ราคาทองวันนี้ ข่าวทองคำ

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 5 พ.ย.64 by GT, SCT, HGF, MTS, YLG

753

- Advertisement -

โดย : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

Fundamental

  • ตั้งแต่เดือน ธ.ค.OPEC+ จะเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบอีกวันละ 4 แสนบาร์เรล ซึ่งเป็นไปตามแผนเดิม โดยไม่สนใจข้อเรียกร้องของสหรัฐฯที่ต้องการให้ทางกลุ่มขยายระดับการผลิตเพื่อกดราคาในตลาดโลกลง พร้อมให้เหตุผลว่าทางยุโรปมีความต้องการใช้ลดลง และหากสหรัฐฯต้องการผลิตเพิ่มก็สามารถทำได้เอง
  • ดัชนี PMI ภาคบริการยูโรโซนร่วงต่ำสุดรอบ 6 เดือน
  • ยอดขอสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯต่ำสุดนับตั้งแต่โควิด

Technical

  • ราคาดีดแรงผ่านแนวต้าน1,780-1,785 ขึ้นไปทดสอบระดับ 1,800 อีกครั้ง แต่ยังขาดปัจจัยบวกที่จะทำให้ภาพรวมกลายเป็นขาขึ้นจริงได้ จึงคาดว่าจะแกว่งอยู่ระหว่าง กรอบบน 1,810-1,815 กับกรอบล่าง 1,760-1,770 ต่อไปอีกสักพัก
  • ราคาย่อลงหลังพุ่งขึ้นเร็วเกินไปจน RSI เข้าเขต overbought การขึ้นเหนือ 1,800 มีความเป็นไปได้ แต่ไม่น่าจะยืนระยะได้นาน
  • ทิศทางวันนี้1,780-1,805
  • จับจังหวะเล่นยังไง?เก็งกำไรในกรอบ1,780-1,805

Attention

- Advertisement -

  • หลายประเทศกำลังประสบปัญหาขาดแคลนพลังงาน ดันให้ราคาโภคภัณฑ์สำคัญที่เกี่ยวข้องขึ้นสูงต่อเนื่อง ทำให้เกิดความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้า

โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด

คำแนะนำ : US ขาดดุลเยอะ/ BOE เลื่อนขึ้นดอกเบี้ย ฉุดทองพุ่ง คืนนี้ NFP ตัดสินเกม
    
แนวรับ 1784/ 1778 / 1760  แนวต้าน 1800|1810|1815
              Gold/silver           USD                       Baht        DOW (stock)
ระยะสั้น    SW UP             SW /SW DOWN      SW                SW

ระยะกลาง  SW UP/SW          SW                     SW               SW UP
ระยะยาว BULLISH              Neutral              WEAK          BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAY UP 1775-1810
จุดเข้า BUY 1770-85
เป้าหมาย 1830
SL 1750รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1750-1835
จุดเข้า BUY 1750-80 เป้าหมาย 1830/ 1850
SL 1739   

บทวิเคราะห์ : เมื่อวานนี้ทองขึ้น ONE WAY หลังตลาดรับข่าว QE โดยเมื่อคืนได้ข่าวหนุน 3 เรื่องคือ BOE ยังชะลอขึ้นดอกเบี้ย/ เป็นวันดิวารี เทศกาลแต่งงานของอินเดีย และตัวเลขสหรัฐฯขาดดุลการค้าบานเบอะ ฉุดทองวิ่งจ่อ $1800 เข้าโหมด REBOUND คืนนี้ยังต้องลุ้นตัวเลขจ้างงาน NFP สหรัฐฯที่คาดว่าจะดีขึ้น อาจกดดันทองบ้างแต่ทรงแบบนี้รอซื้อลุ้นเด้งรีบาวด์ต่อตามรอบเผื่อฟลุ๊คเป็นขาขึ้น ภาพรวมทองถือว่าดีมาก แต่ต้องจับตาว่ารอบนี้จะรีบาวด์ไปไกลแค่ไหน จากองค์ประกอบข่าวทั้งหมดตอนนี้ทองดูดี
กลยุทธ์ : ตราบใดที่ราคาทองปิดไม่ต่ำกว่า $1778-84 เรายังมองเป็นบวกต่อ และแนะถือฝั่ง BUY เพื่อเล่นรีบาวด์ไปก่อน จับตาแนวจิตวิทยา $1800 ยืนได้ก็ไปต่อ คาดว่าราคาทองยังเป็นโหมดรีบาวด์ตามข่าว เว้นจะข้าม $1830-35 ค่อยเป็นขาขึ้นเต็มตัว ตอนนี้เล่นสั้นไปก่อน แต่เอียงไปทางซื้อช่วงย่อจะดีกว่า

