โดย : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)
สัปดาห์ก่อนทองคำ Spotเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 1 เดือน
สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป
ระยะสั้นคาดราคาทองคำยังยืนเหนือ1,800 ดอลลาร์
- สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำ Spot ปรับเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 1 เดือนแตะ 1,833ดอลลาร์ เนื่องจากการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสระบุว่า เฟดจะยังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยมองว่าเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในระยะนี้เกิดจากปัจจัยชั่วคราว และจะยังคงเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ซึ่งการปรับลดวงเงินมาตรการ QE จะยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้อย่างไรก็ดีในวันศุกร์เริ่มมีแรงเทขายทำกำไรออกมาเนื่องจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นและยอดค้าปลีกของสหรัฐเดือนมิ.ย.ที่เพิ่มขึ้นเกินคาด ทางด้านกองทุน SPDR ขายทองคำ11.64 ตันในสัปดาห์ผ่านมา
- สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรปคาดการณ์ว่ายังคงมีมติผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป ตัวเลขภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐเดือนมิ.ย. ได้แก่การอนุญาตก่อสร้าง การเริ่มสร้างบ้านและยอดขายบ้านมือสอง ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนก.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
- หลังจากที่ราคาทองคำเริ่มมีแรงเทขายออกมา แต่ระยะสั้นคาดว่าราคาทองคำยังยืนเหนือ 1,800ดอลลาร์ แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,800-1,825 ดอลลาร์ โดยทองคำมีแนวต้าน 1,825ดอลลาร์ขณะที่มีแนวรับ 1,800 ดอลลาร์ และ 1,790 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,810.80 | -17.60 | 1,800/1,790 | 1,825/1,833 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
28,250 | – | 28,000/27,850 | 28,300/28,400 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
28,290 | -140 | 28,140/28,000 | 28,440/28,560 |
การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำที่ราคาทองคำ Spot1,800 ดอลลาร์ (GF28,140บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,790ดอลลาร์ (GF 28,000บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,815.30 | -10.80 | 1,803/1,793 | 1,828/1,836 |
การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำที่ราคาGOU211,803ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,793ดอลลาร์
ค่าเงิน
ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดอ่อนค่าลงเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ในประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ทะลุ 1 หมื่นรายโดยเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาดสำหรับ USD Futures เดือนก.ย.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 32.70 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 32.90และ 33บาท/ดอลลาร์
News
ตลาดการเงินต่างประเทศ:ดอลล์แข็งค่าขานรับยอดค้าปลีกสหรัฐแข็งแกร่งเกินคาด
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ก.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาดดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.07% แตะที่ 92.6904 เมื่อคืนนี้
ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดลบ $14 เหตุดอลล์แข็ง-บอนด์ยีลด์เพิ่มกดดันตลาด
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ก.ค.) โดยถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นนอกจากนี้การเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาดนั้นยังกระตุ้นให้นักลงทุนขายสัญญาทองคำออกมาเพื่อลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 14 ดอลลาร์หรือ 0.77% ปิดที่ 1,815 ดอลลาร์/ออนซ์แต่สัญญาทองคำปรับตัวขึ้น 0.2% ในรอบสัปดาห์นี้สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 59.9 เซนต์หรือ 2.27% ปิดที่ 25.795 ดอลลาร์/ออนซ์
ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดบวก 16 เซนต์ราคาฟื้นตัวหลังร่วงหนักสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ก.ค.) แต่ร่วงลงในรอบสัปดาห์นี้มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่ผ่านมาโดยถูกกดดันจากความเป็นไปได้ที่ผลผลิตน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นในตลาดโลกและมีความเสี่ยงที่อุปสงค์จะลดลงจากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 16 เซนต์หรือ 0.22% ปิดที่ 71.81 ดอลลาร์/บาร์เรลแต่ร่วงลง 3.7% ในรอบสัปดาห์นี้สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 12 เซนต์หรือ 0.16% ปิดที่ 73.59 ดอลลาร์/บาร์เรลแต่ลดลง 2.6% ในรอบสัปดาห์นี้
ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดลบ 299.17 จุดหุ้นเทคโนโลยีร่วงกดดันตลาด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ก.ค.) โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วงลงอาทิหุ้นแอมะซอนและหุ้นกูเกิลขณะที่นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาเพิ่มขึ้นในสหรัฐดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,687.85 จุดลดลง 299.17 จุดหรือ -0.86%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,327.16 จุดลดลง 32.87 จุดหรือ -0.75% และดัชนีNasdaq ปิดที่ 14,427.24 จุดลดลง 115.90 จุดหรือ -0.80% ในรอบสัปดาห์นี้ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.5%, ดัชนีS&P500 ติดลบ 1% และดัชนีNasdaq ปรับตัวลง 1.9%
สหรัฐจ่อคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีนเตือนกม.ความมั่นคงอาจกระทบบริษัทต่างชาติในฮ่องกง
สหรัฐเตรียมประกาศคว่ำบาตรบรรดาเจ้าหน้าที่จีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปราบปรามประชาธิปไตยในฮ่องกงในวันนี้พร้อมเตือนบริษัทนานาชาติที่ดำเนินธุรกิจในฮ่องกงถึงสถานการณ์ที่ย่ำแย่สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดว่ามาตรการคว่ำบาตรทางการเงินจะมุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่7รายจากสำนักงานประสานงานของรัฐบาลจีนประจำฮ่องกงซึ่งถือเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการของรัฐบาลจีนในฮ่องกงกระทรวงต่างประเทศสหรัฐได้ออกเอกสารแนะนำธุรกิจโดยกล่าวเน้นย้ำถึงความกังวลของรัฐบาลสหรัฐต่อบริษัทนานาชาติซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติของฮ่องกงโดยนักวิเคราะห์ระบุว่าจีนบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวเมื่อปีที่ผ่านมาเพื่อมุ่งปราบปรามนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยและเสรีภาพทางสื่อเมื่อสื่อมวลชนถามถึงเอกสารแนะนำธุรกิจในระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีอังเกลาแมร์เคิลของเยอรมนีประธานาธิบดีโจไบเดนของสหรัฐระบุว่า “สถานการณ์ในฮ่องกงนั้นย่ำแย่รัฐบาลจีนไม่รักษาคำมั่นเกี่ยวกับการจัดการสถานการณ์ในฮ่องกงดังนั้นเอกสารดังกล่าวจึงเป็นคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในฮ่องกง” ทั้งนี้การออกเอกสารแนะนำธุรกิจถือเป็นความพยายามล่าสุดของคณะบริหารของประธานาธิบดีไบเดนที่ต้องการให้รัฐบาลจีนรับผิดชอบต่อสิ่งที่สหรัฐเรียกว่าเป็นการทำลายหลักนิติธรรมของฮ่องกง
“เยลเลน” คาดเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งต่อเนื่องหลายเดือนหวั่นกระทบครัวเรือนรายได้ต่ำ
นางเจเน็ตเยลเลนรัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการ “Closing Bell” ของสถานีโทรทัศน์CNBC เมื่อคืนนี้ (15ก.ค.) ว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐมีแนวโน้มพุ่งขึ้นเป็นเวลานานหลายเดือนโดยเธอกังวลว่าปัญหาเงินเฟ้อจะส่งให้ครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำประสบความยากลำบากในการซื้อบ้านเมื่อมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้น “อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐมีแนวโน้มพุ่งขึ้นเป็นเวลาหลายเดือนอย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มในระยะกลางดิฉันมองว่าอัตราเงินเฟ้ออาจจะปรับตัวลงสู่ระดับปกติและแน่นอนว่ากระทรวงการคลังจะจับตาสถานการณ์เงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด” นางเยลเลนกล่าวข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้ออาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและราคาที่อยู่อาศัยที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นอาจทำให้เกิดภาวะฟองสบู่อย่างไรก็ดีนางเยลเลนกล่าวว่าแม้เธอมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อแต่ก็คาดว่าสหรัฐจะไม่เผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อที่รุนแรงเหมือนกับช่วงวิกฤตการเงินโลกในปี2551โดยเธอกล่าวว่า “สถานการณ์เงินเฟ้อในขณะนี้กับในช่วงปี2551แตกต่างกันอย่างมากแต่ถึงกระนั้นก็ตามสิ่งที่ดิฉันกังวลก็คือแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะส่งผลให้ราคาที่อยู่อาศัยปรับตัวสูงขึ้นซึ่งจะทำให้ครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำประสบกับความยากลำบากในการซื้อบ้าน” “จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องจับตาสถานการณ์เงินเฟ้ออย่างใกล้ชิดแต่เมื่อพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจแล้วดิฉันยังเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวลงสู่ระดับปกติในท้ายที่สุด” นางเยลเลนกล่าว
“ไบเดน” เผยการส่งทหารประจำการในเฮติไม่อยู่ในวาระของรัฐบาลสหรัฐ
ประธานาธิบดีโจไบเดนของสหรัฐเปิดเผยว่าสหรัฐจะส่งทหารนาวิกโยธินเพื่อไปรักษาความปลอดภัยที่สถานทูตของสหรัฐในเฮติเท่านั้นแต่การส่งกองกำลังทหารของสหรัฐเข้าไปประจำการในเฮตินั้นไม่ได้อยู่ในระเบียบวาระของรัฐบาลสหรัฐแม้ว่ารัฐบาลเฉพาะกาลของเฮติพยายามร้องขอให้สหรัฐส่งกองกำลังทหารเข้าประจำการหลังเกิดเหตุการณ์ลอบสังหารประธานาธิบดีเฮติก็ตามประธานาธิบดีไบเดนกล่าวถึงสถานการณ์ในเฮติในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนร่วมนางอังเกลาแมร์เคิลนายกรัฐมนตรีเยอรมันซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการเยือนสหรัฐโดยปธน.ไบเดนกล่าวว่า “เราส่งหน่วยนาวิกโยธินของสหรัฐไปยังสถานทูตของเราเท่านั้นส่วนความคิดที่จะส่งกองกำลังทหารของสหรัฐเข้าไปประจำการในเฮตินั้นไม่ได้อยู่ในระเบียบวาระของรัฐบาลสหรัฐ” สำนักข่าวซินหัวระบุว่ารัฐบาลเฉพาะกาลของเฮติได้ขอร้องให้สหรัฐและสหประชาชาติ (UN) ส่งกำลังทหารเข้าประจำการในประเทศเพื่อรักษาความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญภายหลังเกิดเหตุลอบสังหารประธานาธิบดีโฌเวแนลโมอิสของเฮติทั้งนี้ปธน.โมอิสถูกมือปืนยิงเสียชีวิตที่บ้านพักในช่วงเช้าตรู่ของวันที่7ก.ค. ณกรุงปอร์โตแปรงซ์โดยเหตุลอบสังหารครั้งนี้มีขึ้นเพียง2เดือนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกสภานิติบัญญัติซึ่งกำหนดไว้ในวันที่26ก.ย.
โดย : บริษัท จีแคป จำกัด
แนะแนวทางการลงทุน
แนวรับ 1,807- 1,803- 1,800
แนวต้าน 1,823–1,828– 1,833
ราคาทองคำปิดตลาดลดลงเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาโดยถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์หลังการประกาศตัวเลขยอดค้าปลีกที่ออกมาแข็งแกร่งและการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ อย่างไรก็ดีการดีดตัวขึ้นของราคาทองคำช่วงเช้าทำให้เห็นสัญญาณการฟื้นตัวระยะสั้น ฝั่งซื้อแนะถือรอต่อไป
แนวโน้มราคาทองคำช่วงเช้า
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (16 ก.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 0.4% หลังจากดิ่งลง 1.7% ในเดือนพ.ค. ยอดค้าปลีกดีดตัวขึ้นในเดือนมิ.ย. โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของผู้บริโภค ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนมิ.ย. หลังจากลดลง 1.4% ในเดือนพ.ค.
มุมมองทองคำภาคเช้า ทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 ก.ค.) โดยถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวขึ้น นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาดนั้น ยังกระตุ้นให้นักลงทุนขายสัญญาทองคำออกมาเพื่อลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย
นอกจากนี้นักลงทุนยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศในรอบสัปดาห์นี้ซึ่งได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย จำนวนที่อยู่อาศัยเริ่มสร้าง ใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน ดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเฟดชิคาโก ยอดขายบ้านมือสอง ดัชนีชี้วัดภาวะเศรษฐกิจ ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ เป็นต้น
สรุปภาวะแลกเปลี่ยนเงินตรา
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (16 ก.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 0.4% หลังจากดิ่งลง 1.7% ในเดือนพ.ค. ยอดค้าปลีกดีดตัวขึ้นในเดือนมิ.ย. โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของผู้บริโภค ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนมิ.ย. หลังจากลดลง 1.4% ในเดือนพ.ค.
