ราคาทองวันนี้ ข่าวทองคำ

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 25 พ.ย.64 by GT, HGF, SCT, MTS, YLG

590

- Advertisement -

โดย : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

Fundamental

  • รายงานการประชุม FOMC เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาเผยข้อสรุปว่าจะลด QE เดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะครบวงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์ ใน 8 เดือน แต่มีกรรมการบางคนที่ต้องการให้ Fed ลด QE ให้เร็วขึ้น เพื่อมีความยืดหยุ่นในการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยจัดการกับปัญหาเงินเฟ้อในอนาคต
  • มาร์ก โมเบียส ผู้จัดการกองทุนชื่อดังกล่าวเตือนผ่านสื่อว่าให้ระวังการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯจะทำให้บางประเทศที่มีหนี้สกุลเงินดอลลาร์จำนวนมากต้องเผชิญวิกฤตค่าเงินเหมือนที่กำลังเกิดขึ้นในตุรกี

Technical

  • RSIปรับขึ้นเล็กน้อย แต่ยังอยู่ช่วงoversold ส่วนราคาแกว่งลง จึงเริ่มเป็น bullish divergence ขนาดเล็กให้ราคาได้รีบาวด์สั้น ๆ แต่ภาพรวมยังคงมองว่ามีแนวโน้มจะลงไปสุดทางจนถึง 1,750-1,760
  • RSI ยังคงมีสัญญาณ bullish divergence ซ้อน ในขณะที่ราคาเริ่มทรงตัวด้วยการแกว่งออกข้าง จึงมีโอกาสจะรีบาวด์ขึ้นไปเหนือ 1,800 แต่ไม่น่าจะยืนได้
  • ทิศทางวันนี้รีบาวด์รอบสั้น
  • จับจังหวะเล่นยังไง?short ไม้แรกที่ 1,800-1,810 เกินกว่านี้ให้ stop loss แล้วรอกลับลงมาค่อย short ใหม่

Attention

- Advertisement -

  • ยุโรปกำลังเผชิญโควิดระลอกใหม่ หลังหลายประเทศรายงานยอดผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งสูงสุดนับตั้งแต่มีโควิดซึ่งหลายชาติยุโรปเตรียมสั่ง lockdown เพื่อลดโควิด
  • หลายประเทศกำลังประสบปัญหาขาดแคลนพลังงาน ดันให้ราคาโภคภัณฑ์สำคัญที่เกี่ยวข้องขึ้นสูงต่อเนื่อง ทำให้เกิดความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้า

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

ทองคำปรับลงต่อเนื่องต่ำกว่า 1,800 ดอลลาร์

วันนี้ตลาดการเงินสหรัฐปิดทำการ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

ราคาทองคำคาดสร้างฐานที่แนวรับ 1,770-1,780 ดอลลาร์

  • ราคาทองคำ Spot เมื่อวานปรับลงต่อเนื่องต่ำกว่า1,800 ดอลลาร์โดยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่ากดดันตลาดทองคำ จากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง โดย GDP ประจำไตรมาส 3/2564 ขยายตัว 2.1% และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. 2512 ส่วนดัชนี PCE พื้นฐานพุ่งขึ้นมากสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2533 และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันบัตรรัฐบาลสหรัฐทำให้เจ้าหน้าที่เฟดสนับสนุนให้มีการเร่งปรับลดวงเงิน QEส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ถือทองคำเท่าเดิม
  • วันนี้ตลาดการเงินสหรัฐปิดทำการ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า ทำให้คืนนี้สหรัฐไม่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ  ส่วนพรุ่งนี้ตลาดการเงินสหรัฐเปิดทำการครึ่งวัน เนื่องในวัน Black Friday
  • แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เนื่องจากขาดปัจจัยที่เข้ามากระทบต่อตลาด เนื่องจากวันนี้ตลาดการเงินสหรัฐปิดทำการและสหรัฐไม่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ทั้งนี้คาดจะราคาทองคำจะสร้างฐานที่แนวรับ 1,770-1,780 ดอลลาร์โดยมีแนวต้าน1,800 ดอลลาร์ และ 1,810 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,788.30-0.41,780/1,7701,800/1,810