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

ทองคำฟื้นตัวขึ้นหลังตอบรับผลการประชุมเฟด

คืนนี้ 1 ทุ่มครึ่งติดตามการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ

ราคาทองคำคาดจะผันผวนตามการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ

  • ราคาทองคำ Spot เมื่อวานฟื้นตัวขึ้น หลังจากราคาทองคำตอบรับผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศปรับลดวงเงินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนตั้งแต่เดือนพ.ย.และคาดจะยุติมาตรการ QE ในช่วงกลางปีหน้าโดยได้ปัจจัยหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐลดลงและประธานเฟดส่งสัญญาณไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยส่วนสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลงสู่ระดับ 269,000 รายดีกว่าตลาดคาดจะลดลงสู่ระดับ 273,000 รายไม่ได้กระทบต่อราคาทองคำทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ขายทองคำต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยขายทองคำ2.66ตันเมื่อวาน
  • คืนนี้ 1 ทุ่มครึ่งติดตามการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเดือนต.ค. ซึ่งตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 455,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เดือนก.ย.เพิ่มขึ้นเพียง 194,000 ตำแหน่ง ทั้งนี้ในกรณีที่ตัวเลขการจ้างงานออกมาดีกว่าหรือแย่กว่าที่ตลาดคาดไว้จะกระทบต่อราคาทองคำ ถ้าดีกว่าที่ตลาดคาด ราคาทองคำจะลดลง แต่ถ้าออกมาแย่กว่าตลาดคาด ราคาทองคำจะเพิ่มขึ้นส่วนอัตราการว่างงานเดือนต.ค.ตลาดคาดจะลดลงเป็น 4.7% จากระดับ 4.8% ในเดือนก.ย.
  • แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดจะผันผวนตามการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเดือนต.ค.ในคืนนี้ระยะสั้นทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,780 ดอลลาร์และ 1,770 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,800 ดอลลาร์และ 1,810 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,790.97+16.371,780/1,7701,800/1,810

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
28,15028,100/27,95028,350/28,500

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,450+21028,250/28,10028,530/28,690

ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเดือนต.ค.ที่จะเปิดเผยในคืนนี้เป็นหลักการเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,780 ดอลลาร์ (GF 28,250บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,770 ดอลลาร์ (GF28,100บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,794.40+15.701,782/1,7721,802/1,812

ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเดือนต.ค.ที่จะเปิดเผยในคืนนี้เป็นหลักการเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำเมื่อราคา GOZ21 ปรับลงมาที่ 1,782ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,772ดอลลาร์

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดจะอ่อนค่าลง โดยคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.25-33.45บาท/ดอลลาร์ทั้งนี้เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากธนาคารกลางอังกฤษประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย สวนทางกับตลาดคาดการณ์ว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขานรับข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐโดยUSD Futures เดือนธ.ค.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33.25บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน33.45บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ: ปอนด์อ่อนค่าหลังแบงก์ชาติอังกฤษคงดอกเบี้ยสวนทางคาดการณ์

เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (4 พ.ย.) หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายสวนทางการคาดการณ์ของตลาดขณะที่สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขานรับข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.51% แตะที่ 94.3520 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดพุ่ง $29.6 รับบอนด์ยีลด์ร่วง-เฟดไม่เร่งขึ้นดบ.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา (4 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐและจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่ายังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 29.6 ดอลลาร์หรือ 1.68% ปิดที่ 1,793.5 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 68 เซนต์หรือ 2.93% ปิดที่ 23.911 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดร่วง $2.05 หลังโอเปกพลัสเดินหน้าเพิ่มการผลิต

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนที่ผ่านมา (4 พ.ย.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรหรือโอเปกพลัสมีมติเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. นอกจากนี้ราคาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่าการผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบียอาจพุ่งขึ้นเหนือระดับ 10 ล้านบาร์เรล/วันในไม่ช้านี้สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.05 ดอลลาร์หรือ 2.5% ปิดที่ 78.81 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 2564  สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 1.45 ดอลลาร์หรือ 1.8% ปิดที่ 80.54 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2564

ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดลบ 33.35 จุดจากแรงขายหุ้นแบงก์

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (4 พ.ย.) โดยถูกกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารเนื่องจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐทำให้นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไรของภาคธนาคารในสภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำอย่างไรก็ดีดัชนีS&P500 และNasdaqยังคงปิดทำนิวไฮโดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและจากการที่นักลงทุนยังคงขานรับผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาดดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,124.23 จุดลดลง 33.35 จุดหรือ -0.09% ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,680.06 จุดเพิ่มขึ้น 19.49 จุดหรือ +0.42% ดัชนีNasdaqปิดที่ 15,940.31 จุดเพิ่มขึ้น 128.72 จุดหรือ +0.81%

จีนชี้สหรัฐถอนตัวจากความตกลงปารีสทำทั่วโลกเสียเวลาแก้โลกร้อนเกือบ5ปี

เจ้าหน้าที่การทูตของจีนระบุว่าการที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์นำสหรัฐถอนตัวออกจากความตกลงปารีส (Paris Agreement) ทำให้โลกนี้เสียเวลาไปเกือบ5ปีในการดำเนินการเชิงพหุภาคีเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพอากาศ  “ความไม่ต่อเนื่องของสหรัฐทำให้ประเทศทั่วโลกมีภาระร่วมกันหนักขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมายของความตกลงปารีส” นายเซียเจินฮวาผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงและทูตพิเศษของจีนซึ่งเข้าร่วมในการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศระบุสำนักข่าวซินหัวรายงานว่านายเซียได้ขอความร่วมมือให้ประเทศต่างๆร่วมกันปฏิบัติตามข้อตกลงเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพอากาศอย่างเป็นรูปธรรมขณะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวนอกรอบการประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (COP 26) ขององค์การสหประชาชาติ (UN)    “เพื่อควบคุมอุณหภูมิพื้นผิวโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน2องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับระดับก่อนยุคอุตสาหกรรมและพยายามควบคุมไม่ให้เกิน1.5องศาเซลเซียสตามเป้าหมายของความตกลงปารีสปี2558สิ่งสำคัญนั้นอยู่ที่การลงมือทำไม่ใช่แค่การป่าวประกาศสโลแกน”   นายเซียยังได้เรียกร้องให้ประเทศต่างๆดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของความตกลงปารีสโดยเป็นหนึ่งเดียวกันสอดคล้องตามกฎเกณฑ์และหลักการทางวิทยาศาสตร์นำไปสู่การปฏิบัติและประสบผลสำเร็จนอกจากนี้เขายังกล่าวว่าการดำเนินการเหล่านี้ต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมความก้าวหน้าของนวัตกรรมเทคโนโลยีและความร่วมมือด้านกลไกพหุภาคีที่มีประสิทธิภาพ

FBI ชี้สหรัฐเผชิญภัยคุกคามทั้งจากกลุ่มหัวรุนแรงในประเทศและกลุ่มIS

นายทิโมธีแลงแกนรองผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ฝ่ายข่าวกรองเปิดเผยต่อสภาคองเกรสในการประชุมวานนี้ (3พ.ย.) ว่าหน่วยงานตำรวจและหน่วยงานด้านความมั่นคงในสหรัฐเชื่อว่ากลุ่มหัวรุนแรงภายในประเทศโดยเฉพาะกลุ่มเชิดชูคนผิวขาวถือเป็นภัยร้ายแรงในสหรัฐที่เทียบเท่ากับกลุ่มรัฐอิสลาม (Islamic State) หรือISนายแลงแกนเปิดเผยต่อคณะกรรมการด้านข่าวกรองประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐว่าในช่วง18เดือนที่ผ่านมาFBI พบความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุร้ายแรงจากฝีมือของกลุ่มหัวรุนแรงภายในประเทศมากขึ้นโดยเขาระบุว่าFBI ได้ทำการสืบสวนเหตุราว2,700คดีที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มหัวรุนแรงภายในประเทศและพบว่ามีการโจมตีรุนแรงที่มีเป้าหมายเป็นองค์กรศาสนา18ครั้งและส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต70รายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานายแลงแกนกล่าวว่าความวิตกกังวลเกี่ยวกับกลุ่มหัวรุนแรงที่มีอคติด้านชาติพันธุ์เป็นแรงจูงใจได้ทำให้FBI ตัดสินใจยกระดับความอันตรายของกลุ่มเหล่านี้ให้เทียบเท่ากับกลุ่มIS

