ราคาทองวันนี้ ข่าวทองคำ

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 7 ธ.ค.64 by GT, HGF, YLG, TDC

652

- Advertisement -

โดย : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

Fundamental

  • สหรัฐฯพบโควิดโอมิครอนแพร่กระจายเป็นวงกว้างกว่า1 ใน 3 ของประเทศ แต่ไม่น่าห่วงเท่าการระบาดของโควิดเดลต้าที่ยังคงเป็นปัญหาหลักของประเทศ
  • คาดว่า Evergrandeที่เพิ่งประกาศว่าจ่ายหนี้ไม่ไหว กำลังเดินหน้าเข้าสู่การปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศ
  • นักวิเคราะห์จีนคาดปีหน้า GDP ประเทศจะ +5.3% ด้านที่ปรึกษารัฐบาลเตรียมแนะให้ลดเป้าหมาย GDP ลงจากเดิมที่ตั้งไว้ สูงกว่า 6.0% เพราะยังมีปัญหาจากโควิดและถูกซ้ำเติมด้วยปัญหาของภาคอสังหาฯ

Technical

  • ราคาย่อลงไม่มาก แรงซื้อเริ่มเข้า แต่bullish divergence ยังดูไม่มีแรงส่งเท่าที่ควรจึงยังคงคาดว่าเป็นการขึ้นสั้น ๆ เพื่อลงมาย้ำแถว 1,760 หรือต่ำกว่า
  • ราคาอ่อนตัวเล็กน้อย โดยยังยืนเหนือเส้น MA ได้อยู่ แต่การขึ้นครั้งนี้ต้องระวังโดนขายตบลงมา
  • ทิศทางวันนี้ขึ้น1,790-1,800 แล้วลงมาสร้างฐาน
  • จับจังหวะเล่นยังไง?ฝั่งซื้อให้ทยอยขายทำกำไรเมื่อขึ้นเกิน 1,785ฝั่งขายให้รอชอร์ตใกล้ 1,800

Attention

- Advertisement -

  • คริปโตถูกถล่มเละ แม้เริ่มรีบาวด์ แต่เงินร้อนต้องหาที่พักชั่วคราว จึงอาจเป็นผลดีต่อทองในระยะสั้น
  • รัฐบาลสหรัฐฯจะมีเงินใช้จ่ายไปถึง 18 ก.พ. ปีหน้า
  • ดอกเบี้ยโลกมีแนวโน้มจะปรับขึ้นเร็วกว่าคาดเพราะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการอัดฉีดสภาพคล่องทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งต้องรอดูความชัดเจนว่ารอบนี้นักลงทุนจะเลือกทองคำหรือเงินคริปโตเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมากกว่ากัน

โดย  : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

ทองคำทรงตัวระหว่าง 1,775-1,787 ดอลลาร์

คืนนี้สหรัฐจะประกาศดุลการค้าเดือนต.ค.

แนวโน้มราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ 1,760-1,790ดอลลาร์

  • ราคาทองคำ Spot เมื่อวานเคลื่อนไหวทรงตัวระหว่าง 1,775-1,787 ดอลลาร์ ในขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า จากที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน หลังจากนายแพทย์แอนโทนี เฟาชี ชี้ว่ายังไม่มีข้อมูลแสดงให้เห็นว่าไวรัสดังกล่าวก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรงทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ขายทองคำสุทธิ 1.74 ตัน
  • คืนนี้สหรัฐจะประกาศดุลการค้าเดือนต.ค. ตลาดคาดว่าจะขาดดุลลดลง 66.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากที่ขาดดุล 80.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนก.ย. นอกจากนี้สัปดาห์นี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย. เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
  • แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,760-1,790 ดอลลาร์ โดยมีแนวต้าน 1,790 ดอลลาร์ และ 1,800ดอลลาร์ขณะที่มีแนวรับที่ 1,760 ดอลลาร์ และ 1,750 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

Closechg.SupportResistance
1,777.90-4.41,760/1,7501,790/1,800

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
28,600+20028,200/28,05028,650/28,800

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,670+19028,330/28,17028,760/28,930

แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคาทอง Spot ปรับขึ้นมาที่ 1,760 ดอลลาร์ (GF 28,330บาท)โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,750ดอลลาร์ (GF28,170บาท)

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,784.00+16.301,761/1,7511,791/1,801

แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคาGOZ21ปรับขึ้นมาที่ 1,761 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,751ดอลลาร์

ค่าเงิน

ทิศทางค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่าต่อเนื่องเนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่า ในขณะที่แนวโน้มค่าเงินบาทในระยะสั้นยังมีทิศทางอ่อนค่าลง โดยUSD Futures เดือนธ.ค.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33.60บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน34บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ:ดอลล์แข็งค่าตลาดคลายกังวลโอไมครอน-จับตาประชุมเฟด