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
28,300+10028,100/27,95028,400/28,550

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,350-5028,280/28,12028,560/28,690

การเข้าซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวแนะนำเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,770ดอลลาร์ (GF 28,120บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,760ดอลลาร์ (GF27,910 บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,787.80-6.301,781/1,7711,801/1,811

การเข้าซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวแนะนำเมื่อราคาGOZ21ปรับลงมาที่ 1,771ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,761ดอลลาร์

ค่าเงิน

แนวโน้มค่าเงินบาทในวันนี้มีทิศทางอ่อนค่าเนื่องจากปัจจัยดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดยตลาดจับตา Flow จากทองคำที่ส่งผลให้บาทอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว โดยUSD Futures เดือนธ.ค.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33.20บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน33.50 บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์แข็งค่าขานรับเจ้าหน้าที่เฟดหนุนเร่งลดQE

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (24 พ.ย.) หลังจากที่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สนับสนุนให้มีการเร่งปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งจะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.39% แตะที่ 96.8639 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดบวก 50 เซนต์นลท.ช้อนซื้อหลังราคาร่วงหนัก

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (24 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงช้อนซื้อเก็งกำไรหลังสัญญาทองคำร่วงลงติดต่อกัน 4 วันทำการอย่างไรก็ดีสัญญาทองคำขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่เทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 50 เซนต์หรือ 0.03% ปิดที่ 1,784.3 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6.1 เซนต์หรือ 0.26% ปิดที่ 23.496 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดลบ 11 เซนต์กังวลสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่ง

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (24 พ.ย.) หลังมีรายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ขณะที่นักลงทุนจับตาท่าทีของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรหรือโอเปกพลัสในการตอบโต้มาตรการของสหรัฐและประเทศพันธมิตรที่ตัดสินใจระบายน้ำมันดิบจากคลังสำรองทั้งนี้สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 11 เซนต์หรือ 0.1% ปิดที่ 78.39 ดอลลาร์/บาร์เรลสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 6 เซนต์หรือ 0.1% ปิดที่ 82.25 ดอลลาร์/บาร์เรล

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (24 พ.ย.) หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ซึ่งรวมถึงนอร์ดสตรอมและแก๊ปอิงค์เปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดอย่างไรก็ดีดัชนีS&P500 และNasdaqปิดในแดนบวกโดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มเทคโนโลยีดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,804.38 จุดลดลง 9.42 จุดหรือ -0.03%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,701.46 จุดเพิ่มขึ้น 10.76 จุดหรือ +0.23% และดัชนีNasdaqปิดที่ 15,845.23 จุดเพิ่มขึ้น 70.09 จุดหรือ +0.44%

WHO เตือนยอดตายโควิดในยุโรป-เอเชียกลางจ่อทะลุ2.2ล้านรายภายในมี.ค.ปีหน้า

องค์การอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ว่ายอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19ในภูมิภาคยุโรปและเอเชียกลางอาจจะพุ่งแตะระดับมากกว่า2.2ล้านรายภายในเดือนมี.ค.ปีหน้าขณะที่หลายประเทศยังคงต่อสู้กับการแพร่ระบาดที่เพิ่มขึ้นของไวรัสโควิด-19สายพันธ์เดลตาสำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่าสำนักงานของWHO ประจำยุโรปได้เผยแพร่ตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดเมื่อวานนี้ (23พ.ย.) ในช่วงเวลาที่53ประเทศของภูมิภาคดังกล่าวมียอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19ทะลุ1.5ล้านรายแล้วโดยขณะนี้ไวรัสเดลตาได้กลายมาเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากทั้งในยุโรปและเอเชียกลางซึ่งปัจจุบันภูมิภาคแห่งนี้มียอดผู้เสียชีวิตรายวันเกือบ4,200รายเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากจำนวนผู้เสียชีวิตรายวันณสิ้นเดือนก.ย.  ทั้งนี้สำนักงานWHO ประจำยุโรปตั้งอยู่ในเมืองโคเปนเฮเกนประเทศเดนมาร์กซึ่งทำภารกิจที่ครอบคลุมยุโรปรวมทั้งอิสราเอล, ตุรกีและประเทศในเอเชียกลางซึ่งได้แก่คาซัคสถาน, คีร์กีซสถาน, ทาจิกิสสถาน, เติร์กเมนิสถานและอุซเบกิสถานดร.ฮานส์เฮนรีคลูจผู้อำนวยการWHO ประจำภูมิภาคยุโรปกล่าวว่า “การที่จะใช้ชีวิตร่วมกับไวรัสและดำเนินชีวิตประจำวันต่อไปให้ได้นั้นเราจำเป็นต้องฉีดวัคซีนด้วยซึ่งหมายความว่าต้องฉีดวัคซีนตามโดสมาตรฐานและต้องฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์เมื่อรัฐบาลกำหนดนอกจากนี้ยังต้องดำเนินการตามมาตรการป้องกันให้เป็นวิถีชีวิตปกติ”

