ราคาทองวันนี้ ข่าวทองคำ

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 21 มิ.ย.64 by SCT, GT,YLG

485

- Advertisement -

โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด

คำแนะนำ   :  ทองลงหลายวันติดแต่ใกล้มีการรีบาวด์ สัปดาห์นี้อาจผันผวน จับตาปัจจัยข่าวใหม่
 
แนวรับ 1755/ 1740| 1730   แนวต้าน 1780|1800|1820
                    Gold/silver           USD                Baht        DOW (stock)
ระยะสั้น   SW /SW DOWN         SW                 SW                SW  
ระยะกลาง          SW                   SW                 SW              SW UP
ระยะยาว       NEUTRAL         BULLISH       NEUTRAL      BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS  1748-92
จุดเข้า BUY 1755
เป้าหมาย 1800-40
SL 1750
รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1700-1900
จุดเข้า BUY 1730-55 เป้าหมาย 1850-1900
SL 1700

บทวิเคราะห์ : สัปดาห์ที่ผ่านมาทองร่วงหนัก เสียโมเมนตั้มขาขึ้นหลังเฟดเปลี่ยนท่าทีส่งสัญญาณจะขึ้นดอกเบี้ยและลดวงเงิน QE เร็วขึ้น ส่งผลให้ FUNDFLOW ไหลกลับมาเข้าค่าเงินดอลลาร์อย่างท่วมท้น ภาพรวมทั้งระยะสั้นและกลางกลับมาเป็นเชิงลบอีกวาระ เนื่องจากราคาร่วงกว่า 150 เหรียญทำให้สัปดาห์นี้ราคาจะมีการรีบาวด์ โดยยังจับตาแนวต้านจิตวิทยา $1800 ซึ่งถ้าราคากลับมายืนได้ก็จะมีลุ้นไปต่อ โดยในสัปดาห์นี้จับตาตัวเลขรายวันและนโยบายดอกเบี้ยอังกฤษตลอดจน นโยบายดอกเบี้ยของ กนง.
 
กลยุทธ์ :  ทองลงมาลึกมากอีกไม่นานจะมีการรีบาวด์ ถ้าราคาดีดตัวไม่ไปผ่าน $1800/1830 ได้ยังถือว่าทองยังเป็นขาลง ค่อยลดพอร์ตตลาดทองมีแนวรับที่สำคัญแถว $1755/1730-40 ซึ่งน่าจะมีแรงปิดสถานะชอตและเข้าซื้อทอง จึงแนะนำเล่นสั้นย่อซื้อขึ้นขาย ในกรณีที่ท่านติดฝั่งซื้อราคาสูงอาจต้องถือยาวหน่อยหลังการปรับฐานจบก็อาจมีขึ้นต่อ กรณีพอร์ตแตก ทนไม่ไหวรอการรีบาวด์ไม่ผ่าน $1800/1830 ค่อยลดพอร์ต

- Advertisement -

โดย  : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

Fundamental

  • ประธานFed เขย่าตลาดการเงินทั่วโลกด้วยการให้ข่าวว่า Fed มีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในปีหน้านี้เลยเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้ลงมาอยู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ซึ่งเป็นความเห็นที่ส่งผลกระทบรุนแรงกว่ามุมมองของที่ประชุม Fed ที่คาดว่าจะเริ่มต้นปรับขึ้นดอกเบี้ยในอีก 2 ปีข้างหน้า
  • ผลลัพธ์ คือ ตลาดหุ้นสหรัฐฯถูกเทขายลงอย่างหนัก ราคาทองคำดิ่งลงอีกครั้งหลังรีบาวด์ขึ้นไปใกล้ 1,800
  • แต่ข่าวดี คือ ในช่วงสั้น ไม่น่ามีข่าวร้ายกว่านี้อีกแล้ว

Technical

  • รูปซ้ายได้เห็นการ cover short ดันราคาขึ้นไปถึงช่วงแนวต้าน 1,795-1,800แล้วร่วงลงทันที แสดงว่าต้องลุ้น 50/50 ว่าแนวรับเดิมแถว 1,755 จะเอาอยู่หรือไม่ แต่ตอนนี้ยังคงคาดกรอบสวิงสร้างฐานที่1,755-1,800
  • รูปขวาRSI เกิด bullish divergence เตือนว่าใกล้จบขาลง แต่การรีบาวด์ยังดูจำกัดมาก
  • ทิศทางวันนี้ใกล้จบขาลง แต่ยังไม่ใช่ขาขึ้น
  • จับจังหวะเล่นยังไง?ปิดทำกำไรฝั่ง short และรอให้ราคารีบาวด์ขึ้นถึง 1,795-1810 ค่อยหาจังหวะ short

