ราคาทองวันนี้ ข่าวทองคำ

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 18 พ.ย.64 by SCT, HGF, GT, YLG, MTS, GCAP, TDC

688

- Advertisement -

โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด

คำแนะนำ :  ลือเปลี่ยนปธ. FED และเร่งขึ้นดอก แนะย่อซื้อช่วงพักลุ้นไปต่อ/รอตัวเลขคืนนี้
  
แนวรับ 1852/ 1840 / 1835  แนวต้าน 1875|1885|1900
              Gold/silver           USD                       Baht        DOW (stock)
ระยะสั้น    SW                       Sw                       SW                SW 
ระยะกลาง  SW UP        SW DOWN               SW               SW UP
ระยะยาว BULLISH              Neutral              WEAK          BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS 1842-70
จุดเข้า BUY 1840-53
เป้าหมาย 1870-1900
SL 1835รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1800-1900
จุดเข้า BUY 1830-40 เป้าหมาย 1870-1900
SL 1829   

บทวิเคราะห์ :  ราคาทองแกว่งออกข้างพักฐานระยะสั้นแต่การลงมีจำกัด เว้นแต่หลุดต่ำกว่า $1835-40 จะทำให้เป็นภาพลบทันที ภาพรวมทองยังมีลุ้นต่อเพราะเงินเพ้อพุ่ง แต่เมื่อวานมีข่าวไบเดนจะเสนอชื่อปธ.เฟดคนใหม่ นางลาเอล เบรนาร์ด ซึ่งอาจไม่ใช่นายพาว์เวลคนเดิมต่อสมัย 2 ก็ได้ นอกจากนี้ยังเล่นข่าวว่าเฟดกังวลเงินเฟ้อจะเร่งขึ้นดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามราคาทองก็ยังปิดแดนบวกยังเป็นแค่พักเพื่อขึ้นต่อ เว้นแต่ราคาจะถูกทุบแรงๆ
กลยุทธ์ : ยังเอียงไปทางบวกนิดๆ ที่น่ากังวลคือบาทไทยที่แข็งค่า คาดว่าช่วงนี้ทั้งทองโลกและบาทจะแกว่งผันผวน คำแนะนำรอราคาทองไทยย่อตัวแรงทยอยซื้อเก็บ มากกว่าการชอต ต้องอย่าลืมว่าทองเป็นทรงบวกในระยะกลาง ยาว ดังนั้นการซื้ออาจ STOP ที่ราคาต่ำกว่า $1835 ก็ได้ คืนนี้มีตัวเลขหลายตัวอาจแกว่งแรงได้ ส่วนค่าเงินสหรัฐฯที่แข็งค่าก็ยังดูไม่น่ากลัว ไม่งั้นทองคงโดนทุบแรงๆไปแล้ว

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

ทองคำเพิ่มขึ้น มีแรงซื้อในฐานะสินทรัพย์ป้องกันอัตราเงินเฟ้อ

- Advertisement -

คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ระวังแรงเทขายทองคำในช่วงกลางคืน

  • ราคาทองคำ Spot เมื่อวานปิดตลาดเพิ่มขึ้น หลังจากปรับลดลงติดต่อกัน 2 วัน เนื่องจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงและมีแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ป้องกันอัตราเงินเฟ้อสำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่เปิดเผยเมื่อคืนที่ผ่านมาออกมาทั้งดีและไม่ดีโดยสหรัฐเปิดเผยการอนุญาตก่อสร้างเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นเป็น 1.65ล้านยูนิตดีกว่าตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.63ล้านยูนิต และการเริ่มสร้างบ้านเดือนต.ค.ลดลงเป็น 1.52ล้านยูนิตสวนทางกับที่ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.58ล้านยูนิตทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ซื้อทองคำ0.88 ตันเมื่อวาน
  • คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ตลาดคาดจะลดลงสู่ระดับ 260,000รายจากที่สัปดาห์ก่อนหน้านี้อยู่ที่ระดับ 267,000รายดัชนีกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนพ.ย.ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 24.2 จากระดับ 23.8 ในเดือนต.ค. ดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจเดือนต.ค.โดย conference Boardตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 0.8% หลังจากที่เดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.2%
  • แนวโน้มราคาทองคำคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,850-1,877 ดอลลาร์โดยคาดจะปรับลดลงในช่วงกลางคืน เนื่องจากคาดข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐจะออกมาแข็งแกร่ง ทั้งนี้ทองคำมีแนวรับอยู่ที่1,850 ดอลลาร์และ 1,840 ดอลลาร์ขณะที่มีแนวต้าน1,870 ดอลลาร์ และ 1,877 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,867.00+16.801,850/1,8401,870/1,877