โดย : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)
คำแนะนำ :
หากราคาทองคำสามารถรักษาระดับยืนเหนือบริเวณ 1,804-1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง สามารถรอขายทำกำไรบางส่วนหากไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,834-1,839 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าฝ่าไปได้ให้รอขายบริเวณแนวต้านถัดไป
แนวรับ : 1,800 1,784 1,766 แนวต้าน : 1,839 1,851 1,866
ปัจจัยพื้นฐาน :
ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวลดลง 17.60ดอลลาร์ต่อออนซ์แม้ในช่วงเช้าของตลาดเอเชีย ราคาทองคำจะดีดตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,832 ดอลลาร์ต่อออนซ์แต่ราคาทองคำไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้ โดยเผชิญกับแรงขายทำกำไรอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันเพิ่มการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีเกินคาด โดยเฉพาะยอดค้าปลีกของสหรัฐที่เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของผู้บริโภค สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.4% สถานการณ์ดังกล่าวหนุนดัชนีดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้น 0.16% แตะที่ 92.712 ในวันศุกร์ พร้อมปิดตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยการแข็งค่าขึ้น 0.60% ซึ่งส่งผลกดดันให้ราคาทองคำร่วงลงแรงพร้อมสร้างระดับต่ำสุดใหม่จากวันก่อนหน้าจนกระตุ้นแรงขายเพิ่มเติม นั่นทำให้ราคาทองคำร่วงลงต่อทดสอบระดับต่ำสุดในระหว่างวันบริเวณ 1,808.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์อย่างไรก็ดี ราคาทองคำยังสามารถปิดตลาดในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองลดลง -5.82 ตันในวันศุกร์ สู่ระดับ 1,028.55 ตัน สะท้อนกระแสเงินทุนในเดือนก.ค.ที่เริ่มไหลออกจากกองทุน ETF ทองคำอีกครั้งหลังจากเกิดกระแสเงินทุนไหลเข้า 2 เดือนติดต่อกัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐจาก NAHB
ปัจจัยทางเทคนิค :
หลังจากราคาทิ้งตัวลง แต่ก็มีแรงช้อนซื้อจนราคาฟื้นตัวขึ้น หากราคาสามารถยืนเหนือโซน 1,804-1,800ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ระยะสั้นอาจทำให้เกิดแรงซื้อดันราคาขึ้นอีกครั้ง โดยประเมินแนวต้านบริเวณที่ 1,834-1,839 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาไม่สามารถยืนเหนือโซนแนวต้านดังกล่าวได้อาจจะเห็นราคาแกว่งตัวออกด้านข้างเพื่อสะสมแรงซื้ออีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน :
ลงทุนระยะสั้นโดยเปิดสถานะซื้อหากราคาอ่อนตัวลงมาในโซน 1,804-1,800ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมลดการลงทุนหากราคาหลุด 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ อาจทยอยแบ่งทองคำออกขายหากราคาทองคำไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,834-1,839ดอลลาร์ต่อออนซ์ ผ่านได้สามารถถือต่อ
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) “ไบเดน” ออกโรงเตือนบริษัทมะกันระวังการทำธุรกิจในฮ่องกง ประธานาธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดนได้ออกคำแนะนำในวันศุกร์ (16 ก.ค.) เพื่อเตือนบริษัทต่างๆ ของสหรัฐเกี่ยวกับการทำธุรกิจในฮ่องกง โดยคำแนะนำดังกล่าวระบุว่า บริษัทสหรัฐอาจเผชิญกับการสอดแนมที่คุกคามความลับขององค์กร และยังเตือนว่า พวกเขาอาจถูกบังคับให้ส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานและลูกค้าของบริษัท
- (+) สหรัฐชี้โควิดเดลตากลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดทั่วโลกแล้วในขณะนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐเปิดเผยว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดทั่วโลกแล้วในขณะนี้ ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตพุ่งขึ้นในสหรัฐซึ่งเกือบทั้งหมดนั้นเป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาวและผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (NIAID) ระบุว่า ไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาได้ถูกตรวจพบในราว 100 ประเทศ และขณะนี้ได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดทั่วโลกแล้ว นางโรเชล วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐเปิดเผยในการแถลงข่าวในวันศุกร์ (16 ก.ค.) ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐเพิ่มขึ้น 70% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 26% ขณะที่การแพร่ระบาดเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนอยู่ในระดับต่ำ CDC ระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อเฉลี่ยรายวันในรอบ 7 วันในขณะนี้อยู่สูงกว่า 26,000 ราย เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากระดับต่ำสุดของเดือนมิ.ย.ที่ราว 11,000 ราย