“เฟาชี” แนะชาวมะกันที่ได้วัคซีนครบโดสแล้วควรฉีดเข็มบูสเตอร์ด้วย

นายแพทย์แอนโทนีเฟาชีแพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19ของทำเนียบขาวกล่าวว่าชาวอเมริกันที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19ครบโดสแล้วควรฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ด้วยพร้อมกับกล่าวว่าในวันข้างหน้าวัคซีนบูสเตอร์จะกลายเป็นมาตรฐานของสหรัฐที่กำหนดว่าผู้ได้รับเข็มบูสเตอร์เท่านั้นที่ถือว่าฉีดวัคซีนครบโดสแล้วสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่านายแพทย์เฟาชีและผู้เชี่ยวชาญด้านโรคอีกหลายคนคาดการณ์ว่าโรคโควิด-19จะเปลี่ยนผ่านจากโรคที่แพร่ระบาดทั่วสหรัฐไปเป็นโรคประจำถิ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าซึ่งหมายความว่าโควิด-19จะยังคงแพร่กระจายในระดับต่ำลงส่งผลกระทบน้อยลงในวงแคบลงแต่ก็ยังคงมีการระบาดอย่างมีนัยสำคัญในปีต่อๆไปอย่างไรก็ดีผู้เชี่ยวชาญบางคนมีความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาโดยการติดเชื้อมีแนวโน้มว่าจะเร่งตัวขึ้นเมื่อชาวอเมริกันเดินทางและรวมกลุ่มกันมากขึ้นเพื่อร่วมงานเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าของสหรัฐในสัปดาห์นี้ตลอดจนเทศกาลวันหยุดอื่นๆที่กำลังจะมาถึง    “เราต้องการให้คนที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วไปฉีดเข็มบูสเตอร์ให้ได้มากที่สุด” นายแพทย์เฟาชีกล่าวให้สัมภาษณ์สำหรับการประชุมReuters Next

ค่าเงินลีราของตุรกีร่วงลงอีกครั้งใกล้แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นรวมทั้งผลกระทบทางเศรษฐกิจณเวลา14.03น.ตามเวลาไทยค่าเงินลีราดิ่งลง3%แตะที่13.1500ลีราต่อดอลลาร์ก่อนที่จะไต่ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ13.05ลีราต่อดอลลาร์หลังจากเมื่อวานนี้ร่วงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่13.45ลีราต่อดอลลาร์ค่าเงินลีราดิ่งลงอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ทรุดตัวลง15%เมื่อวานนี้ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีเรเซปตอยยิบเออร์โดกันผู้นำตุรกีได้ออกมาปกป้องการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินของรัฐบาลแม้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นเกือบ20%ก็ตามนอกจากนี้ค่าเงินลีรายังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ซึ่งดอลลาร์ได้ดีดตัวขึ้นขานรับการที่ประธานาธิบดีโจไบเดนตัดสินใจเสนอชื่อนายเจอโรมพาวเวลให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นสมัยที่2

โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด

คำแนะนำ   :  ทองยังทรงๆปิดแดนลบ หลังตัวเลขออกมาผสม วันนี้ตลาดปิดคาด SIDEWAYS
    
แนวรับ 1780/ 1770 / 1760  แนวต้าน 1800|1820|1835
              Gold/silver           USD                       Baht        DOW (stock)
ระยะสั้น    SW                        Sw                       SW                SW 
ระยะกลาง  SW                      SW                     SW               SW UP
ระยะยาว BULLISH              Neutral              WEAK          BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS 1775-1810
จุดเข้า BUY 1780-85
เป้าหมาย 1800-20
SL 1775รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1750-1900
จุดเข้า BUY 1760-90 เป้าหมาย 1870-1900
SL 1750   

บทวิเคราะห์ : เมื่อคืนนี้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯประกาศหลายตัว ส่วนใหญ่จะออกมาดีนิดๆ ทำให้ราคาทองขาดแรงซื้อและทำให้นักลงทุนยังลังเล  ภาพรวมทองลงมาลึกหลายวัน ช่วงวันหยุดขอบคุณพระเจ้าสองวันนี้ราคาอาจมีการรีบาวด์สั้นๆหรือฟื้นตัวไปเทส $1800 อย่างไรก็ตามหากตลาดจะเลือกกลับตัวเป็นบวก ราคาทองจะต้องยืน $1800-10 ให้ได้ก่อน  เราค่อยมาเล่นทาง BUY สถานะการณ์ตอนนี้ให้เทรดสั้นๆไวๆ หรือทยอยซื้อช่วงย่อตัวถือลุ้นรีบาวด์หรือการขึ้นระยะกลาง คาดว่าปลายสัปดาห์นี้ราคาน่าจะแกว่งตัวออกข้างแล้วไปตัดสินแนวโน้มราคาทองกับตัวเลขจ้างงานในสัปดาห์หน้า

กลยุทธ์ : ให้ปรับลดพอร์ตไปก่อนช่วงรีบาวด์และค่าเงินบาทอ่อน หรือรอสัญญาณทางเทคนิคกลับตัวค่อยปรับแผนมาถือทอง

โดย  : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำยังคงปิดปรับตัวลดลงต่อเนื่องในตลาด Comex โดยลงไปทำต่ำสุดบริเวณ 1,778 เหรียญโดยประมาณ ก่อนจะปิดตลาดทรงตัวที่ 1,784.30 เหรียญ ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯส่วนใหญ่ออกมาดี โดยเฉพาะจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ออกมาดีขึ้นต่ำกว่า 200,000 ราย เรียกได้ว่าการจ้างงานสหรัฐฯมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็ออกมาดีขึ้น สะท้อนมุมมองเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี สำหรับคืนนี้ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญเนื่องในวัน Thanksgiving ด้านดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นล่าสุดอยู่ที่ 96.78 จุด โดยทำแข็งค่ามากสุดที่ 96.94 จุด จึงทำให้บาทอ่อนค่าทำสูงสุด 33.43-33.44 บาท/ดอลลาร์ ก่อนจะค่อยๆปรับแข็งค่าลงมาและเช้านี้อยู่บริเวณ 33.26 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ภาพรวมโดยส่วนใหญ่สำหรับรายงานประชุมเฟด เห็นตรงกันที่อาจต้องขึ้นดอกเบี้ยปีหน้าเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ทางด้านนายไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะทำการปล่อยน้ำมันสำรองก็ดูจะกดดันราคาพลังงานและราคาน้ำมันเช้านี้เคลื่อนไหวแถว 78 เหรียญ/บาร์เรล ในส่วนของ SPDR ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค 

ราคาทองคำยังคงแกว่งตัวในทิศทางขาลงเข้าสู่ภาวะแนวโน้มขาลง โดยหลุดระดับสำคัญเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น, กลาง และยาวลงมา เช้านี้ทองคำดูจะมี Technical Rebound หลังไปทำต่ำสุด 1,778 เหรียญ วันนี้คาดราคาทองคำจะมีแนวรับ 1,770 เหรียญ และแนวต้าน 1,800 เหรียญ สำหรับ Gold Comex และ Gold Online Futures คาดจะมีแนวรับ 1,775 เหรียญ และแนวต้าน 1,805 เหรียญ วันนี้คาดราคาทองคำไทยน่าจะเปิดเท่าเดิ

