำมีแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์และ 1,810 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,780 ดอลลาร์และ 1,770 ดอลลาร์

- Advertisement -

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,782.76-15.441,780/1,7701,800/1,810

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
28,150-5028,050/27,90028,250/28,400

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,380-10028,210/28,06028,440/28,600

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำทยอยขายทำกำไรการเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นแนะนำเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,770 ดอลลาร์ (GF 28,060บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,760 ดอลลาร์ (GF27,900 บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,800.00+0.801,782/1,7721,802/1,815

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำทยอยขายทำกำไรการเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นแนะนำเมื่อราคา GOZ21 ปรับลงมาที่ 1,772 ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,762 ดอลลาร์

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดจะแข็งค่าขึ้นทั้งนี้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเนื่องจากนักลงทุนปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐโดยดัชนีราคา PCE พื้นฐานเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 3.6% เมื่อเทียบรายปี โดยUSD Futures เดือนธ.ค.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33-33.10บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน33.40บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลลาร์แข็งค่าหลังข้อมูลชี้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 ต.ค.) โดยนักลงทุนปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.82% แตะที่ 94.1169 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดร่วง $18.7 เหตุดอลลาร์แข็งค่าฉุดราคา

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 ต.ค.) โดยถูกกดดันจากการที่เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นซึ่งทำให้สัญญาทองคำที่กำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้นมีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 18.7 ดอลลาร์หรือ 1.04% ปิดที่ 1,783.9 ดอลลาร์/ออนซ์และปรับตัวลงราว 0.7% ในสัปดาห์นี้แต่เพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนต.ค.   สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 17.1 เซนต์หรือ 0.71% ปิดที่ 23.949 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดบวก 76 เซนต์รับคาดการณ์โอเปกพลัสยังลดการผลิต

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มโอเปกพลัสจะยังคงลดการผลิตน้ำมันต่อไป ทั้งนี้สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 76 เซนต์หรือ 0.9% ปิดที่ 83.57 ดอลลาร์/บาร์เรลแต่ลดลง 0.2% ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6 เซนต์หรือ 0.1% ปิดที่ 84.38 ดอลลาร์/บาร์เรลแต่ลดลง 1.3% ในรอบสัปดาห์นี้

ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดบวก 89.08 จุดหุ้นไมโครซอฟท์บวกหนุนตลาด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นไมโครซอฟท์ซึ่งได้ช่วยชดเชยการร่วงลงของหุ้นแอมะซอนและหุ้นแอปเปิลหลังเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,819.56 จุดเพิ่มขึ้น 89.08 จุดหรือ +0.25%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,605.38 จุดเพิ่มขึ้น 8.96 จุดหรือ +0.19% และดัชนีNasdaq ปิดที่ 15,498.39 จุดเพิ่มขึ้น 50.27 จุดหรือ +0.33%