 

เฟดคงดอกเบี้ย,หั่นQE เดือนละ15,000ล้านดอลลาร์สอดคล้องคาดการณ์

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ0.00-0.25%ในการประชุมวันนี้นอกจากนี้เฟดจะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เดือนละ15,000ล้านดอลลาร์เริ่มตั้งแต่เดือนพ.ย. โดยเฟดจะปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเดือนละ10,000ล้านดอลลาร์และปรับลดวงเงินซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) เดือนละ5,000ล้านดอลลาร์การลดวงเงินQE ดังกล่าวจะทำให้เฟดยุติการทำQE โดยสิ้นเชิงในกลางปี2565ก่อนหน้านี้เฟดได้ทำQE เดือนละ120,000ล้านดอลลาร์โดยเฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน80,000ล้านดอลลาร์และซื้อตราสารหนี้MBS ในวงเงิน40,000ล้านดอลลาร์แถลงการณ์ของFOMC ระบุว่า “เฟดดำเนินการดังกล่าวหลังจากที่เศรษฐกิจมีความคืบหน้าอย่างมากในการไปสู่เป้าหมายของเฟดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2563″อย่างไรก็ดีแถลงการณ์ระบุว่าเฟดไม่ได้มีการดำเนินการอย่างตายตัวและเฟดจะทำการปรับมาตรการหากมีความจำเป็น

โดย  : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังจากที่เปิดตลาดช่วงเช้าบริเวณ 1,770 เหรียญ โดยที่ราคาทองคำดีดกลับขึ้นมาได้อย่างดี หลังจากที่บีโออีประกาศคงดอกเบี้ย Surprise ตลาด และทำให้ราคาทองคำดีดกลับทดสอบ 1,800 เหรียญ หลังจากที่วันก่อนปรับตัวลดลงรับข่าวเฟดทำ Tapering QE ขณะที่ดอลลาร์ดีดกลับจากการที่ปอนด์อ่อนค่า โดยดัชนีดอลลาร์จาก 93.8 จุด มาแถว 94 จุด และเช้านี้อยู่ที่ 94.36 จุด ขณะที่เงินบาทเองอยู่ในทิศทางอ่อนค่า ทางด้าน SPDR ขายทองออก 2.66 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 975.41 ตัน ต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปีครึ่ง ในขณะที่สภาวะ Covid-19 โดยทั่วไปยังทรงตัว และ WHO ยังคาดว่ายุโรปจะกลายเป็นศูนย์กลางการระบาดรอบใหม่ได้ ทางด้านไทยติดเชื้อเพิ่มราว 9,000 ราย และเสียชีวิตราว 80 ราย ทางด้านเศรษฐกิจไทยดูจะค่อยๆฟื้นตัวได้จากการเปิดประเทศ และมีนักท่องเที่ยวเข้ามา ภาพรวมคาดจะเห็นนักท่องเที่ยวปีนี้กลับมาได้ 700,000 คน และปีหน้าคาดเห็นนักท่องเที่ยวเพิ่ม 10 ล้านคน ในส่วนของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดีขึ้นกว่าคาดเมื่อวานนี้ ได้แก่ Jobless Claims ออกมาดีขึ้นอย่างมากทำต่ำสุดตั้งแต่ยุคไวรัสระบาดแถว 266,000 ราย และวันนี้ต้องติดตามตัวเลขสำคัญได้แก่ Non-Farm Payrolls ที่คาดจะออกมาดีขึ้นอย่างมากแถว 450,000 ตำแหน่ง ขณะที่ Unemployment Rate คาดจะดีขึ้น ในส่วนของ Average Hourly Earnings คาดจะลดลง