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (6 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้รวมทั้งจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วยทั้งนี้ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.23% แตะที่ 96.3361 เมื่อคืนนี้

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ :ทองปิดลบ $4.4 ดอลล์แข็งฉุดตลาด-จับตาเงินเฟ้อสหรัฐ

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (6 ธ.ค.) โดยราคาทองถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟดทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลงl 4.4 ดอลลาร์หรือ 0.25% ปิดที่ 1,779.5 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 21.8 เซนต์หรือ 0.97% ปิดที่ 22.263 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดพุ่ง$3.23รับซาอุฯขึ้นราคาน้ำมัน-คลายกังวลโอไมครอน

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ1สัปดาห์เมื่อคืนที่ผ่านมา (6ธ.ค.) หลังจากซาอุดีอาระเบียประกาศขึ้นราคาน้ำมันดิบที่ขายให้กับลูกค้าในเอเชียและสหรัฐนอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19สายพันธุ์โอไมครอนทั้งนี้สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น3.23ดอลลาร์หรือ4.9%ปิดที่69.49ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น3.20ดอลลาร์หรือ4.6%ปิดที่73.08ดอลลาร์/บาร์เรล

ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 646.95 จุดนักลงทุนคลายกังวลโอไมครอน

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดเมื่อคืนที่ผ่านมา (6 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนหลังจากนายแพทย์แอนโทนีเฟาชีแพทย์ใหญ่ประจำทำเนียบขาวกล่าวว่าขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าไวรัสโอไมครอนก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรงโดยการแสดงความเห็นดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจเช่นหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มอุตสาหกรรมดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,227.03 จุดเพิ่มขึ้น 646.95 จุดหรือ +1.87%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,591.67 จุดเพิ่มขึ้น 53.24 จุดหรือ +1.17% และดัชนีNasdaq ปิดที่ 15,225.15 จุดเพิ่มขึ้น 139.68 จุดหรือ +0.93%

“ไบเดน” ประกาศแผนสู้โอไมครอนปูพรมฉีดวัคซีน-ตรวจเชื้อแต่ไม่ล็อกดาวน์

ประธานาธิบดีโจไบเดนประกาศมาตรการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19สายพันธุ์โอไมครอนในช่วงฤดูหนาวที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างไรก็ดีปธน.ไบเดนยืนยันว่ามาตรการดังกล่าวจะไม่มีการล็อกดาวน์และจะไม่ขยายข้อกำหนดการฉีดวัคซีนให้เข้มงวดมากไปกว่ามาตรการที่บังคับใช้ในปัจจุบัน “มาตรการต่อสู้ไวรัสโอไมครอนจะไม่ครอบคลุมถึงการชัตดาวน์หรือล็อกดาวน์แต่จะใช้วิธีการปูพรมฉีดวัคซีนและบูสเตอร์เป็นวงกว้างและจะมีการตรวจหาเชื้อเพิ่มขึ้นด้วย”  “ในระหว่างที่ข้อกำหนดการฉีดวัคซีนของรัฐบาลกลางกำลังได้รับการทบทวนในศาลหลายแห่งของสหรัฐนั้นทางรัฐบาลจะไม่ขยายหรือเพิ่มเติมข้อกำหนดที่มีอยู่ในปัจจุบันซึ่งผมเชื่อว่าจะช่วยให้ชาวอเมริกันทุกคนให้การสนับสนุนแผนนี้รวมถึงจะได้รับการสนับสนุนจากสภาคองเกรส” ปธน.ไบเดนกล่าวปธน.ไบเดนระบุว่าเป้าหมายของรัฐบาลสหรัฐคือการผลักดันให้โรงเรียนยังคงเปิดการเรียนการสอนโดยได้เปิดคลินิกฉีดวัคซีนให้กับครอบครัวหลายร้อยครัวเรือนที่ศูนย์สาธารณสุขในชุมชนและพื้นที่อื่นๆทั่วประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ปกครองในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กๆ  “เราต้องการให้เด็กๆของเราไปโรงเรียนแต่แนวทางที่ดีที่สุดก็คือการฉีดวัคซีนให้กับเด็กๆ” ปธน.ไบเดนกล่าวมาตรการดังกล่าวยังครอบคลุมถึงการตรวจเชื้อโควิด-19ฟรีที่บ้านโดยชาวอเมริกันที่มีประกันสุขภาพจะได้รับแจกชุดตรวจเชื้อและทางรัฐบาลจะแจกจ่ายชุดตรวจโควิด-19ฟรีจำนวน50ล้านชุดให้กับศูนย์สาธารณสุขและคลินิกในพื้นที่ห่างไกลเพื่อช่วยเหลือประชนที่ไม่มีประกันสุขภาพนอกจากนี้นับตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไปสหรัฐจะกำหนดให้ผู้ที่เดินทางเข้าสหรัฐต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อภายในเวลา24ชั่วโมงก่อนเดินทางเข้าประเทศไม่ว่าผู้นั้นจะได้รับการฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ก็ตามนอกจากนี้รัฐบาลสหรัฐจะขยายเวลาการบังคับสวมหน้ากากอนามัยสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศและระบบขนส่งสาธารณะจนถึงวันที่18มี.ค. 2565ทั้งนี้ปธน.ไบเดนกล่าวว่ารัฐบาลสหรัฐไม่คิดว่าจำเป็นต้องใช้มาตรการเพิ่มเติมในเวลานี้แต่สิ่งที่จำเป็นคือการผลักดันแผนการพัฒนาวัคซีนรุ่นใหม่และวัคซีนบูสเตอร์เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโอไมครอน   “คณะบริหารของผมกำลังทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทไฟเซอร์, โมเดอร์นาและจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเพื่อพัฒนาวัคซีนและบูสเตอร์นอกจากนี้เราได้สั่งการให้สำนักงานอาหารและยา (FDA) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐเร่งกระบวนการอนุมัติให้เร็วขึ้นหากจำเป็น”

วุฒิสภาสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี (2ธ.ค.) ตามเวลาสหรัฐหรือในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทยเพื่อสนับสนุนหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐให้มีงบประมาณใช้จ่ายจนถึงวันที่18ก.พ. 2565และหลีกเลี่ยงไม่ให้หน่วยงานของรัฐต้องถูกปิดการดำเนินงานหรือชัตดาวน์วุฒิสภาสหรัฐได้ส่งร่างกฎหมายดังกล่าวให้กับประธานาธิบดีโจไบเดนโดยคาดว่าปธน.ไบเดนจะลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายภายในวันศุกร์นี้ (3ธ.ค.)     สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่าการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวในวุฒิสภามีขึ้นไม่นานหลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐให้การอนุมัติ

สหรัฐจ่อเสนอกฎหมายแบนสินค้าจากเขตซินเจียงของจีนเซ่นปมสิทธิมนุษยชน

นายจิมแม็กโกเวิร์นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเปิดเผยวานนี้ว่าจะมีการส่งร่างกฎหมายห้ามนำเข้าสินค้าจากเขตซินเจียงของจีนให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาภายในสัปดาห์หน้าซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ดังกล่าวสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าประธานาธิบดีโจไบเดนของสหรัฐเตรียมจัดการประชุมเพื่อประชาธิปไตย (Summit for Democracy) ในสัปดาห์หน้าซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นความพยายามที่จะต่อต้านอิทธิพลของจีนที่เพิ่มพูนมากขึ้น    “สัปดาห์หน้ามีความสำคัญต่อการทำงานด้านสิทธิมนุษยชนอย่างยิ่งเราเห็นควรว่าต้องมีการออกกฎหมายเกี่ยวกับจีนและคาดหวังว่ากฎหมายส่วนใหญ่จะเป็นไปเพื่อสิทธิมนุษยชนร่างกฎหมายป้องกันการบังคับใช้แรงงานชาวอุยกูร์เป็นร่างกฎหมายที่เราต้องการผลักดันให้นำมาบังคับใช้จริงได้ในทางใดทางหนึ่ง” นายแม็กโกเวิร์นกล่าวในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาสมาชิกพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันได้ทุ่มเถียงกันในประเด็นร่างกฎหมายชาวอุยกูร์โดยนายมาร์โครูบิโอวุฒิสมาชิกของสหรัฐเรียกร้องว่าร่างกฎหมายนี้ควรรวมเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ (National Defense Authorization Act หรือNDAA) ซึ่งได้ทำให้การพิจารณาร่างงบประมาณของกระทรวงกลาโหมโดยวุฒิสภาต้องล่าช้าออกไปทั้งนี้หากร่างกฎหมายชาวอุยกูร์ฉบับนี้กลายเป็นกฎหมายบังคับใช้จริงก็จะเป็นการยอมรับข้อสันนิษฐานที่ว่าสินค้าทั้งหมดจากเขตซินเจียงนั้นผลิตขึ้นโดยการบังคับใช้แรงงานโดยเขตซินเจียงเป็นพื้นที่ที่รัฐบาลจีนจัดตั้งค่ายกักกันจำนวนมากเพื่อควบคุมชาวอุยกูร์และชาวมุสลิมกลุ่มอื่นๆ