สภาผู้แทนฯสหรัฐเลื่อนโหวตร่างกม.โครงสร้างพื้นฐานเหตุสมาชิกคองเกรสยังเสียงแตก

นางแนนซีเพโลซีประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐประกาศเลื่อนการโหวตร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน1ล้านล้านดอลลาร์เนื่องจากสมาชิกสภาคองเกรสบางส่วนยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับร่างกฎหมายดังกล่าว  “เราขอแจ้งให้ทราบว่าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะเลื่อนการโหวตร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Bipartisan Infrastructure Framework – BIF) แต่ข่าวดีของเรื่องนี้ก็คือว่าเพื่อให้สมาชิกส่วนใหญ่มีเวลาเตรียมตัวมากขึ้นในการแสดงเสียงสนับสนุนร่างกฎหมายนี้” นางเพโลซีกล่าวในจดหมายที่ส่งถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดโมแครตรายงานระบุว่าการตัดสินใจเลื่อนการโหวตร่างกฎหมายBIF เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่นางพรามิลาจายาปาลประธานกลุ่มส.ส.หัวก้าวหน้าในสภาคองเกรสของสหรัฐ (Congressional Progressive Caucus) กล่าวว่าแผนการใช้จ่ายด้านสวัสดิการมูลค่า1.75ล้านล้านดอลลาร์ที่ชื่อว่า “Build Back Better Framework” ซึ่งนำเสนอโดยประธานาธิบดีโจไบเดนนั้นยังไม่เพียงพอที่จะผลักดันให้ร่างกฎหมายBIF มีความคืบหน้าทั้งนี้ปธน.ไบเดนของสหรัฐเปิดเผยแผนการใช้จ่ายด้านสวัสดิการมูลค่า1.75ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้ (28ต.ค.) โดยแผนการดังกล่าวครอบคลุมถึงการลงทุนในพลังงานสะอาดและการแก้ปัญหาโลกร้อนจำนวน5.55แสนล้านดอลลาร์, งบประมาณอุดหนุนการดูแลเด็กและการเรียนอนุบาลฟรีจำนวน4แสนล้านดอลลาร์, การลดหย่อนภาษีรายได้จากการทำงานและค่าลดหย่อนบุตรจำนวน2แสนล้านดอลลาร์และการลงทุนในการสร้างที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาจำนวน1.5แสนล้านดอลลาร์อย่างไรก็ดีแผนการใช้จ่ายล่าสุดนี้มีมูลค่าน้อยกว่าข้อเสนอเดิมของปธน.ไบเดนซึ่งอยู่ที่3.5ล้านล้านดอลลาร์  “ไม่มีใครได้ทุกอย่างที่ตัวเองต้องการรวมถึงผมด้วยแต่นั่นคือการประนีประนอม” ปธน.ไบเดนแถลงที่ทำเนียบขาวก่อนจะออกเดินทางไปร่วมการประชุมสุดยอดG20ในยุโรป

ญี่ปุ่นเล็งให้ประชาชนทั่วไปรับวัคซีนโควิดเข็มบูสเตอร์ได้ภายในปีหน้า

คณะกรรมการกระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นประกาศอนุมัติให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19เข็มที่3เพื่อกระตุ้นภูมิสำหรับประชาชนที่ได้รับวัคซีนเข็มที่2มาแล้วนานกว่า8เดือนทั้งนี้ทางกระทรวงฯคาดว่าจะสามารถเริ่มฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ให้กับประชาชนทั่วไปได้ภายในปีหน้าความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นหลังงานวิจัยจากหลายประเทศชี้ว่าแอนติบอดี้ที่ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อโควิด-19จะลดลงเมื่อเวลาผ่านไปสำหรับทุกกลุ่มอายุโดยประสิทธิภาพของวัคซีนจะคงอยู่ได้ประมาณ6เดือนกระทรวงสาธารณสุขแรงงานและสวัสดิการของญี่ปุ่นจะประกาศการตัดสินใจอย่างเป็นทางการอีกครั้งในเดือนพ.ย.ว่าจะอนุญาตให้มีการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ได้หรือไม่สำหรับการฉีดวัคซีนเข็มที่3ขณะเดียวกันทางกระทรวงฯก็จะเปิดโอกาสให้ผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนสามารถเข้ารับวัคซีนได้ต่อไปแม้ว่าขณะนี้หลายประเทศจะฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิให้กับกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มความเสี่ยงสูงเท่านั้นแต่กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นก็คาดว่าจะมีการขยายกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ในอนาคตสำนักข่าวเกียวโดรายงานว่าประชาชนญี่ปุ่นอายุ12ปีขึ้นไปสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคและวัคซีนของบริษัทโมเดอร์นาได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายขณะที่วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าได้รับการอนุมัติให้ใช้ในกลุ่ม40ปีขึ้นไปเท่านั้น