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
28,800-15028,600/28,45028,850/28,950

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,96028,770/28,67029,020/29,130

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำขายทำกำไรบางส่วนที่ราคาทอง Spot1,877ดอลลาร์ (GF 29,130 บาท) การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,850ดอลลาร์ (GF 28,770บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,840ดอลลาร์ (GF28,670บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,866.00+4.101,852/1,8421,872/1,879

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำขายทำกำไรบางส่วนที่ราคาทอง Spot1,879ดอลลาร์การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำเมื่อราคาGOZ21ปรับลงมาที่ 1,852 ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,842ดอลลาร์

ค่าเงิน

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดจะแข็งค่าขึ้น โดยเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอังกฤษอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. หลังอัตราเงินเฟ้อพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีโดยUSD Futures เดือนธ.ค.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 32.50บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 32.70บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ: ปอนด์แข็งค่ารับคาดการณ์แบงก์ชาติอังกฤษขึ้นดบ.เดือนหน้า

เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (17 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. หลังเงินเฟ้อพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินลดลง 0.09% แตะที่ 95.8305 เมื่อคืนนี้

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (17 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อนอกจากนี้การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลารยังช่วยให้สัญญาทองคำมีความน่าดึงดูดมากขึ้น ทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 16.1 ดอลลาร์หรือ 0.87% ปิดที่ 1,870.2 ดอลลาร์/ออนซ์ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย. 2564   สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 22.3 เซนต์หรือ 0.89% ปิดที่ 25.167 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดร่วง $2.40 วิตกสหรัฐระบายน้ำมันจากคลังสำรอง

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากระดับ 80 ดอลลาร์เมื่อคืนที่ผ่านมา (17 พ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่วารัฐบาลสหรัฐอาจระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันนอกจากนี้ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ออกมาเตือนเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาดทั้งนี้สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.40 ดอลลาร์หรือ 3% ปิดที่ 78.36 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 2564  สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 2.15 ดอลลาร์หรือ 2.6% ปิดที่ 80.28 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2564

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนที่ผ่านมา (17 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการพุ่งขึ้นของตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบียเร็วกว่าที่คาดไว้นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นบริษัทวีซ่าอิงค์ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,931.05 จุดลดลง 211.17 จุดหรือ -0.58%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,688.67 จุดลดลง 12.23 จุดหรือ -0.26% และดัชนีNasdaqปิดที่ 15,921.57 จุดลดลง 52.28 จุดหรือ -0.33%

ปธ.เฟดเซนต์หลุยส์แนะเร่งลดQE หลังเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี

นายเจมส์บูลลาร์ดประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่าเฟดควรเร่งเวลาในการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี”ผมคิดว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่คณะกรรมการเฟดจะดำเนินนโยบายการเงินแบบคุมเข้มมากขึ้นในการประชุม 2 ครั้งข้างหน้าเพื่อที่เราจะจัดการความเสี่ยงของเงินเฟ้อได้อย่างเหมาะสม”   “เราสามารถดำเนินการให้เร็วขึ้นโดยเราสามารถเร่งปรับลดวงเงินในโครงการQE ให้เร็วขึ้นหากพิจารณาแล้วเห็นว่าเหมาะสม”  นายบูลลาร์ดกล่าวพร้อมระบุว่าเขาได้เสนอให้เฟดยุติโครงการQE ในไตรมาสแรกของปีหน้า