Attention

  • คืนวันอังคาร  คาดประธาน Fed ถูกสภาซักละเอียดเรื่องจะลด QE และจะขึ้นดอกเบี้ยเมื่อใด
  • ติดตามผลการเจรจาวงเงินเบิกจ่าย 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ ระหว่างพรรคเดโมแครตกับพรรครีพับลิกัน

โดย  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

คำแนะนำ :

ยังมีลุ้นที่ราคาทดสอบแนวต้านโซนที่ 1,781-1,787 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ดูแรงซื้อแรงขายในช่วงนี้เพื่อประกอบการตัดสินใจ หากไม่ผ่านแนะนำเปิดสถานะขายทำกำไรระยะสั้น โดยประเมินแนวรับโซน  1,761-1,749 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,761 1,749 1,733  แนวต้าน : 1,787 1,803 1,826

จจัยพื้นฐาน :

ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวลดลง 9.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์  พร้อมปิดตลาดในรายสัปดาห์ด้วยการดิ่งลงมากถึง -6% เป็นสัปดาห์ที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่มี.ค.ปี 2020  โดยตลอดทั้งสัปดาห์ราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ประจำเดือนมิ.ย.ที่มีการส่งสัญญาณเตรียมชะลอการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย  ทั้งในแง่ของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 2 ครั้งในปี 2023  รวมถึงเริ่มต้นหารือเกี่ยวกับการปรับลดวงเงิน QEตอกย้ำแนวโน้มดังกล่าวด้วยความเห็นของนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ ที่กล่าวกับ CNBC ในวันศุกร์คาดว่า  “เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในปีหน้า  เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้”  ส่งผลให้นักลงทุนปรับเพิ่มการคาดการณ์การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2022 สะท้อนจากสัญญา Eurodollar Futures ซึ่งเป็นตัวชี้วัดการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในตลาด  บ่งชี้ว่าตลาดเห็นถึงโอกาส 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนธ.ค. 2022  และมีโอกาส 100% ที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งภายในปี 2023  สถานการณ์ดังกล่าวหนุนดัชนีดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้น 0.46% ในวันศุกร์แตะระดับสูงสุดที่ 92.405 สูงสุดตั้งแต่กลางเดือนเม.ย.  พร้อมปิดรายสัปดาห์ด้วยการแข็งค่าขึ้น 2% ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่ดีที่สุดในรอบ 14 เดือน  ส่งผลกดดันให้ราคาทองคำร่วงลงทำระดับต่ำสุดบริเวณ 1,761.13 ดอลลาร์ต่อออนซ์  อย่างไรก็ดี  กองทุน SPDR ถือครองทองเพิ่ม +11.07 ตันในวันศุกร์ซึ่งเป็นการถือครองทองคำเพิ่มมากสุดนับตั้งแต่ 15 ม.ค. และสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของปีนี้  สำหรับวันนี้ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ  แต่แนะนำติดตามถ้อยแถลงของนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดนิวยอร์ก

ปัจจัยทางเทคนิค :

หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือโซน 1,781-1,787 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อาจทำให้เกิดการอ่อนตัวลง โดยประเมินแนวรับบริเวณที่ 1,761-1,749 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากสามารถยืนเหนือโซนแนวรับดังกล่าวได้ประเมินว่าเป็นเพียงแรงขายระยะสั้น ราคาอาจพยายามแกว่งตัวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐานราคา

กลยุทธ์การลงทุน :