ทูตสหรัฐย้ำพร้อมหนุนไต้หวันปกป้องตนเองขณะความสัมพันธ์กับจีนระอุ

นางแซนดราโอดเคิร์กผู้อำนวยการใหญ่ของสถาบันอเมริกาในไต้หวันเผยว่าสหรัฐมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือไต้หวันปกป้องตนเอง   “สหรัฐมุ่งมั่นที่จะช่วยให้ไต้หวันปกป้องตนเอง” นางโอดเคิร์กกล่าวว่าในระหว่างการแถลงข่าวหลังเข้ารับตำแหน่งเป็นครั้งแรกพร้อมระบุถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างสหรัฐกับไต้หวันเมื่อนักข่าวถามว่าสหรัฐจะปกป้องไต้หวันหากจีนโจมตีหรือไม่นางโอดเคิร์กตอบว่านโยบายของสหรัฐต่อไต้หวันมีความชัดเจนและยังคงไม่เปลี่ยนแปลงโดยอ้างกฎหมายหลายฉบับของสหรัฐที่กำหนดความสัมพันธ์ของสหรัฐกับไต้หวันการแถลงของผู้อำนวยการใหญ่ของสถาบันอเมริกาฯเกิดขึ้นในช่วงที่ความตึงเครียดระหว่างไต้หวันและจีนปะทุขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งนี้ตามหลักกฎหมายนั้นสหรัฐใช้นโยบาย “ความคลุมเครือทางยุทธศาสตร์” (strategic ambiguity) ที่มีมายาวนานนโยบายดังกล่าวไม่แสดงเจตนารมณ์ปกป้องไต้หวันอย่างโจ่งแจ้งโดยสหรัฐอาจให้ความช่วยเหลือแก่ไต้หวันด้วยวิธีการต่างๆเพื่อให้ไต้หวันปกป้องตนเองแต่กฎหมายไม่ได้ระบุชัดเจนว่าสหรัฐจะใช้วิธีการแทรกแซงทางทหารเพื่อปกป้องไต้หวันหรือไม่หากจีนโจมตีไต้หวันอย่างไรก็ดีสหรัฐไม่ได้สถาปนาความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับไต้หวันเช่นเดียวกับอีกหลายประเทศส่วนใหญ่แต่สหรัฐนั้นมีบทบาทเป็นผู้สนับสนุนที่สำคัญที่สุดของไต้หวันในเวทีโลกรวมถึงเป็นผู้สนับสนุนหลักในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์โดยเมื่อเร็วๆนี้ประธานาธิบดีโจไบเดนได้เน้นย้ำว่าสหรัฐพร้อมที่จะปกป้องไต้หวันซึ่งสร้างความไม่พอใจให้จีน

โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด

คำแนะนำ : ทองย่อเสียทรง สัปดาห์นี้แกว่งแรงแน่ รอลุ้น FOMC ชี้ชะตาคืนพุธนี้
     
แนวรับ 1768/ 1759 / 1750  แนวต้าน 1790|1800|1810
              Gold/silver           USD                       Baht        DOW (stock)
ระยะสั้น    SW DOWN /SW   SW UP            SW                SW 

ระยะกลาง  SW UP                 SW                    SW               SW UP
ระยะยาว BULLISH              Neutral              WEAK          BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAY DOWN 1759-92
จุดเข้า BUY 1760-69
เป้าหมาย 1830
SL 1750รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1750-1835
จุดเข้า BUY 1750-80 เป้าหมาย 1830/ 1850
SL 1739   

บทวิเคราะห์ : สัปดาห์ที่ผ่านมาทองขึ้น แล้วย่อลงเสียทรงเหมือนนกรู้ ภาพรวมทองหลุดเส้น UP TREND จึงกลับมาคลุมเคลืออีกวาระ ยิ่งสัปดาห์นี้จะมีตัวเลขเศรษฐกิจ USA สำคัญประกาศทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นคืนนี้ตัวเลขการผลิต วันพุธมีตัวเลขจ้างงาน ADP และเฟด FOMC คืนวันศุกร์ตัวเลขจ้างงาน NFP ถือได้ว่าสัปดาห์นี้ปราบเซียน เพราะระเบิดลงทุกวัน นักลงทุนจะต้องบริหารพอร์ตอย่างระมัดระวังไม่งั้นมีอันเป็นไปแน่
HIGHLIGHT ที่สำคัญมี (1) ตัวเลข NFP คืนวันศุกร์ที่คาดว่าแย่กับทอง (2 ) ธ.กลางอังกฤษคืนวันพฤหัส อาจจะเป็นคนแรกที่ขึ้นดอกเบี้ยก่อนใคร ซึ่งข่าวนี้ไม่ค่อยดีกับทอง  (3) การประชุมเฟด FOMC ในคืนวันพุธนี้  ที่จะประกาศการลดวงเงิน QE ครั้งแรก ตามที่คาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มลดเงินในเดือนหน้าทันทีโดยลดเงินซื้อพันธบัตร 10 พันล้าน และลดเงินซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS)  5 พันล้าน จุดสำคัญคือถ้าคืนนั้นประกาศจริงสูงเกินนี้ทองร่วงนรก แต่ถ้าตามที่คาดไว้ 10/5 มีลุ้นทองพุ่ง
กลยุทธ์ : ปรับแผนเทรดตามกราฟเทคนิค คือเข้า BUY ช่วงย่อแรงแถว $1760-68 และหนีทันทีถ้าราคาหลุด $1750 หรือรอราคากลับมายืน $1800 ค่อยมาซื้อใหม่ ขอย้ำว่าสัปดาห์นี้จะผันผวนและคาดเดายากทุกวัน เพราะอาจมีสับขาหลอกพร้อมข่าว แต่โดยรวมตอนนี้ ราคาไม่ต่ำกว่า $1750 เรายังแนะการซื้อช่วงย่อ หรือเล่นสั้นๆตามการสวิง 