“เยลเลน” เตือนหนี้สหรัฐอาจพุ่งชนเพดาน15ธ.ค. แนะคองเกรสเร่งดำเนินการ

นางเจเน็ตเยลเลนรัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ส่งจดหมายถึงนางแนนซีเพโลซีประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐโดยระบุว่าเธอคาดว่าหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐจะพุ่งชนเพดานในวันที่15ธ.ค.นี้ซึ่งช้ากว่าที่เธอคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ในวันที่3ธ.ค.เป็นเวลาเกือบ2สัปดาห์นางเยลเลนกล่าวว่าระยะเวลาที่เพิ่มขึ้นอีก12วันนั้นจะทำให้สภาคองเกรสมีเวลามากขึ้นในการพิจารณาเพื่อที่จะบรรลุข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับการเพิ่มหรือยกเลิกเพดานหนี้โดยหากสภาคองเกรสไม่สามารถตกลงกันได้ก่อนกำหนดเส้นตายก็อาจทำให้รัฐบาลสหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์ในจดหมายดังกล่าวนางเยลเลนยังได้อธิบายถึงการทบทวนการคาดการณ์เกี่ยวกับเพดดานหนี้โดยระบุว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ประธานาธิบดีโจไบเดนได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงินกว่า1ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (15พ.ย.)   “เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาท่านปธน.ไบเดนได้ลงนามในกฎหมายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Bipartisan Infrastructure Framework – BIF)  ซึ่งจะมีการจัดสรรเงินเข้าสู่กองทุนHighway Trust Fund ภายในระยะเวลา1เดือนหลังจากกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้และกระบวนการโอนเงินจะเสร็จสิ้นในวันที่15ธ.ค.”     “แม้ดิฉันมีความมั่นใจอย่างมากว่ากระทรวงการคลังจะสามารถจัดสรรเงินให้กับรัฐบาลได้จนถึงวันที่15ธ.ค. และสามารถจัดสรรเงินเข้าสู่กองทุนHighway Trust Fund แต่เมื่อประเมินจากสถานการณ์ในขณะนี้แล้วดิฉันคิดว่ากระทรวงการคลังอาจจะไม่มีทรัพยากรมากเพียงพอที่จะจัดสรรให้กับรัฐบาลได้ภายหลังวันที่15ธ.ค.” นางเยลเลนกล่าวนางเยลเลนยังกล่าวด้วยว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้รัฐบาลสหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ซึ่งอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยและบั่นทอนสถานะของสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินสำรองของโลกทั้งนี้เพดานหนี้คือจำนวนเงินทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐได้รับอนุญาตให้ทำการกู้ยืมเพื่อให้รัฐบาลสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมายซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการด้านประกันสังคมและด้านสุขภาพ, ดอกเบี้ยตราสารหนี้ของรัฐบาลและการใช้จ่ายอื่นๆ

ประธานาธิบดีโจไบเดนผู้นำสหรัฐเปิดเผยว่าภายในเวลา4วันเขาจะตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้ายเกี่ยวกับการเสนอชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่เนื่องจากวาระการดำรงตำแหน่งของนายเจอโรมพาวเวลประธานเฟดคนปัจจุบันจะหมดลงในช่วงต้นปี2565เมื่อผู้สื่อข่าวถามปธน.ไบเดนว่า “ท่านใกล้ที่จะตัดสินใจเสนอชื่อประธานเฟดแล้วใช่หรือไม่” ซึ่งปธน.ไบเดนนิ่งไปซักครู่ก่อนที่จะตอบว่า “ใช่ผมพูดเหมือนกับที่คุณปู่ผมพูดว่าเราทำทุกสิ่งได้ด้วยพระคุณของพระเจ้าและผมเชื่อว่าจะเรารู้ว่าใครจะขึ้นมาเป็นประธานเฟดคนใหม่ภายใน4วันนี้”     ทั้งนี้ทำเนียบขาวกำลังมองหาผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานเฟดต่อจากนายพาวเวลและขณะนี้ประธานาธิบดีโจไบเดนยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเสนอชื่อผู้ใดให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว

โดย : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

Fundamental

  • ราคาน้ำมันดิบหล่นฮวบลงมาต่ำสุดในรอบเดือนครึ่ง เพราะ OPEC กับ IEA เตือนภาวะอุปทานส่วนเกินในยุโรปหลังโควิดระบาดทำให้เศรษฐกิจไม่ฟื้นตามคาด
  • ราคาพลังงานเป็นปัจจัยหลักในการผลักดันให้ราคาอุปโภคบริโภคอื่นในยุโรปสูงขึ้นจนเงินเฟ้อเดือน ต.ค. สูงถึง 4.1% หรือมากกว่าเป้าหมายของ ECB ถึง 2 เท่า
  • ตลาดคาดแบงก์ชาติอังกฤษจะเป็นธนาคารกลางสกุลเงินหลักของโลกรายแรกที่เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังอังกฤษเพิ่งประกาศเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 10 ปี

Technical

  • ราคาดีดแรงจากแนววัดใจ1,850 จึงมีโอกาสจะขึ้นไปใกล้ 1,900 แต่ RSI แกว่งลงสวนทางราคาที่สวิงขึ้น จึงต้องระวังถูกขายได้ทุกเมื่อถ้าขึ้นเกิน 1,875
  • ราคาปรับขึ้นในกรอบ broadening triangle แต่อ่อนกำลังลงในช่วงปลายตลาดวานนี้
  • ทิศทางวันนี้ยืนรักษาแนว1,860
  • จับจังหวะเล่นยังไง?ฝั่งซื้อให้ปิดทำกำไรบางส่วน ถ้าขึ้นเกิน 1,875 ให้หาจังหวะทยอยขายส่วนที่เหลือ แต่ถ้าลงมาใกล้1,860 ก่อน ให้ซื้อเพิ่มและถ้าหลุด 1,850 ให้ตัดขาดทุนแล้วเปลี่ยนไปเล่นฝั่งชอร์ต

Attention

  • สัปดาห์หน้า  คาดไบเดนจะเสนอชื่อพาวเวลนั่งเก้าอี้ประธาน Fed ต่อเป็นสมัยที่ 2
  • ยุโรปกำลังเผชิญโควิดระลอกใหม่ หลังหลายประเทศรายงานยอดผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งสูงสุดนับตั้งแต่มีโควิดซึ่งหลายชาติยุโรปเตรียมสั่ง lockdown เพื่อลดโควิด
  • หลายประเทศกำลังประสบปัญหาขาดแคลนพลังงาน ดันให้ราคาโภคภัณฑ์สำคัญที่เกี่ยวข้องขึ้นสูงต่อเนื่อง ทำให้เกิดความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้า

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

เข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,855-1,841 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ และทยอยปิดสถานะซื้อทำกำไรหากราคาไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,877-1,889 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,855 1,841 1,826  แนวต้าน : 1,877 1,889 1,900

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 16.80ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดบริเวณ 1,848.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์นับตั้งแต่ช่วงเช้าของวานนี้ในตลอดเอเชีย  ทั้งนี้  ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลายประการ  อาทิ  (1.) แรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ  (2.) ดัชนีดอลลาร์ ร่วงจากระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ค. 2020ที่ 96.266ท่ามกลางแรงขายทำกำไร  รวมไปถึงการเปิดเผยตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านที่ลดลง 0.7% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 1.520 ล้านยูนิต สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.576 ล้านยูนิต  (3.) เงินปอนด์พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ และสูงสุดในรอบ 21 เดือนเมื่อเทียบกับยูโร  โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. หลังดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคในอังกฤษ พุ่งขึ้น 4.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี  ซึ่งการแข็งค่าของปอนด์เป็นปัจจัยกดดันดัชนีดอลลาร์อีกทาง  (4.) การร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐ  และ (5.) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลงจากระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค. ที่1.65% สู่ระดับต่ำกว่า1.60%หลังอัตราผลตอบแทนพุ่งถึงระดับที่ดึงดูดให้ผู้ซื้อกลับเข้าซื้อพันธบัตรอีกครั้ง  สถานการณ์ที่กล่าวมาทั้งหมดช่วยหนุนให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,867.91 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่ม +0.88 ตัน  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจจากเฟดฟิลาเดลเฟีย, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจจาก Conference Board