- (+) ดาวโจนส์ปิดลบ 299.17 จุด หุ้นเทคโนโลยีร่วงกดดันตลาด ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 ก.ค.) โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วงลง อาทิ หุ้นแอมะซอน และหุ้นกูเกิล ขณะที่นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาเพิ่มขึ้นในสหรัฐ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,687.85 จุด ลดลง 299.17 จุด หรือ -0.86%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,327.16 จุด ลดลง 32.87 จุด หรือ -0.75% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,427.24 จุด ลดลง 115.90 จุด หรือ -0.80%
- (+) ผลสำรวจม.มิชิแกนชี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐต่ำสุดรอบ 5 เดือน ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 80.8 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. จากระดับ 85.5 ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 86.5
- (-) เฟดนิวยอร์กเผยผลสำรวจภาคบริการปรับตัวใกล้นิวไฮในเดือนก.ค. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผยว่า ผลสำรวจผู้นำธุรกิจภาคบริการในนิวยอร์ก, นิวเจอร์ซีย์ และคอนเนกติกัต พบว่า ดัชนีธุรกิจภาคบริการลดลง 1.5 จุด สู่ระดับ 41.7 ในเดือนก.ค. แต่ยังคงใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ในเดือนมิ.ย.
- (-) สหรัฐเผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นในเดือนมิ.ย. สวนทางคาดการณ์กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 0.4% หลังจากดิ่งลง 1.7% ในเดือนพ.ค. ยอดค้าปลีกดีดตัวขึ้นในเดือนมิ.ย. โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของผู้บริโภค ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนมิ.ย. หลังจากลดลง 1.4% ในเดือนพ.ค.
- (-) ดอลล์แข็งค่า ขานรับยอดค้าปลีกสหรัฐแข็งแกร่งเกินคาด ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ก.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.07% แตะที่ 92.6904 เมื่อคืนนี้ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 110.07 เยน จากระดับ 109.81 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9195 ฟรังก์ จากระดับ 0.9180 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2605 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2608 ดอลลาร์แคนาดา ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1809 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1806 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3768 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3810 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7400 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7418 ดอลลาร์สหรัฐ
- (+/-) สหรัฐเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.5% สอดคล้องคาดการณ์กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนเม.ย.
โดย : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด
Fundamental
- OPEC+ จบชื่นมื่น ยอมเพิ่มการผลิตให้ 5 ชาติสมาชิก รวมกว่า 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- EU ถอดไทยออกจากรายชื่อประเทศที่อนุญาตให้เดินทางเข้าสหภาพยุโรปได้
- Goldman Sachs ลดคาดการณ์ GDP หลายประเทศในอาเซียนที่กำลังเกิดโควิดระบาดระลอกใหม่
- กูรูตราสารหนี้เตือน Fed กำลังประมาทเงินเฟ้อ และคาดว่า Fed จะรีบกลับมาเร่งลด QE และขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่ากำหนด
Technical
- รูปซ้ายราคาย่อลงมาพักบนเส้น MA สัญญาณลบจากbearish divergenceถูกเคลียร์แล้วในระดับหนึ่ง
- รูปขวาราคาลงลึกถึงเส้น MA เส้นหลัก RSI เริ่มให้สัญญาณบวก แต่ยังต้องลุ้นให้ยืนระยะในวันนี้ก่อน
- ทิศทางวันนี้ทำฐานสะสมพลัง
- จับจังหวะเล่นยังไง?ซื้อ ถ้าหลุด1,808ให้stop loss
Attention
- ติดตามผลการเจรจาวงเงินเบิกจ่าย 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ ระหว่างพรรคเดโมแครตกับพรรครีพับลิกัน
- เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้ากำลังแพร่กระจายทั่วโลก และยังไม่มีวิธีหรือวัคซีนใดที่ป้องกันได้ผลชัดเจน
ที่มา : gold.in.th( 19 ก.ค. 64 )