โดย : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

Fundamental

  • ภาคการผลิตจีนแย่กว่าคาดหลังประกาศตัวเลขPMI หดตัวลง2 เดือนติด เตือนว่า GDP ไตรมาส 4 อาจแย่กว่าคาด และเศรษฐกิจปีหน้าจะลำบากกว่าเดิม
  • สัปดาห์นี้  จับตา Fed ประกาศเริ่มลดมาตรการ QE

Technical

  • รูปซ้ายราคาร่วงแรงหลุดเส้น MA ก่อนมีแรงรีบาวด์ดันกลับขึ้นมา แต่ sentiment ที่เปลี่ยนไปเพราะ ECB ไม่ยอมลด QE แต่ Fed กำลังจะลด QE ในขณะที่จีนกำลังแย่ ทำให้ทองคำถูกกดดันจนกว่าจะมีปัจจัยบวก
  • รูปขวาราคาพยายามจะกลับขึ้นมายืนเหนือเส้น MA แต่ดูเป็นไปได้ยาก อีกทั้งเส้น MA ย่อยกำลังกดลง ดังนั้น ถ้าราคาปรับบวกก็น่าจะถูกขายซ้ำลงมาอยู่ดี
  • ทิศทางวันนี้แกว่งลง
  • จับจังหวะเล่นยังไง?ถ้าราคาปรับขึ้นน่าแบ่งบางส่วนมาเล่นฝั่งชอร์ต

Attention

หลายประเทศกำลังประสบปัญหาขาดแคลนพลังงาน ดันให้ราคาโภคภัณฑ์สำคัญที่เกี่ยวข้องขึ้นสูงต่อเนื่อง ทำให้เกิดความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้า

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

แนะนำซื้อขายทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว โดยเปิดสถานะขายในโซนแนวต้าน1,792-1,805 ดอลลาร์ต่อออนซ์และแบ่งปิดสถานะขายเพื่อทำกำไรบริเวณแนวรับโซน 1,772-1,770 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคำสามารถยืนเหนือโซนดังกล่าวได้

แนวรับ : 1,770 1,760 1,745  แนวต้าน : 1,792 1,805 1,821

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวลดลง 15.44ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยราคาทองคำเริ่มเผชิญกับแรงขายทำกำไรหลังจากราคาไม่สามารถกลับไปยืนเหนือแนวต้านจิตวิทยาบริเวณ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ขณะที่นักลงทุนบางส่วนขายลดสถานะการลงทุนก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินในช่วงกลางสัปดาห์นี้  นอกจากนี้  ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ การเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน แต่เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE ทั่วไปพุ่งขึ้น 4.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 1991 ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐาน เพิ่มขึ้น 3.6% ในเดือนก.ย. แม้ตัวเลขดังกล่าวจะสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์  แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่าเงินเฟ้อในสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูงซึ่งกลับมากระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดความร้อนแรงของเงินเฟ้อ  ทำให้ดัชนีดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้น  +0.83%  ปัจจัยดังกล่าวกดดันราคาทองคำให้ร่วงหลุดแนวรับสำคัญที่เป็นเทรนไลน์และเส้นค่าเฉลี่ย 50, 100 และ 200 วัน  จนกระตุ้นแรงขายทางเทคนิคเพิ่มเติม  ส่งผลให้ราคาทองคำดิ่งลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,771.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ก่อนเกิดแรงซื้อ Buy the dip ในช่วงปลายตลาดเนื่องจากราคาทองอยู่ในภาวะขายมากเกินไป  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตจากมาร์กิตและ ISM 

ปัจจัยทางเทคนิค :

หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,792-1,805 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้งแต่ไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเพิ่ม ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นค่อนข้างจำกัด ทำให้ประเมินแนวรับระยะสั้นในโซน 1,772-1,770 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