ปัจจัยทางเทคนิค :

หากราคาทองคำไม่สามารถ break out ผ่านแนวต้านบริเวณ 1,877 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ระดับสูงสุดของสัปดาห์นี้) อาจมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นให้ราคากลับลงมาสะสมแรงซื้ออีกครั้ง เบื้องต้นประเมินว่าหากราคายังคงเคลื่อนไหวเหนือโซนแนวรับ1,855-1,841 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคามีโอกาสทดสอบแนวต้านโซน1,877-1,889 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้

กลยุทธ์การลงทุน :

เปิดสถานะซื้อหากราคาอ่อนตัวลงมาในโซน 1,855-1,841 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมลดการลงทุนหากราคาหลุด 1,841 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้อาจพิจารณาแบ่งทองคำออกขายทำกำไรหากราคาไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,877-1,889 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐเผยตัวเลขเริ่มต้นสร้างบ้านลดลงในเดือนต.ค. สวนทางคาดการณ์กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 0.7% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 1.520 ล้านยูนิต สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.576 ล้านยูนิต จากระดับ 1.530 ล้านยูนิตในเดือนก.ย.การเริ่มต้นสร้างบ้านได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้าง และการขาดแคลนแรงงานส่วนการอนุญาตก่อสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 4.0% สู่ระดับ 1.650 ล้านยูนิตในเดือนต.ค.
  • (+) ยูโรโซนเผยเงินเฟ้อพุ่ง 4.1% ในเดือนต.ค. สูงกว่าเป้าหมาย ECB กว่า 2 เท่าสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนดีดตัวขึ้น 0.8% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน  เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 4.1% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) กำหนดไว้กว่า 2 เท่าทั้งนี้ ดัชนี CPI ของยูโรโซนได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน รวมทั้งการปรับตัวขึ้นของราคาอาหารและราคาในภาคบริการ  ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ ECB ให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 2.1% เมื่อเทียบรายปี
  • (+) สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอสินเชื่อจำนองลดลงสัปดาห์ที่แล้ว เหตุดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นสมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองลดลง 2.8% ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่ปรับตัวขึ้น 
  • (+) ปอนด์แข็งค่ารับคาดการณ์แบงก์ชาติอังกฤษขึ้นดบ.เดือนหน้าเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. หลังเงินเฟ้อพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.09% แตะที่ 95.8305 เมื่อคืนนี้  เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3484 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3428 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.1314 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1316 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7260 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7301 ดอลลาร์สหรัฐดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 114.14 เยน จากระดับ 114.69 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9283 ฟรังก์ จากระดับ 0.9310 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2614 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2559 ดอลลาร์แคนาดา
  • (+) ดาวโจนส์ปิดร่วง 211.17 จุด วิตกเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการพุ่งขึ้นของตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบียเร็วกว่าที่คาดไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน และหุ้นบริษัทวีซ่า อิงค์  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,931.05 จุด ลดลง 211.17 จุด หรือ -0.58%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,688.67 จุด ลดลง 12.23 จุด หรือ -0.26% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,921.57 จุด ลดลง 52.28 จุด หรือ -0.33%
  • (+) สหรัฐฯพบผู้ติดโควิดมากขึ้นในหลายพื้นที่-หวั่นอาจระบาดหนักฤดูหนาวนี้สำนักข่าวเอพีระบุว่า สถานการณ์การระบาดของโควิดอาจจะเลวร้ายขึ้นในสหรัฐฯเมื่อหน้าหนาวมาเยือน  เจ้าหน้าที่พบว่าโคโรนาไวรัสสายพันธุ์เดลต้าได้เพิ่มจำนวนผู้ป่วยที่ต้องโรงพยาบาลมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในฝั่งตะวันตกและตะวันออกของประเทศ เนื่องจากอากาศที่เริ่มเย็นในบริเวณดังกล่าวได้ส่งผลให้ผู้คนทยอยเข้าไปทำกิจกรรม ภายในตัวอาคาร มากขึ้นและต้องปิดหน้าต่างและสูดอากาศท่ีไม่ได้รับการถ่ายเทอย่างทั่วถึง  ลินด์ซีย์ มารร์ นักวิจัยโคโรนาไวรัสจากมหาวิทยาลัย Virginia Tech ได้ประเมินถึง ปรากฏการณ์ข้างต้นตั้งแต่วันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา เธอระบุว่าเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายทางอากาศสามารถเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็วในห้องที่อับหรือที่อากาศไม่สามารถหมุนเวียนได้ดี 
  • (+/-) จับตา “ไบเดน” อาจประกาศชื่อว่าที่ประธานเฟดคนใหม่ภายในสัปดาห์นี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนกล่าวว่า เขาอาจเสนอชื่อผู้ที่จะดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ภายในสัปดาห์นี้    ต่อข้อถามจากผู้สื่อข่าวที่ว่า เขาใกล้ที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับผู้ที่จะมาเป็นประธานเฟดคนใหม่หรือไม่  ปธน.ไบเดนกล่าวว่า “คุณจะรู้เรื่องนี้ในอีกราว 4 วัน”  อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งกล่าวว่า ปธน.ไบเดนจะตัดสินใจเรื่องดังกล่าวก่อนวันขอบคุณพระเจ้าในวันที่ 25 พ.ย. ซึ่งบ่งชี้ว่าปธน.ไบเดนอาจประกาศการตัดสินใจในสัปดาห์หน้า