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

เน้นเก็งกำไรในกรอบจากการแกว่งตัว หากราคาไม่ผ่านโซน 1,796ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำเปิดสถานะขาย (ตัดขาดทุนหากผ่าน1,808 ดอลลาร์ต่อออนซ์)ปิดสถานะขายหากราคาไม่หลุดแนวรับ 1,767-1,751 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,767 1,751 1,732  แนวต้าน : 1,796 1,808 1,821

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 4.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ระหว่างวันราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,787.55 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการระบาดของไวรัส COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอน  อย่างไรก็ดี  ราคาทองคำไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้และปรับตัวลดลงในเวลาต่อมา  หลังนายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุม COVID-19 ของทำเนียบขาวกล่าวให้สัมภาษณ์กับ CNBC วานนี้ว่า ยังไม่มีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าไวรัส COVID-19 โอไมครอนก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรงนั่นทำให้นักลงทุนเริ่มคลายความวิตกเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว  แล้วกลับเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง พร้อมกับกระตุ้นให้เกิดแรงขายในสินทรัพย์ปลอดภัยทั้งทองคำและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐส่งผลให้วานนี้ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 646.95 จุด หรือ +1.87%ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในวันศุกร์ที่ 1.335% ขึ้นมาเคลื่อนไหวเหนือระดับ 1.4% จนเป็นปัจจัยกดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยเพิ่มเติม  สถานการณ์ดังกล่าว  กดดันให้ราคาทองคำร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,775.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์  แต่ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐช่วยสกัดช่วงติดลบทองคำเอาไว้  หลังจากทำเนียบขาวประกาศชัดว่า  สหรัฐประกาศจะไม่ส่งเจ้าหน้าที่ของสหรัฐเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2022 ณ กรุงปักกิ่งเนื่องจากจีนละเมิดสิทธิมนุษยชนในฮ่องกงและซินเจียง แม้จีนจะออกมาขู่จะใช้มาตรการตอบโต้ก็ตาม  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -1.74 ตัน  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยประสิทธิภาพการผลิตต่อหน่วยและประสิทธิภาพต้นทุนแรงงานต่อหน่วยของสหรัฐ

ปัจจัยทางเทคนิค :

หากราคาทองคำไม่สามารถขึ้นไปยืนเหนือ 1,796 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้มีแนวโน้มอ่อนตัวลงสู่บริเวณ 1,767-1,751 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามในโซน 1,796-1,808 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาผ่านไม่ได้ในระยะสั้นจะมีรูปแบบ Sideway down ที่ชัดเจนขึ้น และราคาอาจอ่อนตัวลงทดสอบกรอบแนวรับด้านล่างอีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน :

เน้นทำกำไรระยะสั้นโดยเปิดสถานะขาย หากราคาไม่ผ่าน1,796 ดอลลาร์ต่อออนซ์ลงมา รอปิดสถานะขายหากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับโซน 1,767-1,751 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามควรลดสถานะขายลงหากราคาผ่าน1,808 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) จีนประณามสหรัฐก้าวก่ายประเด็นไต้หวัน เตือนกำลังเล่นกับไฟนายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้ออกมาประณามคำพูดของเจ้าหน้าที่สหรัฐบางคนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับไต้หวัน พร้อมกับเตือนว่าสหรัฐและไต้หวันกำลังเล่นกับไฟด้วยการยั่วยุจีนอย่างต่อเนื่อง  ก่อนหน้านี้ นายแอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า “สหรัฐมุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นใจว่าไต้หวันมีวิธีการที่จะปกป้องตนเอง”  นายจ้าวกล่าวว่า “ประเด็นไต้หวันเป็นเรื่องภายในของจีน ขณะที่นักการเมืองสหรัฐบางคนต้องการท้าทายหลักการจีนเดียวด้วยการละเมิดแถลงการณ์ร่วมสามฉบับระหว่างจีน-สหรัฐ และส่งสัญญาณที่ผิดพลาดอย่างรุนแรงในการสนับสนุนกองกำลังแบ่งแยกดินแดนเพื่อเอกราชของไต้หวัน” พร้อมกับเสริมว่าจีนไม่พอใจอย่างมากและคัดค้านอย่างรุนแรง  เขากล่าวว่า กองกำลังแบ่งแยกดินแดนเพื่อเอกราชของไต้หวันกำลังเรียกร้องการสนับสนุนจากต่างชาติและพึ่งพาสหรัฐในการเรียกร้องเอกราช และนี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้เกิดความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันในขณะนี้
  • (+) จีนลั่นพร้อมตอบโต้หากสหรัฐคว่ำบาตรโอลิมปิกฤดูหนาวนายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนได้ออกมาประกาศในวันนี้ (6 ธ.ค.) ว่า ทางการจีนพร้อมใช้มาตรการตอบโต้ทันที หากสหรัฐดำเนินการ “คว่ำบาตรทางการทูต” ต่อการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว ณ กรุงปักกิ่งในปีหน้า  สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นเผยแพร่รายงานข่าวที่ระบุว่า รัฐบาลของปธน.โจ ไบเดน เตรียมประกาศคว่ำบาตรการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวในสัปดาห์นี้ โดยผู้แทนจากรัฐบาลสหรัฐจะไม่เข้าร่วมการแข่งขันซึ่งมีกำหนดเปิดฉากขึ้นในเดือนก.พ. 2565
  • (-) ดอลล์แข็งค่า ตลาดคลายกังวลโอไมครอน-จับตาประชุมเฟดดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้ รวมทั้งจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย  ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.23% แตะที่ 96.3361 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.49 เยน จากระดับ 112.62 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9261 ฟรังก์ จากระดับ 0.9175 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2770 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2834 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1277 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1312 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3257 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3230 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7041 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6997 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 646.95 จุด นักลงทุนคลายกังวลโอไมครอนดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน หลังจากนายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าไวรัสโอไมครอนก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรง โดยการแสดงความเห็นดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่นหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มอุตสาหกรรม  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,227.03 จุด เพิ่มขึ้น 646.95 จุด หรือ +1.87%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,591.67 จุด เพิ่มขึ้น 53.24 จุด หรือ +1.17% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,225.15 จุด เพิ่มขึ้น 139.68 จุด หรือ +0.93%
  • (+/-) แบงก์ชาติจีนประกาศปรับลด RRR มีผล 15 ธ.ค.นี้  ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ในอัตรา 0.50% สำหรับสถาบันการเงินทุกแห่ง โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. ยกเว้นสถาบันการเงินที่มีการกันสำรองอยู่ที่ระดับ 5% อยู่แล้ว  ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนคาดการณ์ว่า การปรับลด RRR จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจจริง และช่วยลดต้นทุนทางการเงินอย่างครอบคลุม
  • (+/-) นักวิเคราะห์คาดเศรษฐกิจจีนปี 65 จ่อขยายตัว 5.3%สถาบันสังคมศาสตร์ของจีน (CASS) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มขยายตัว 5.3% ในปี 2565 ส่งผลให้ตัวเลขคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปี 2563-2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 5.2%  ทั้งนี้ ที่ปรึกษารัฐบาลเตรียมแนะนำให้ทางการลดระดับเป้าหมายการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2565 จากเดิมที่ตั้งไว้ที่ระดับ “สูงกว่า 6%” จากปัจจัยหลายประการ ทั้งปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ การส่งออกที่อ่อนแอ และมาตรการสกัดโควิด-19 ที่เข้มงวด ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ  นอกจากนี้ CASS ระบุในรายงานประจำปีว่า เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มขยายตัว 8% ในปีนี้ แต่เตือนว่า สถานการณ์ของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังทรุดตัวในขณะนี้มีแนวโน้มยืดเยื้อต่อไป และจะส่งผลกระทบต่อรายจ่ายรัฐบาลในปีหน้า  รายงานดังกล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลกลางออกมาตรการเชิงรุกเพื่อลดแรงกระแทกในภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงป้องกันความเสี่ยงที่ราคาอสังหาริมทรัพย์จะตกต่ำลงอย่างรวดเร็วในเมืองเล็ก ๆ

โดย : บริษัท ที.ดี.ซี. โกลด์ จำกัด

ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรออกมาน้อยกว่าที่คาดการณ์ ขณะที่ในช่วงวันหยุดชดเชยของบ้านเราบริษัท Evergrandeที่เคยมีประเด็นเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ได้ออก

มากล่าวว่า ไม่สามารถชำระคืนหนี้ได้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนฮ่องกงเมื่อวานนี้ปรับตัว

ลดลงกว่า -2% ขณะที่ A-share ยังเป็นบวก นอกจากนี้ตลาดยังกังวลเรื่องการขึ้น

ดอกเบี้ยที่เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ของ FED จึงทำให้ทั้งตลาดหุ้นและตลาดทองคำปรับ

ตัวลดลงมาพร้อมกัน ระยะสั้นมองราคาทองคำยังแกว่งตัว $1775-1800

ที่มา : gold.in.th ( 7 ธ.ค. 64 )

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.