แนะนำให้เก็งกำไรในกรอบ โดยเปิดสถานะขายเมื่อราคาดีดตัวขึ้นไปบริเวณแนวต้าน 1,792-1,805ดอลลาร์ต่อออนซ์ และรอซื้อปิดสถานะขายหากราคาลงมาย้ำหรือไม่หลุดบริเวณแนวรับ 1,772-1,770ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาหลุดแนวรับ แนะนำให้ชะลอการซื้อคืน หรือ เปิดสถานะซื้อออกไป

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) อนามัยโลกเตือนโควิดยังไม่จบ ยอดตาย-ติดเชื้อทั่วโลกเพิ่มครั้งแรกในรอบ 2 เดือนสำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยในการแถลงข่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลก ได้เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน เนื่องจากการแพร่ระบาดพุ่งขึ้นทั่วยุโรป   WHO เปิดเผยว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในยุโรปเพิ่มขึ้น 3 สัปดาห์ติดต่อกัน แม้ยอดติดเชื้อลดลงในทุกภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลก โดยยอดผู้ติดเชื้อในยุโรป พุ่งขึ้น 18% ในสัปดาห์ที่แล้ว  “จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตทั่วโลกจากโรคโควิด-19 กำลังเพิ่มขึ้นในขณะนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน ซึ่งเป็นผลจากยอดติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในยุโรปซึ่งบดบังการลดลงในภูมิภาคอื่น ๆ” นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO กล่าว
  • ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 ต.ค.) โดยนักลงทุนปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐ  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.82% แตะที่ 94.1169 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 113.91 เยน จากระดับ 113.46 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9154 ฟรังก์ จากระดับ 0.9118 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2373 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2347 ดอลลาร์แคนาดา  ส่วนยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1560 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1683 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3690 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3787 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7525 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7538 ดอลลาร์สหรัฐ
  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (29 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นไมโครซอฟท์ ซึ่งได้ช่วยชดเชยการร่วงลงของหุ้นแอมะซอนและหุ้นแอปเปิลหลังเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,819.56 จุด เพิ่มขึ้น 89.08 จุด หรือ +0.25%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,605.38 จุด เพิ่มขึ้น 8.96 จุด หรือ +0.19% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,498.39 จุด เพิ่มขึ้น 50.27 จุด หรือ +0.33%
  • สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐได้อนุมัติแล้วในวันศุกร์ (29 ต.ค.) ให้ใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์และไบออนเทคกับเด็กอายุ 5-11 ปี ซึ่งนับเป็นวัคซีนโควิดตัวแรกที่ได้รับอนุมัติให้ใช้กับเด็กเล็กในสหรัฐอย่างไรก็ตาม รายงานข่าวระบุว่า จะยังไม่มีการฉีดวัคซีนให้กับเด็กในวัยดังกล่าวในทันที โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐยังคงจำเป็นต้องแนะนำว่า ควรจะฉีดวัคซีนให้กับเด็ก ๆ อย่างไร ซึ่งจะมีการตัดสินใจหลังจากที่กลุ่มที่ปรึกษาภายนอกได้หารือกันเกี่ยวกับแผนการดังกล่าวในวันอังคารหน้า
  • ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 71.7 ในเดือนต.ค. จากระดับ 72.8 ในเดือนก.ย. อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 71.2  ดัชนีได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และภาวะคอขวดของห่วงโซ่อุปทาน
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE ทั่วไปพุ่งขึ้น 4.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2534ดัชนี PCE ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาอาหารและพลังงานส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 3.6% ในเดือนก.ย. สอดคล้องกับเดือนส.ค.
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ย. แต่ชะลอตัวจากระดับ 1.0% ในเดือนส.ค.ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย.ขณะเดียวกัน รายได้ส่วนบุคคลลดลง 1.0% ในเดือนก.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 0.4%