โดย  : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)

ทิศทางราคาทองคำ

ภาพรวมราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นมาที่เดิม หลังจากที่ราคาช่วง 2 วันก่อนปรับตัวลดลงหลุดจาก 1,850 เหรียญ และเช้านี้กลับมาเคลื่อนไหวแถว 1,870 เหรียญ ทางด้าน SPDR ซื้อทองเพิ่ม 0.88 ตัน ในส่วนของข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้แก่ Building Permits ที่ออกมาดีกว่าเดิมเล็กน้อย แต่ Housing Starts ดีกว่าที่ออกมาแย่ลงกว่าคาด สำหรับคืนนี้ ต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ Unemployment Claims และ Philly Fed Manufacturing Index ที่คาดว่าจะออกมาดีขึ้น ในส่วนของดัชนีดอลลาร์แข็งค่าไปถึง 96 จุด และเผชิญแรงเทขายทำกำไรลงมาเช้านี้อยู่บริเวณ 95.8 จุดโดยประมาณ ภาพรวมดอลลาร์อยู่ในแนวโน้มของการแข็งค่าขึ้น ในส่วนของค่าเงินบาทเองยังกลับมาแข็งค่าและไม่ได้อ่อนค่าตามดอลลาร์ หรือเคลื่อนไหวสวนทางกันตามปกติ โดยเงินบาทเช้านี้แข็งค่าลงมาที่ 32.62 บาท/ดอลลาร์ จากบริเวณ 32.80 บาท/ดอลลาร์โดยประมาณ จึงทำให้ภาพหลักของค่าเงินบาทเมื่อเทียบดอลลาร์เป็น Sideways ระหว่าง 32.50 – 32.80 บาท/ดอลลาร์