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำดีดกลับขึ้นมาเหนือบริเวณ 1,790 เหรียญได้อย่างมั่นคง ท่ามกลางแรงซื้อขายที่หนาแน่น และแรงเทขายอย่างหนักของ SPDR แต่ทองคำก็ยังดีดกลับมาได้ดี แสดงถึงความแข็งแกร่งของ Volume ที่เข้ามาซื้อขาย วันนี้คาดว่าราคาทองคำจะผันผวนทิศทางขาขึ้น โดยมองแนวรับ 1,780 เหรียญ และแนวต้าน 1,810 เหรียญ ในส่วนของ Gold Online Futures และ Comex จะมีแนวรับ 1,783 เหรียญ และแนวต้าน 1,810 เหรียญ  ด้านทองคำไทยคาดปรับขึ้น 200 บาท/บาททองคำ

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

แนะนำเล่นสั้นลงซื้อขึ้นขายกรอบ Sideway Up

– นักลงทุนที่ถือ Long Position 

ลงซื้อขึ้นขาย แนะนำเล่นสั้นๆในกรอบตามการแกว่งตัวของราคา

– นักลงทุนที่ถือ Short Position

แนะนำให้บริหารพอร์ตสมดุลหากรีบาวน์ไม่ผ่าน 1,810 เหรียญ แนะนำ Follow Short

Gold Futures 10Z21 จะมีแนวรับที่ระดับ 28,350 บาท และแนวต้านที่ระดับ 28,700  บาท

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

หากราคายังไม่ผ่านโซน 1,800-1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์ การถือสถานะขายสามารถรอทำกำไรในบริเวณ 1,783-1,770 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เน้นการลงทุนระยะสั้นและไม่ควรถือสถานะหลายวัน

แนวรับ : 1,783 1,770 1,755  แนวต้าน : 1,803 1,814 1,833

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น16.37  ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ที่ร่วงลงจากระดับสูงสุดที่ 1.608% ในวันก่อนหน้า  สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมที่ 1.508% ซึ่งถือเป็นการปรับตัวลงในรายวันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. จากการที่ตลาด “ลด” การคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในหนึ่งวันหลังจากที่เฟดส่งสัญญาณดังกล่าวในการประชุมนโยบายการเงินรอบเดือนพ.ย.  ส่งผลหนุนให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยดีดกลับมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทุกระยะ ทั้ง 21, 50, 100 และ 200 วันซึ่งสร้างมุมมองเชิงบวกในทางเทคนิคเพิ่มเติม  สถานการณ์ดังกล่าวผลักดันราคาทองทองคำพุ่ให้งขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,798.87 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างวัน  อย่างไรก็ดี  เริ่มมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา  ประกอบกับราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากดัชนีดอลลาร์ที่แข็งขึ้น 0.51% ขานรับการเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่ลดลงเกินคาดสู่ระดับ 269,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2020 และต่ำกว่า 300,000 รายเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน  นอกจากนี้ดัชนีดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนเพิ่มจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายสวนทางการคาดการณ์ของตลาดอีกด้วย  ซึ่งเป็นปัจจัยสกัดช่วงบวกราคาทองคำเอาไว้  ด้านกองทุนSPDR ถือทองคำลดลง -2.66 ตัน  สำหรับวันนี้จับตาการเปิดเผยตัวเลขสำคัญในตลาดแรงงานของสหรัฐ  อาทิ  ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร, รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง และอัตราการว่างงานประจำเดือนต.ค.

ปัจจัยทางเทคนิค :

หากราคาทองคำไม่สามารถกลับขึ้นยืนเหนือ 1,800-1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้มีแนวโน้มอ่อนตัวลงสู่บริเวณ 1,783-1,770 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามในโซนแนวรับ1,783 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ต้องจับตาแรงซื้อเก็งกำไรที่อาจเพิ่มสูงขึ้น โดยหากสามารถยืนได้ราคาอาจดีดตัวขึ้นทดสอบโซน แนวต้านอีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน :

หากยังไม่สามารถผ่าน 1,800-1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ แนะนำเปิดสถานะขายเพื่อลงทุนระยะสั้น (ตัดขาดทุนหากผ่าน 1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์)ทยอยเข้าซื้อคืนเมื่อราคาอ่อนตัวลงไม่หลุด 1,783-1,770 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนไม่อยู่สามารถถือสถานะขายต่อ