โดย  : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำปรับตัวลดลงในคืนวันศุกร์ ท่ามกลางการแข็งค่าของดอลลาร์ ทั้งที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯโดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ลดลง แต่ดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้นได้จาก 93.60 จุดโดยประมาณ ก่อนจะขึ้นมาแถว 94 จุดอีกครั้ง โดยเป็นการปรับแข็งค่าขึ้นต่อ ด้านเงินบาทเองกลับมาอ่อนค่าอีกครั้งหนึ่ง โดยปรับมาบริเวณ 33.33 บาท/ดอลลาร์ ในขณะที่ภาพรวมของตลาดรอความชัดเจนของการประชุมเฟดที่จะมีขึ้นวันพรุ่งนี้ และจะแถลงผลการประชุมวันที่ 3 พ.ย. สำหรับคืนนี้ต้องติดตาม ISM Manufacturing PMI ที่คาดจะแย่ลง ภาพรวมตลาดรอผลประชุมเฟด และตลาดโดยทั่วไปยังคงรอคอยข้อมูลและผลประชุมเฟด ทางด้านน้ำมันดิบยังยืนเหนือ 80 เหรียญ/บาร์เรล ท่ามกลางการใช้น้ำมันมากขึ้นเพื่อทดแทนก๊าซ สำหรับ SPDR ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค 

ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวบริเวณเส้นค่าเฉลี่ยระยะกลางและระยะยาวบริเวณ 1,795-1,800 เหรียญ โดยยังไม่มีความชัดเจนของทิศทางมากนัก คงต้องรอข่าวการทำ Tapering QE ของเฟด ขณะที่เส้นค่าเฉลี่ยส่วนใหญ่อยู่บริเวณ 1,795 – 1,800 เหรียญ ภาพรวมคาดราคาจะเคลื่อนตัวกรอบแคบโดยมีแนวรับ 1,770 เหรียญ และแนวต้าน 1,800 เหรียญ ในส่วนของ Gold Online Futures และ Comex Gold คาดจะมีแนวรับ 1,773 เหรียญ และแนวต้าน 1,800 เหรียญ 

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ 

แนะนำเล่นสั้น Sideways ในกรอบ บริหารพอร์ตสมดุลรอผลประชุมเฟด

– นักลงทุนที่ถือ Long Position  
ลงซื้อขึ้นขาย ทำกำไรระยะสั้นๆในกรอบ เน้นบริหารพอร์ตสมดุล

– นักลงทุนที่ถือ Short Position

แนะนำให้บริหารพอร์ตก่อนทราบผลประชุมเฟด

Gold Futures 10Z21 จะมีแนวรับที่ระดับ 28,200 บาท และแนวต้านที่ระดับ 28,500 บาท

โดย : บริษัท จีแคป จำกัด

แนวโน้มราคาทองคำช่วงเช้า

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นหลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจบ่งชี้ถึงเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE ทั่วไป พุ่งขึ้น 4.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2534 โดยดัชนี PCE ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาอาหารและพลังงาน 

มุมมองทองคำภาคเช้า  ทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (29 ต.ค.) โดยถูกกดดันจากการที่เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ซึ่งทำให้สัญญาทองคำที่กำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางยุโรปในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐจะจัดการประชุมในที่ 2-3 พ.ย.  

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่  ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต  ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต ISM  การจ้างงานภาคนอกภาคเกษตร ADP  ดุลการค้า  ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ  คำสั่งซื้อสินค้าโรงงาน  ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ ISM  การประชุม FOMC  จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน  ผลผลิตนอกภาคการเกษตร  ดุลการค้า  ต้นทุนแรงงานต่อหน่วย  รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง  การจ้างงานนอกภาคการเกษตร  อัตราการว่างงาน  เป็นต้น  

สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นหลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจบ่งชี้ถึงเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE ทั่วไป พุ่งขึ้น 4.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2534 โดยดัชนี PCE ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาอาหารและพลังงาน

ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐาน เพิ่มขึ้น 3.6% ในเดือนก.ย. สอดคล้องกับเดือนส.ค.

แนะแนวทางการลงทุน

แนวรับ 1,774-  1,768- 1,762

แนวต้าน  1,792–1,797– 1,803

ทองคำปิดตลาดลดลงหลังการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่ง หนุนสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่า กดดันราคาทองคำให้โดนเทขายอย่างหนัก  ขณะที่ดัชนีบ่งชี้เงินเฟ้อ เมื่อเทียบรายปีขยับตัวขึ้นสูงสุดในรอบหลายปี อาจเพิ่มแรงจูงใจให้ เฟด พิจารณาปรับลด QE  เร็วขึ้น จะส่งผลลบกับราคาทองคำได้ด้วย

ที่มา : gold.in.th ( 1 พ.ย. 64 )

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.