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค 

ราคาทองคำยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องหลังเผชิญแรงเทขายทำกำไรลงมา และทำให้ภาพทางเทคนิคดีขึ้นลดสภาวะ Overbought ลงไป และทำให้ภาพรวมแนวโน้มของราคาทองคำเป็นขาขึ้น จึงคาดว่าราคาจะเคลื่อนในกรอบแนวรับ 1,850 เหรียญ และมีแนวต้าน 1,880 เหรียญ โดยมีระดับราคาเป้าหมายระยะยาวบริเวณ 1,900 เหรียญ  สำหรับ Gold Online Futures และ Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 1,858 เหรียญ และแนวต้าน 1,882 เหรียญ อย่างไรก็ดี ราคาทองคำไทยวันนี้คาดจะเปิดตลาด +50 บาท/บาททองคำโดยประมาณ

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ 

แนะนำเล่นสั้นในกรอบ ลงซื้อขึ้นขาย ตามการแกว่งของราคา

– นักลงทุนที่ถือ Long Position  
แนะนำลงซื้อขึ้นขายในกรอบระยะสั้น หากต่ำกว่า 1,850 เหรียญแนะนำ Stop Loss

– นักลงทุนที่ถือ Short Position

แนะนำบริหารพอร์ตสมดุล หรือเล่นสั้นๆ เข้าออกเร็วในวัน โดยรอจังหวะหากไม่สามารถยืนเหนือ 1,880 เหรียญได้ หาจังหวะ Follow Short หากสูงกว่าให้  Stop Loss

Gold Futures 10Z21 จะมีแนวรับที่ระดับ 28,850 บาท และแนวต้านที่ระดับ 29,200 บาท

โดย : บริษัท จีแคป จำกัด

แนวโน้มราคาทองคำช่วงเช้า

เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. หลังเงินเฟ้อพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี

ทางด้านสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านดีดตัวขึ้น 3 จุด สู่ระดับ 83 ในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 80 ในเดือนต.ค โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในตลาด 

มุมมองทองคำภาคเช้า  ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลารยังช่วยให้สัญญาทองคำมีความน่าดึงดูดมากขึ้น

นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังช่วยให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.09% แตะที่ 95.8305 เมื่อคืนนี้

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ได้แก่  จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน  ดัชนีการผลิต เฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย  ดัชนีชี้วัดภาวะเศรษฐกิจ เป็นต้น        

สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา

เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. หลังเงินเฟ้อพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี  

แนะแนวทางการลงทุน

แนวรับ 1,855-  1,850- 1,845

แนวต้าน  1,875–1,880– 1,885

ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดกลับมาปิดบวกอีกครั้ง นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลารยังช่วยให้ราคาทองคำมีความน่าดึงดูดมากขึ้น  ราคาดีดตัวขึ้นมามากกว่าราคาที่มีแรงขายทำกำไรวันวานบ่งบอกว่าแรงซื้อค่อนข้างหนาแน่น แนะเก็งกำไรขาขึ้น

โดย : บริษัท ที.ดี.ซี. โกลด์ จำกัด

ตลาดหุ้นยังส่งสัญญาณรอเลือกทางจากการขาดปัจจัยบวกอะไรใหม่ๆ ถึงแม้จะเป็นช่วงของการประกาศผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนก็ตาม เมื่อคืนนี้หุ้นของกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ EV เช่น Lucid ปรับตัวลดลงประมาณ -5% หลังจากใน 1 เดือนที่ผ่านมาได้ปรับตัวสูงขึ้นมาแล้วกว่า 100% จากการคาดการณ์ยอดส่งมอบประมาณ 20,000 คันในปี 2022 ททางฝั่งราคาทองคำยังกลับมาทดสอบแนวต้าน $1870 อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหากผ่านกรอบบนตรงนี้ไปได้จะมอง Upside ของทองคำอีกประมาณ $10 เช่นเดิมตลาดหุ้นยังส่งสัญญาณรอเลือกทางจากการขาดปัจจัยบวกอะไรใหม่ๆ ถึงแม้จะเป็น

่ที่มา : gold.in.th ( 18 พ.ย. 64 )

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.