สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้น
- ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 4.7 ดอลลาร์ หรือ 0.26% ปิดที่ 1,805.9 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 0.5 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 26.239 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 27.3 ดอลลาร์ หรือ 2.49% ปิดที่ 1,123 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 47.30 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 2,859.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปรับตัวลง หลังจากดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.13% แตะที่ 92.2596 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงกดดันหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.363% เมื่อคืนนี้ โดยการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
อย่างไรก็ดี สัญญาทองคำสามารถปิดที่เหนือระดับ 1,800 ดอลลาร์ติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนยังคงเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะไวรัสสายพันธุ์เดลตา
ข้อมูลล่าสุดจาก Worldometer ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกสะสมมีจำนวน 187,881,480 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 4,052,664 ราย โดยสหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อสูงสุดในโลกถึง 34,733,831 และมีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก โดยอยู่ที่ 622,850 ราย