เน้นทำกำไรระยะสั้น โดยเปิดสถานะขายเมื่อราคาไม่ผ่านแนวต้านโซน 1,781-1,787 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตัดขาดทุนหากราคายืนเหนือแนวต้านบริเวณ 1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และปิดสถานะขายเพื่อทำกำไรหากราคาทองคำไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,761-1,749 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) CDC เตือนไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาจะเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐ  แพทย์หญิงโรเชล วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) เปิดเผยว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นไวรัสสายพันธุ์หลักในสหรัฐ แทนที่ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) ในขณะนี้ อย่างไรก็ดี แพทย์หญิงวาเลนสกีกล่าวว่า วัคซีนในปัจจุบันยังคงสามารถป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาได้ แต่ต้องมีการฉีดครบ 2 โดส  ทั้งนี้ ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาสามารถแพร่ระบาดได้เร็วกว่าถึง 40-50% เมื่อเทียบกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อัลฟา
  • (+) ดาวโจนส์ปิดร่วง 533.37 จุด วิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ยปีหน้า  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (18 มิ.ย.) และร่วงลงรุนแรงที่สุดในรอบสัปดาห์นี้นับตั้งแต่เดือนต.ค. 2563 เนื่องจากนักลงทุนพากันเทขายหุ้นออกมาท่ามกลางความวิตกว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,290.08 จุด ร่วงลง 533.37 จุด หรือ -1.58%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,166.45 จุด ลดลง 55.41 จุด หรือ -1.31% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,030.38 จุด ลดลง 130.97 จุด หรือ -0.92%
  • (+) ผู้นำคิมสั่งรัฐบาลเปียงยางเตรียมพร้อมสำหรับความสัมพันธ์ “แบบเผชิญหน้า” กับสหรัฐฯรอบใหม่  ผู้นำเกาหลีเหนือนายคิม จอง อึน สั่งให้รัฐบาลเปียงยางเตรียมตัวสำหรับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดี โจ ไบเดนทั้งในรูปแบบการพูดคุยเจรจาและการเผชิญหน้า แต่เขายำ้ถึงความเป็นไปได้ที่จะเผชิญหน้ามากกว่า  ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นตามรายงานข่าวของสื่อทางการเกาหลีเหนือ เเละเกิดขึ้นหลังจากที่อเมริกาและประเทศต่างๆเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยกเลิกโครงการนิวเคลียร์และกลับมาเจรจาอีกครั้งหนึ่ง  ส่วนทางการจีนกล่าวว่า ควรมีการื้นฟื้นการเจรจาระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนือด้วยเช่นกัน 
  • (-) ปธ.เฟดเซนต์หลุยส์ช็อกตลาด หลังคาดเฟดอาจขึ้นดบ.ปีหน้า  นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในปีหน้า  ทั้งนี้ นายบูลลาร์ดเป็นกรรมการเฟด 1 ใน 7 รายที่คาดว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่จะดำเนินไปอย่างยาวนาน  “ผมคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปลายปีหน้าเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่จะพุ่งแตะ 3% ในปีนี้ และจะอยู่ที่ 2.5% จนถึงปี 2565 โดยสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด” นายบูลลาร์ดกล่าว  นายบูลลาร์ดระบุว่า การที่เฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดในสัปดาห์นี้ ถือเป็นการรับมือตามปกติต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และโดยเฉพาะเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ ขณะที่สหรัฐทำการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากประกาศล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
  • (-) อังกฤษเผยยอดค้าปลีกลดลง 1.4% ในเดือนพ.ค. สวนทางคาดการณ์  สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกลดลง 1.4% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 1.6%  นอกจากนี้ มีการคาดการณ์ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งมีการพบครั้งแรกในอินเดีย จะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า
  • (-) ดอลล์แข็งค่า ขานรับคาดการณ์เฟดจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยปีหน้า  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (18 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า  ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.39% แตะที่ 92.2262 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9217 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9171 ฟรังก์สวิส และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2425 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2351 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.14 เยน จากระดับ 110.24 เยน  ส่วนยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1872 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1914 ดอลลาร์, เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3817 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3925 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7499 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7553 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (+/-) ไบเดนเร่งชาวมะกันฉีดวัคซีนโควิด หวั่นพลาดเป้าฉีดครบ 70% ภายใน 4 ก.ค.  ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐเรียกร้องในวันศุกร์ (18 มิ.ย.) ให้ชาวอเมริกันเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เนื่องจากทำเนียบขาวมีแนวโน้มที่จะพลาดเป้าหมายที่กำหนดไว้ในเดือนหน้า ขณะที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ทำให้เกิดความวิตกอย่างมาก  ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนที่อัตราปัจจุบันในสหรัฐดูเหมือนไม่มีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายของปธน.ไบเดนที่จะฉีดวัคซีนโควิดอย่างน้อย 1 โดสให้กับผู้ใหญ่ราว 70% ภายในวันที่ 4 ก.ค.ซึ่งเป็นวันชาติของสหรัฐ  ณ วันศุกร์ที่ 18 มิ.ย. ประชาชนราว 65.1% ในสหรัฐได้รับวัคซีนโควิดแล้วอย่างน้อย 1 โดส และการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นน้อยกว่า 1% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา  ข้อมูลจากทำเนียบขาวระบุว่า ชาวอเมริกันมากกว่า 175 ล้านคนได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส และ 55% ของประชากรวัยผู้ใหญ่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว

ที่มา : gold.in.th( 21 มิ.ย.64

- Advertisement -

Leave a Reply