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำ 4 บริษัทเทคฯต่างชาติ พัฒนาสปายแวร์เจาะล้วงข้อมูลสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำ 4 บริษัทเทคโนโลยีต่างชาติ ฐานพัฒนาและจัดหาสปายแวร์เจาะล้วงข้อมูลให้กับรัฐบาลต่างชาติ และว่าระบบดังกล่าวได้ถูกนำไปใช้เพื่อมุ่งเป้าโดยมีเจตนาร้ายและเป็นอันตราย ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ สื่อมวลชน นักธุรกิจ นักเคลื่อนไหว และนักวิชาการ  กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวหาว่าบริษัททั้ง 4 แห่ง ได้แก่ NSO Group และ Candiru ของอิสราเอล บริษัท Positive Technologies ของรัสเซีย และบริษัท Computer Security Initiative Consultancy PTE. LTD. ของสิงคโปร์ เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ขัดต่อความมั่นคงของชาติหรือขัดต่อผลประโยชน์ด้านนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ  บริษัททั้ง 4 แห่งจะเผชิญกับมาตรการกีดกันการส่งออกสินค้าและบริการมายังสหรัฐฯ ที่เข้มงวดมากขึ้น รวมทั้งบริษัทด้านความมั่นคงไซเบอร์ของสหรัฐฯ จะขายข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาสินค้าและบริการของบริษัทเหล่านี้ได้ยากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า นี่เป็นความพยายามในการปรับปรุงเรื่องความปลอดภัยในโลกดิจิทัล การต่อสู้กับภัยคุกคามทางไซเบอร์ และลดโอกาสการสอดส่องเฝ้าระวังที่ผิดกฎหมายสำหรับประชาชน  ตามรายงานของรอยเตอร์ บริษัททั้ง 4 ไม่ได้ให้ความเห็นต่อการถูกขึ้นบัญชีดำจากรัฐบาลสหรัฐฯในครั้งนี้
  • (+) สหรัฐเผยขาดดุลการค้าสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ย.กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้น 11.2% สู่ระดับ 8.09 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยสูงกว่าสถิติเดิมที่ทำไว้ในเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 7.32 หมื่นล้านดอลลาร์  นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าสหรัฐขาดดุลการค้า 8.05 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย.
  • (-) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดโควิด  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 14,000 ราย สู่ระดับ 269,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ  นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 275,000 ราย และต่ำกว่า 300,000 รายเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน
  • (-) แบงก์ชาติอังกฤษเสียงแตก ประกาศคงดอกเบี้ย สวนทางคาดการณ์ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จัดการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ โดย BoE มีมติ 7-2 เสียง สนับสนุนการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้  ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงินของ BoE จำนวน 2 รายลงมติสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.15% ในวันนี้  อย่างไรก็ดี BoE ระบุในแถลงการณ์ว่า BoE อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย “ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า” หากเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวขึ้นตามที่ BoE คาดการณ์  นอกจากนี้ BoE มีมติ 6-3 เสียง สนับสนุนการคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 8.95 แสนล้านปอนด์ เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
  • (-) ปอนด์อ่อนค่า หลังแบงก์ชาติอังกฤษคงดอกเบี้ย สวนทางคาดการณ์เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย สวนทางการคาดการณ์ของตลาด ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขานรับข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.51% แตะที่ 94.3520 เมื่อคืนนี้เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3493 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3679 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.1553 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1609 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7399 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7445 ดอลลาร์สหรัฐ  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียกบับเงินเยน ที่ระดับ 113.73 เยน จากระดับ 113.93 เยน แต่ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9127 ฟรังก์ จากระดับ 0.9105 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2460 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2392 ดอลลาร์แคนาดา
  • (+/-) ดาวโจนส์ปิดลบ 33.35 จุดจากแรงขายหุ้นแบงก์, S&P500-Nasdaq ทำนิวไฮต่อเนื่องดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) โดยถูกกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคาร เนื่องจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐทำให้นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไรของภาคธนาคารในสภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ยังคงปิดทำนิวไฮ โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และจากการที่นักลงทุนยังคงขานรับผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาด  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,124.23 จุด ลดลง 33.35 จุด หรือ -0.09% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,680.06 จุด เพิ่มขึ้น 19.49 จุด หรือ +0.42% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,940.31 จุด เพิ่มขึ้น 128.72 จุด หรือ +0.81%

ที่มา : gold.in.th ( 5 พ.ย. 64 )

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.