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ 

แนะนำลงซื้อขึ้นขาย เน้นเล่นสั้นๆในกรอบ ขณะที่วันนี้เป็นวันหยุด Thanksgiving จึงคาดว่าราคาอาจจะไม่ได้เคลื่อนไหวมากนัก

– นักลงทุนที่ถือ Long Position  
ไม่แนะนำให้ถือครองสถานะเวลานี้ แต่ให้บริหารพอร์ตสมดุลกับการแกว่งของตลาด

– นักลงทุนที่ถือ Short Position

แนะนำเล่นสั้น ลงซื้อขึ้นขายในกรอบ หรือบริหารพอร์ตการลงทุนให้สมดุลกับทิศทาง

Gold Futures 10Z21 จะมีแนวรับที่ระดับ 28,150 บาท และแนวต้านที่ระดับ 28,500  บาท

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

เน้นทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว โดยเสี่ยงเข้าซื้อบริเวณแนวรับ1,772-1,766 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด1,766 ดอลลาร์ต่อออนซ์) และหากราคาขยับขึ้นควรแบ่งขายทำกำไรบางส่วนหากราคาทองคำไม่ผ่านโซน 1,809-1,821 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,772 1,766 1,758  แนวต้าน : 1,809 1,821 1,833

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวานนี้ปิดทรงตัวแทบไม่เปลี่ยนแปลง  แม้จะเผชิญกับปัจจัยกดดันหลายประการ  ได้แก่  (1.) การอ่อนค่าของยูโร  หลัง Ifo เผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันสู่ระดับ 96.5 ในเดือนพ.ย. (2.) ความเห็นในเชิง Hawkish ของนางแมรี ดาลี ประธานเฟดซานฟรานซิสโก ที่กล่าววานนี้ว่า เธอเปิดกว้างสำหรับการเร่งอัตราการลดการเข้าซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการ QE หากอัตราเงินเฟ้อยังคงสูงขึ้นและการเติบโตของตำแหน่งงานยังคงแข็งแกร่ง (3.) การเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่แข็งแกร่ง  อาทิ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่ลดลงเกินคาดสู่ระดับ 199,000 รายซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 50 ปี, ประมาณการครั้งที่ 2GDP ประจำ Q3/2021 ขยายตัว 2.1% สูงกว่าประมาณการครั้งแรก, ผลสำรวจของม.มิชิแกนที่แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นในเดือนพ.ย.  และการใช้จ่ายส่วนบุคคลซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.3% ในเดือนต.ค. (4.) รายงานการประชุมเฟดประจำเดือนพ.ย.ที่แสดงให้เห็นว่าเฟดพร้อมเร่งลด QE เพื่อเปิดทางสำหรับการขึ้นดอกเบี้ย  ปัจจัยที่กล่าวมาหนุนดัชนีดอลลาร์ให้แข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือนครั้งใหม่จนกดดันให้ราคาทองคำร่วงลงแตะระดับต่ำสุดบริเวณ  1,778.48 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ก่อนจะมีแรงซื้อ Buy the dip เข้ามาพยุงราคาเอาไว้ส่งผลให้ราคาดีดขึ้นมาปิดทรงตัวแม้จะเผชิญกับแรงกดดันที่กล่าวมาก็ตาม  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเนื่องจากตลาดเงิน  ตลาดทุนและตลาดทองคำของสหรัฐ จะปิดทำการในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day)  ทำให้ปริมาณการซื้อขายจะเบาบางกว่าปกติ

ปัจจัยทางเทคนิค :

หลังจากราคาทิ้งตัวลงแรง ราคาพยายามแกว่งตัวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐานราคา ระหว่างวันหากราคาทองคำไม่หลุด 1,778-1,772 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จะมีโอกาสดีดตัวขึ้นช่วงสั้น โดยประเมินแนวต้านบริเวณ 1,800-1,809ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากผ่านแนวต้านแรก กรอบด้านบนจะอยู่ที่ 1,820 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

เน้นทำกำไรระยะสั้นโดยเสี่ยงเปิดสถานะซื้อ โดยอาจใช้บริเวณ 1,772-1,766 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด1,766 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ขณะที่หากราคาดีดตัวขึ้นแนะนำทยอยแบ่งปิดสถานะทำกำไรตั้งแต่ราคา 1,809-1,821 ดอลลาร์ต่อออนซ์เพื่อรอเข้าซื้อใหม่เมื่อราคาอ่อนตัวลงอีกครั้ง

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐเผย GDP Q3/64 ขยายตัว 2.1% สูงกว่าประมาณการครั้งแรกกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2564 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 2.1% โดยสูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งแรกที่ระดับ 2.0% แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.2%
  • (-) รายงานประชุมส่งสัญญาณชัด เฟดพร้อมเร่งลด QE เพื่อเปิดทางขึ้นดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อคืนนี้ (24 พ.ย.) โดยระบุว่า กรรมการเฟดมีความเห็นตรงกันว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ควรเตรียมความพร้อมในการเร่งปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานาน  “กรรมการหลายคนของเฟดตระหนักว่า คณะกรรมการ FOMC ควรจะเตรียมความพร้อมในการปรับจังหวะเวลาในการลดวงเงิน QE และปรับเพิ่มกรอบเป้าหมายของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (Federal Funds Rate) ให้เร็วขึ้นจากการคาดการณ์ในปัจจุบัน หากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายของคณะกรรมการ FOMC” เฟดระบุในรายงานการประชุมประจำวันที่ 2-3 พ.ย.  ขณะเดียวกัน กรรมการเฟดหลายคนได้เน้นย้ำว่า “ทัศนคติเกี่ยวกับความอดทน” ที่มีต่อข้อมูลที่เฟดจะได้รับในวันข้างหน้านั้น ยังคงเป็น “ท่าทีที่เหมาะสม” ซึ่งจะช่วยให้เฟดสามารถประเมินความคืบหน้าเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทาน, ตลาดแรงงาน และเงินเฟ้อได้อย่างเหมาะสม  “กรรมการเฟดต่างก็มองว่า คณะกรรมการ FOMC ไม่ควรลังเลที่จะใช้มาตรการที่เหมาะสมในการจัดการกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเป้าหมายในการสร้างเสถียรภาพด้านราคาและการจ้างงานในระยะยาวของของเฟด”  รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า ในขณะที่กรรมการเฟดส่วนใหญ่สนับสนุนแผนการปรับลดวงเงิน QE ลงเดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์นั้น ได้มีกรรมการเฟดบางคนต้องการให้ลดวงเงิน QE ในอัตราที่เร็วขึ้น เพื่อที่จะเปิดทางให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เร็วขึ้น  “กรรมการเฟดบางคนระบุว่า การปรับลดวงเงิน QE ลงมากกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนนั้นอาจเหมาะสม เพื่อให้คณะกรรมการ FOMC มีสถานะที่พร้อมมากขึ้นในการปรับเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจเผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ” รายงานการประชุมเฟดระบุ
  • (-) ดอลล์แข็งค่า ขานรับเจ้าหน้าที่เฟดหนุนเร่งลด QEดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 พ.ย.) หลังจากที่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สนับสนุนให้มีการเร่งปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งจะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.39% แตะที่ 96.8639 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 115.43 เยน จากระดับ 115.06 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9341 ฟรังก์ จากระดับ 0.9332 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2671 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2682 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1199 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1250 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3323 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3381 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7192 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7223 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (-) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำสุดในรอบกว่า 50 ปีกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 71,000 ราย สู่ระดับ 199,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.2512  ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 260,000 ราย และปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน
  • (-) Ifo เผยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมนีต่ำกว่าคาดในเดือนพ.ย.Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน สู่ระดับ 96.5 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 97.7 ในเดือนต.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 96.6
  • (+/-) ดาวโจนส์ปิดลบ 9.42 จุด ผิดหวังผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 พ.ย.) หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ซึ่งรวมถึงนอร์ดสตรอม และแก๊ป อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวก โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มเทคโนโลยี  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,804.38 จุด ลดลง 9.42 จุด หรือ -0.03%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,701.46 จุด เพิ่มขึ้น 10.76 จุด หรือ +0.23% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,845.23 จุด เพิ่มขึ้น 70.09 จุด หรือ +0.44%

ที่มา : gold.in.th ( 25 พ.ย.64 )

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.